Friday, 20 June 2025
ค้นหา พบ 48906 ที่เกี่ยวข้อง

อดีตทูตนริศโรจน์ ชี้ 2 ฮีโร่ 4 ขา สุดยอด ช่วยคนได้นับ 10 ชีวิตจากภารกิจในตุรเคีย

(12 ก.พ. 66) อดีตทูต นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

สุนัข 2 ตัวนี้ไปถึงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น สามารถช่วยชีวิตคนได้ 10 คนแล้ว...หล่อมากเลย

Thailand’s heroic rescue dogs saved 10 humans within hours after being on the ground in Turkey.

#สื่อสารการทูตไทยเชื่อมไทยสู่สากล #communicateXconnect #การทูตเพื่อประชาชนทุกแห่งหนเราดูแล

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัย 'รักออนไลน์' รับเทศกาลวาเลนไทน์ ย้ำ “เขาอาจจะคุยกับเรา เพราะแค่อยากได้เงินเรา”

วันนี้ (12 ก.พ.66) เวลา 08.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยสถิติและรูปแบบอาชญากรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับความรักรับช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ให้ประชาชนมีสติ แนะวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อ “รักเขา รักษาเงินในบัญชีตัวเองด้วย”

พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณฯ เปิดเผยว่าสถิติอาชญากรรมออนไลน์ประจำเดือน มกราคม 2566 จากศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ พบว่าสถิติคดีเกี่ยวกับการหลอกให้รักยังสูงถึง 403 คดี โดยแบ่งเป็นคดีประเภทหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน จำนวน 168 เรื่อง และคดีหลอกลวงให้รักแล้วลงทุน จำนวน 235 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 190 ล้านบาท

รองโฆษกฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภัยออนไลน์เกี่ยวกับความรักหรือ Romance Scams คือการใช้เทคนิคทางจิตวิทยาพัฒนาความสัมพันธ์กับเหยื่อผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ สร้างความเชื่อใจระหว่างบุคคล แล้วทำการหลอกลวงด้วยวิธีการต่างๆ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการได้รับเงิน ซึ่งในปัจจุบันพบหลากหลายวิธี เช่น (1) หลอกให้รักแล้วโอนเงิน (Romance scam) ด้วยการสร้างเรื่องราวต่างๆ ที่ให้ความหวังหรือที่น่าเห็นใจ (2) หลอกให้รักแล้วชวนลงทุน (Hybrid scam) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ปลอมด้วยการโอนเงินหรือลงทุนในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัล (3) หลอกให้รักแล้วกดลิงก์/ดาวน์โหลดแอปรีโมท (Remote access scam) ควบคุมสมาร์ทโฟนและทำการดูดเงินในบัญชี และ (4) หลอกให้รักแล้วแบล็คเมล์ (Sextortion) ขู่กรรโชกทางเพศ ด้วยการชวนทำกิจกรรมทางเพศผ่านทางออนไลน์ แล้วนำภาพหรือวิดีโอมาขู่เรียกค่าไถ่ หรือบีบบังคับให้กระทำการอื่นๆ  

ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ แนะข้อสังเกตแจ้งเตือนประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อโจรลวงรักออนไลน์ ดังนี้

1. ใช้รูปโปรไฟล์ของคนหน้าตาดี :  มิจฉาชีพมักจะสร้างตัวตนปลอมโดยใช้รูปโปรไฟล์ที่หน้าดึงดูด คุยเก่งอัธยาศัยดี มีประวัติที่น่าสนใจ ประชาชนจึงควรตรวจสอบ ยืนยันตัวบุคคลที่เราคุยด้วยทางแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ชัดเจนในหลากหลายช่องทาง ระลึกไว้เสมอว่า ไฟล์เอกสารยืนยันตัวตนที่ส่งมา หรือเว็บไซต์บริษัทหรือหน่วยงานที่ปรากฏชื่อคนที่เราคุยด้วยอาจถูกปลอมแปลงขึ้นมาอีกที  และหากมีการขอให้เปลี่ยนช่องทางในการคุย โดยการแนะนำให้ดาว์นโหลดแอปพลิเคชั่น หรือกดลิงค์ไม่ทราบที่มาที่ไปชัดเจน ห้ามกดเด็ดขาด เพราะอาจเป็นแอปรีโมทที่สามารถดูดเงินให้บัญชีของเราได้ 
2. หลอกขายฝัน : มิจฉาชีพมักจะแสร้งว่ามีความรักความปรารถนาดีให้ และทำการแนะนำให้ทำการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต หรือหลอกว่าจะมาใช้ชีวิตหรืออนาคตด้วยกัน ดังนั้นหากคนที่กำลังคุยทางออนไลน์มีการชักชวนให้ทำการลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ หรือขอความช่วยเหลือด้านการเงิน เช่น ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล และค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าภาษีของมีค่าของขวัญที่ส่งมาให้ ให้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพ

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยบัตรเครดิตถูกหักเงินชำระค่าโฆษณาสื่อสังคมออนไลน์โดยไม่ทราบสาเหตุ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์ เตือนภัยบัตรเครดิตถูกหักเงินชำระค่าโฆษณาสื่อสังคมออนไลน์โดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนี้

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้เสียหายหลายรายแจ้งว่าบัตรเครดิตของตนถูกหักเงินไปชำระค่าโฆษณาสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ยกตัวอย่าง เช่น กรณีของผู้เสียหายรายหนึ่งถูกหักเงินจากบัตรเครดิตไปชำระค่าโฆษณาของแอปพลิเคชัน TikTok กว่า 7,000 บาท หรือผู้เสียหายอีกกรณีถูกหักเงินจากบัตรเครดิตไปชำระค่าโฆษณาแอปพลิเคชัน Facebook กว่า 18,000 บาท เป็นต้น ซึ่งทั้งสองกรณีผู้เสียหายยืนยันว่าไม่ได้ทำธุรกรรมดังกล่าว ไม่เคยผูกบัตรเครดิตไว้กับแอปพลิเคชันใด ๆ และในการถูกหักเงินออกจากบัตรเครดิตก็ไม่ได้รับรหัส OTP เพื่อยืนยันการทำธุรกรรม รวมไปถึงไม่พบการพยายามเข้าถึงระบบ (Login) ของแอปพลิเคชันดังกล่าวด้วย นั้น

ที่ผ่านมา กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) ได้ทำการสนับสนุนตรวจสอบหาสาเหตุของการหลอกลวงในรูปแบบดังกล่าวในอีกหลายรูปแบบ เช่น กรณีมิจฉาชีพอ้างเป็นสถาบันการเงินหลอกให้กดลิงก์อัปเดตข้อมูล ทำให้เงินในบัญชีผู้เสียหายสูญหายไป และยังเป็นหนี้บัตรเครดิตอีกจำนวนมาก หรือกรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นพนักงาน บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต โทรศัพท์แจ้งผู้เสียหายว่าได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการติดเชื้อโควิด-19 ขอข้อมูลเพื่อยืนยันตัวตน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร รหัส OTP เป็นต้น

โดยจากการตรวจสอบ และวิเคราะห์พบว่ามักจะเกิดได้จาก 2 กรณีหลัก คือ กรณีแรกเกิดจากการที่ผู้เสียหายเผลอให้ข้อมูลบัตรกับมิจฉาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการถูกหลอกลวงให้เข้าไปกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม หรือการให้บัตรเครดิตไปกับผู้อื่นเพื่อทำธุรกรรมการเงินในชีวิตประจำวัน แล้วบุคคลนั้นนำข้อมูลที่ได้ไปใช้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เป็นต้น กรณีที่สองอาจจะเกิดจากการที่ผู้เสียหายกดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม หรือลิงก์โฆษณาต่างๆ ที่ฝังมัลแวร์ดักรับข้อมูลของมิจฉาชีพ ทั้งนี้ต้องนำโทรศัพท์ของผู้เสียหายแต่ละรายมาตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด เช่น ตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์ว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ทำธุรกรรมใดหรือไม่ หรือผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชันใดบ้าง เป็นต้น

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการชักชวนหลอกลวงลงทุนออนไลน์ การระดมทุนที่ผิดกฎหมาย โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการ  ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ย้อนประวัติศาสตร์ เมื่อครั้ง 'กัมพูชา' บ้านแตกสาแหรกขาด จนต้องหนีมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทย

เมื่อวานนี้ (11 ก.พ. 66) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่อง ‘กัมพูชาภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารองค์พระมหากษัตริย์ไทย’ มีเนื้อหาระบุว่า

กัมพูชาหรือ Cambodia หรือ เคลมโบเดีย ในช่วงนี้อาจจะเคลมตั้งแต่มวยไทย โขนไทย ไปจนถึงห่อหมกของไทย อาจจะถูกเคลมว่าเป็นของกัมพูชา แต่คนไทยจำนวนมากอาจจะไม่เคยทราบว่ากัมพูชาเคยเป็นประเทศราชของไทย อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารขององค์พระมหากษัตริย์ไทยมายาวนาน และกษัตริย์ของคนกัมพูชาเองก็เคยพลัดบ้านพลัดเมือง พลัดถิ่นฐานบ้านเกิดเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย เหมือนที่ประชาชนชาวกัมพูชานับล้านนับแสนคนเคยหนีร้อนมาพึ่งเย็นใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารเมื่อคราวเขมรแตกเช่นเดียวกัน

นักองค์เอง หรือ สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดีศรีสุริโยพรรณ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 105 แห่งกัมพูชา แต่ทรงเป็นพระราชโอรสบุญธรรมในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ของไทย เมื่อคราวเกิดความวุ่นวายในกัมพูชา นักองค์เองพระชนมายุได้เพียง 10 พรรษา ก็ต้องหนีราชภัยเข้ามาอาศัยในกรุงเทพมหานคร รัชกาลที่ 1 ทรงสร้างวังเจ้าเขมรพระราชทานให้อยู่อาศัย พระราชทานให้ทรงพระผนวช หลังจากรัชกาลที่ 1 ทรงสังคายนาเหตุการณ์ความวุ่นวายในกัมพูชาได้สำเร็จ ทรงให้นักองค์เองกลับไปครองราชย์สมบัติที่กัมพูชา แต่นักองค์เองครองราชย์ได้ไม่นานก็ประชวรสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2339 รวมพระชนมายุเพียง 23 พรรษาเท่านั้น 

ต่อมานักองค์จันทร์พระราชโอรสของนักองค์เองได้ทรงครองราชย์ต่อจากนักองค์เอง แม้นักองค์จันทร์จะได้รับการสนับสนุนจากสยาม แต่ทรงฝักใฝ่และถูกแรงบีบคั้นจากเวียดนามอีกด้วย ทำให้กัมพูชาอยู่ภายใต้การปกครองของเวียดนาม 

โอรสอีกองค์หนึ่งของนักองค์เองคือนักองค์ด้วงได้หนีเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ของไทย นักองค์ด้วงเติบโตมาในวังเจ้าเขมรของนักองค์เองที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสร้างพระราชทานไว้ 

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ไปตีเขมรและปราบปรามความวุ่นวายในกัมพูชาจนราบคาบสงบลง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นักองค์ด้วงไปทรงครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์กัมพูชาหลังจากเสด็จมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในกรุงเทพกว่า 27 ปี ได้รับการสถาปนาโปรดเกล้าให้ทรงครองราชย์ที่สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี พระมหากษัตริย์องค์ที่ 108 ของกัมพูชา 

นักองค์ด้วงนั้นทรงเป็นพระราชบิดาของทวดของสมเด็จพระนโรดมสีหนุ หรือ เจ้าสีหนุ กษัตริย์องค์ที่ 112 ของกัมพูชา และสมเด็จพระนโรดมสีหนุทรงเป็นพระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบันของกัมพูชา

ทั้งนี้กัมพูชาเป็นประเทศราชของไทยอยู่เกือบร้อยกว่าปีในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนไทยจะเสียดินแดนกัมพูชาให้กับฝรั่งเศส ดังนั้นกัมพูชาจึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมไทยไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักองค์ด้วงซึ่งทรงเติบโตในกรุงเทพกว่า 27 ปี เมื่อทรงกลับไปครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์กัมพูชาแล้วก็ทรงนำศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของราชสำนักไทยกลับไปยังกัมพูชาด้วย ยกตัวอย่างเช่น โขน ละคร และนาฏยศิลป์ของกัมพูชานั้นได้ครูโขนและครูนาฏศิลป์ไทยไปสอนและถ่ายทอดท่ารำ และแม้กระทั่งบทร้องบทละครก็ได้รับอิทธิพลไปจากไทยทั้งสิ้นดังที่ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนเล่าไว้ในหนังสือโครงกระดูกในตู้ และคุณชายคึกฤทธิ์ ได้เขียนกลอนบริภาษเขมรเอาไว้ว่า

วธ.บูรณาการ ๓๒ หน่วยงาน จัดใหญ่งานประเพณีสงกรานต์ปี ๒๕๖๖ ภายใต้แนวคิด “สืบสานสงกรานต์วิถีไทย ร่วมสานใจ สู่สากล” เน้นเผยแพร่คุณค่าอัตลักษณ์สงกรานต์ไทย สู่มรดกวัฒนธรรมของมนุษยชาติ

เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบูรณาการกำหนดแนวทางการจัดงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๖ ผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting โดยมี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ศูนย์ประชุมกระทรวงวัฒนธรรม ชั้น ๘ อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม

นายอิทธิพล เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบูรณาการเพื่อกำหนดแนวทางการจัดงานสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ว่า เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมรณรงค์ให้คนไทยตระหนักในคุณค่า สาระ ความสำคัญของประเพณีสงกรานต์ และร่วมมือกันอนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรม ตามแบบแผนอันดีงามของไทย ที่แสดงออกถึงความกตัญญู ความรัก ความสามัคคี มุ่งหมายให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ตลอดจนเพื่อประชาสัมพันธ์การเสนอประเพณี “สงกรานต์ในประเทศไทย” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การยูเนสโก ให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวาง เน้นประเพณีอันงดงาม ที่มีการปฏิบัติกันทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของชาติพันธุ์ต่าง ๆ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น ทั้งยังเป็นการต่อยอดสร้างสรรค์ทุนทางวัฒนธรรม Soft Power เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนและประเทศ ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พร้อมรองรับการเปิดประเทศในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้จัดกิจกรรมสงกรานต์ได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างความสุข สร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

รมว.วธ. เปิดเผยต่อว่า เพื่อให้กิจกรรมประเพณีสงกรานต์ในภาพรวมของประเทศเป็นไปด้วยความดีงามและเหมาะสม รวมถึงป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล วธ.โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงได้การประชุมคณะกรรมการบูรณาการเพื่อกำหนดแนวทางการจัดงานสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๓๒ หน่วยงาน ได้แก่  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย  กรมควบคุมโรค  กระทรวงสาธารณสุข  คณะกรรมการการอาชีวศึกษา  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กองบังคับการตำรวจจราจร  กรมการขนส่งทางบก  กรมการท่องเที่ยว  กรมทรัพยากรน้ำ  กรมประชาสัมพันธ์  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น  กรมอุตุนิยมวิทยา  กรมสารนิเทศ  สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  การประปานครหลวง  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  จังหวัดเชียงใหม่  จังหวัดขอนแก่น  จังหวัดชลบุรี  จังหวัดสมุทรปราการ  จังหวัดนครศรีธรรมราช   จังหวัดปทุมธานี  สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร  สภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)   มูลนิธิเมาไม่ขับ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ข้อสรุปแนวทางในการจัดงานประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ภายใต้แนวคิด “สืบสานสงกรานต์วิถีไทย ร่วมสานใจ สู่สากล” ครอบคลุมคุณค่าสาระของวัฒนธรรม ประเพณี เผยแพร่อัตลักษณ์ของท้องถิ่น กระตุ้นการท่องเที่ยว รักษาสุขอนามัย ตลอดจนความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ประกอบด้วย ๙ แนวทางสำคัญ ดังนี้
๑. ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมกันจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ มุ่งเน้นสืบสานคุณค่าสาระของประเพณีอันดีงาม พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สู่การรับรู้ของชาวต่างชาติ
๒. ส่งเสริมให้จังหวัดต่าง ๆ ใช้พื้นที่จัดกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมในเทศกาลสงกรานต์ ร่วมกันสืบสานประเพณีที่ดีงาม เหมาะสม
๓. รณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันสืบสานคุณค่าสาระและสิ่งที่ควรทำของประเพณีสงกรานต์ เช่น การทำความสะอาดบ้านเรือน วัด ศาสนสถานที่นับถือ สถานที่สาธารณะ ทำบุญตักบาตร ปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ สรงน้ำพระพุทธรูป ขอพรผู้สูงอายุ
๔. รณรงค์ให้แต่งกายที่สร้างภาพลักษณ์ความเป็นไทย เช่น ใช้ผ้าไทย ผ้าท้องถิ่น ชุดไทยย้อนยุค หรือชุดสุภาพ เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยต่อชาวต่างชาติ
๕. การขอความร่วมมือหน่วยงานต่าง ๆ สนับสนุนศิลปินพื้นบ้านในการจัดกิจกรรม การละเล่น และการแสดงทางวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น ตามแนวทางมาตรการเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๖๖ เพื่อเป็นการถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และให้เด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วไป ได้ร่วมกันสืบสานประเพณี โดยคำนึงถึงวัฒนธรรมที่ถูกต้องเหมาะสม และร่วมกันเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม
๖. หน่วยงานด้านความมั่นคง ความปลอดภัย และด้านบริการประชาชน ให้รักษามาตรการด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่สร้างความสุข ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top