Monday, 23 June 2025
ค้นหา พบ 48959 ที่เกี่ยวข้อง

กาฬสินธุ์อลังการเดินแบบผ้าผู้ไทโบราณอายุกว่า 100 ปี

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนชาวผู้ไท ทุกเพศ ทุกวัย กว่า 200 ชีวิต สร้างมิติใหม่ให้โลกจำ สวมชุดผู้ไทโบราณ ชุดผู้ไทดั้งเดิม ชุดผู้ไทประยุกต์ ขึ้นแคตวอล์คโชว์ความเก่าแก่ ประณีต สวยงาม บนเวทีเดินแบบผู้ไท อีกหนึ่งไฮไลต์ในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ 'โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท' ที่เวทีกลาง สวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง ต.คุ้มเก่า อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดงานเดินแบบชุดผู้ไท ไฮไลต์ผ้าไทยในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ 'โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท' ที่ทาง อ.เขาวง โดยเทศบาลตำบลกุดสิม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์ และหลายภาคส่วนร่วมกันจัดขึ้น 

โดยมี นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ ผศ.จุรีรัตน์ กอเจริญยศ นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นางสาววิภาวี บุญเรือง นายก ทต.กุดสิม  พร้อมด้วยส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ประชาชนชาวผู้ไท ร่วมงาน และสวมชุดผู้ไทโบราณ ชุดผู้ไทดั้งเดิม ชุดผู้ไทประยุกต์ กว่า 200 ชุด ซึ่งหลายชุดเป็นเสื้อผู้ไทมรดกและมีอายุกว่า 100 ปี สร้างสีสันและความฮือฮาเป็นอย่างมาก

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เวทีเดินแบบชุดผู้ไทดังกล่าว เป็นอีกไฮไลต์หนึ่งในงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ 'โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท' ที่ทาง อ.เขาวง โดยเทศบาลตำบลกุดสิม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์ และหลายภาคส่วนร่วมกันจัดขึ้น เพื่อแสดงออกถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ของพี่น้องชาติพันธุ์ผู้ไท จากหลายท้องที่ ที่มีการสืบสานมาตั้งตั้งแต่บรรพบุรุษถึงอนุชนรุ่นหลัง ซึ่งมีอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีความเข้มแข็ง เหนียวแน่น มีความพร้อมเพรียง สมัครสมานสามัคคี เป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต ที่สำคัญคือเป็นวิถีแห่งการดำเนินชีวิตและการดำรงอยู่แบบเรียบง่าย รักความสงบ

‘ฝนหลวง’ โครงการจากน้ำพระทัย ‘ในหลวง ร.9’ ช่วยคนไทยรอดตายจากฝุ่น PM 2.5

ไม่เฉพาะ 'คนกรุง' ที่รอดตายจากฝุ่น PM 2.5
หากแต่ 'รอดกันทั้งประเทศ'!
เพราะจู่ๆ 'ฝน' ก็ตกลงมาสยบเจ้า PM 2.5 จนพอหายใจ-หายคอกันได้บ้าง
ตกมาแล้ว ๒-๓ วันติด ไม่เฉพาะใน กทม. หากแต่ 'ตกทั่วฟ้า' ทั้ง เหนือ-อีสาน-ตะวันออก-กลาง

และจะตกเป็น 'พระพิรุณปราบฝุ่น' ไปจนกว่า PM 2.5 จะสิ้นฤทธิ์
ผมรู้ได้ไง ใจเย็นๆ...เดี๋ยวบอก!
อ่านนี่ก่อน เมื่อวาน (๕ ก.พ.๖๖) "ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร" ของชัชชาติ ออกข่าว ว่า

"เวลา ๑๕.๐๐ น. ฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง เขตบางซื่อ  บางพลัด พญาไท ดุสิต
เคลื่อนตัวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เเนวโน้มคงที่ ปริมาณฝนสูงสุดเขตราชเทวี 2.0 มม."
แหม…

กทม.ออกข่าวประหยัดข้อมูลจริงนะ น่าจะบอกให้ชัดซักหน่อย ว่า "ฝนมาไง-เป็นไง"?
ตกตามธรรมชาติ หรือผู้ว่าฯ ชัชชาติบันดาล?
ไม่เหมือนตอนหาเสียงเลย

"ทั้งทีม" รู้ทุกเรื่อง พูดเป็นต่อยหอยทุกเรื่อง แต่ตอนทำงานกลับ "อมสาก" ทุกเรื่อง
คนเป็นผู้ว่าฯ เหมือนกัน.....
หมื่นรู้ แสนสัญญา ปานพระวิศณุกรรมอวตารลงเป็นชัชชาติ ปัญหา กทม.ถ้าแก้ไม่ได้ ใครก็ไม่ควรมาเป็นผู้ว่าฯ
ควร "ลาออกไปซะ"!

แล้วเป็นไง กลายเป็น "ผู้ว่าฯ เวรกรรม" ของคนกรุง ร่วมปี ซักเรื่อง...เคยมีที่แก้ได้บ้างมั้ยล่ะ?
"แก้ได้ทุกเรื่อง" มีเรื่องเดียวคือ "แก้ตัว"!
ฝุ่น PM 2.5 มืดคลุมเมือง.......
จนน้ำหู-น้ำตาไหลปนน้ำมูก ไอจามกันค็อกแค็กทั้งกรุง

หน่วยปั้นข่าวยังทะลึ่งออกมาอุ้มไข่ บอกไม่ใช่ฝุ่น แต่เป็น "หมอกหน้าหนาว"!
มันน่า "เจริญพวง" ซะจริงๆ!
ผู้ว่าฯ "สัญญาแลกเกี๊ยะ" ๒๑๔ ข้อ นั่นก็ไม่รู้ไปตามเก็บเกี๊ยะอยู่ที่ไหน?
เห็นแต่ "ทหาร" ออกมาฉีดน้ำล้างถนน-ไล่ฝุ่น
จะไล่ได้-ไม่ได้ ไม่เป็นปัญหา อย่างน้อย ก็ทำให้ชาวบ้านมองเห็น "ที่พึ่ง-ที่หวัง"

ว่ายามมีปัญหา "ทุกปัญหา" ต้องเห็น "ทหาร" ออกมายืนเคียงข้าง คอยปกป้อง-ดูแล ประชาชน
ดีกว่า ไอ้คนที่มีหน้าที่ทำ แต่ไม่ทำอะไรเลย แถมหัวก็ไม่เห็นอีกตะหาก
ใครไม่รู้ "เฉาฉุ่ย" ไว้ตอนเลือกทีมงาน ว่า...
"ดูในแต่ละมิติ อย่างรองผู้ว่าฯ เราก็รู้ว่า มีสำนักอะไรดูแลบ้าง ขอให้มีความหลากหลาย ทั้งประสบการณ์ มีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

แต่ละคน จะมีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายกันไป
สำคัญที่สุดคือ ซื่อสัตย์ โปร่งใส สุจริตที่เราไว้วางใจได้ นอกจากนี้ มีทีมที่ปรึกษาทางเทคนิคอีกกว่า ๓๐-๔๐ คน ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิชาการที่เราปรึกษามา ๒ ปีกว่า
ตอนที่เราปรึกษา....

เราเป็นการเมืองการเลือกตั้ง หลายๆ ท่าน เปิดตัวไม่ได้ พอเราเป็นข้าราชการ กทม.แล้ว เราสามารถเปิดตัวท่านได้"
แล้วไหนล่ะ ผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลาย อยากเห็นจัง
เก่งฉิบ....

แค่ ๗-๘ เดือน บรรดาผู้เชี่ยวชาญของชัชชาติทำให้ กทม.วินาศสันตะโรได้ถึงขนาดนี้?
แล้วตอนนี้ "หึ่ง" ไปหมด
ไอ้ "ซื่อสัตย์ โปร่งใส สุจริตที่เราไว้วางใจได้" ของชัชชาตินั่นน่ะ
"คุณชูวิทย์" ชำระตำนาน "ส่วยตำรวจ" เสร็จเมื่อไหร่
ผมจะนิมนต์มาแฉตำนาน "ส่วย กทม." ตอนนี้บ้าง!!!

ถ้าชัชชาติอยากรู้....
ไปถาม "ประธานที่ปรึกษา" ของท่านดูซิ ว่ารู้เรื่องบ้างมั้ย...ที่ลงไปเก็บส่วยกันถึงในแต่ละเขตนั่นน่ะ?
จริงๆ แล้ว เรื่องฝุ่น PM 2.5 คนกรุงพอเข้าใจได้ว่า มันเป็น "ฝุ่นประจำฤดูกาล"
ต้นปีที จะเป็น "ฤดูเผา" ทั้งเกษตรกรบ้านเราและประเทศเพื่อนบ้าน ฝุ่น PM 2.5 ก็จะปลิวมาทุกปี

ก็บ่นๆ กันไป พอแค่ได้ระบาย
ที่จะไปเค้นคอให้ "ผู้ว่าฯ สัญญาแลกเกี๊ยะ" แสดงอภินิหารแปลงกายเป็นพระพายไปไล่ฝุ่นนั้น
ไม่มีใครเขา "ยึดขยะ" เป็นสรณะถึงขนาดนั้นหรอก!
ที่ผมต้องพูดถึงคณะบริหาร กทม.วันนี้ ไม่ใช่เพราะผิดหวังในตัวพวกท่าน

เพราะรู้ ก็แค่ "กอเอี๊ยะ" ปิดฝีที่ตูด หวังจะให้ดูดหัวออกมานั้น มันสรรพคุณเกินจริง
ที่ต้องพูด สืบเนื่องจากข่าวที่ กทม.สื่อสารถึงชาวบ้านประเด็นฝนตกช่วงฝุ่น PM 2.5 กำลังจะฆ่าคนกรุงนั่นแหละ

กทม.ของชัชชาติ ออกข่าวเพียงว่า....
"๑๕.๐๐ น. ฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง เขตบางซื่อ บางพลัด พญาไท ดุสิต...." แบบนั้นน่ะ

นั่นมันเหมือนการแถลงข่าวของบางประเทศเพื่อนบ้านเมื่อ ๕๐ กว่าปีที่แล้ว "ฝนตกเมื่อไหร่จะบอก"
คนเขาอยากรู้ "ฝนตกช่วงนี้ได้อย่างไร" ตะหาก
จะมาตวัก-ตะบวยบอกทำไมแค่ฝนตก?
ที่ กทม.ออกข่าวแบบนี้ ผิดวิสัยการให้ข้อมูลข่าวสารตามหลัก "การประชาสัมพันธ์" โดยสุจริต ถึงประชาชน ในสถานการณ์ PM 2.5 กำลังคลุมเมือง

มองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากมองได้ในทางเจตนาเดียวคือ กทม.ต้องการให้ชาวบ้านเข้าใจเอาว่า
"เป็นฝนตกลงมาเองตามธรรมชาติ"!
ซึ่งมันไม่ใช่ และ กทม.ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่ามันไม่ใช่ฝนจากฟ้าบันดาลลงมาดับฝุ่นเอง
แต่ก็ กทม.ก็ไม่ยอมบอก "เหตุฝนตก" ให้ประชาชนทราบ
อิจฉา...ซ่อนเร้นเจตนา หรือ กทม.กลัวจะเสียหน้า!?

สู้ปล่อยให้ "ครุมเครือในข้อมูล" อย่างนี้ดีกว่า ยังพอเอา ไปเคลมกับคน ๑.๓ ล้านได้บ้าง
ผมขอบอกให้ทุกคนทราบว่า ฝนที่ตกลงมาดับฝุ่น PM 2.5 ทั้งในกรุงและต่างจังหวัดขณะนี้ คือ
"ฝนหลวง" ครับ....
ไม่ใช่ฝนตกตามธรรมชาติ หรือฝนร้อยห่าชัชชาติบันดาลตกใน กทม.อย่างที่พยายามปกปิดข้อมูลกัน
"ฝนหลวง" คืออะไร?

คือ โครงการที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์
ใน "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" รัชกาล ที่ ๙
จุดประสงค์ เพื่อสร้าง "ฝนเทียม" สำหรับบรรเทาความแห้งแล้งให้แก่เกษตรกร เมื่อคราวเสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกร ปี พ.ศ.๒๔๙๘ ในภาคอีสาน

จึงพระราชทานโครงการพระราชดำริฝนหลวงให้ "ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล" ไปดำเนินการ
จึงได้เกิดเป็น "โครงการค้นคว้าทดลอง" ปฏิบัติการ "ฝนเทียม" หรือ "ฝนหลวง" ขึ้น ตราบทุกวันนี้

ที่ฝนตกบรรเทาฝุ่น PM 2.5 ทั้ง เหนือ-อีสาน-ตะวันออก-กลาง และ กทม. ก็จากการบินขึ้นไปปฏิบัติการทำ "ฝนหลวง"
ของ "กรมฝนหลวงและการเกษตร" นั่นเอง!

'อนุทิน ชาญวีรกูล' รมต.สาธารณะสุข 'หมอหนู' ผู้ฝ่าทุกดราม่า โควิด!

พูดถึง '8 ปีรัฐบาลลุงตู่' ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับ 'เหล่ารัฐมนตรี' ซึ่งหลาย ๆ คนสร้างผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ พูดให้เข้ายุคเข้าสมัย ต้องเรียกว่า มีหลายคนที่เป็น 'รมต.ตัวตึง' ตึงทั้งผลงาน ตึงทั้งชื่อเสียง แถมยังตึงทั้งเรื่องข่าวคราว 

ว่าแล้วจึงหยิบเอาเรื่องราว 'เหล่า รมต.ตัวตึง' 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลลุงตู่ มีรัฐมนตรีคนไหนผลงานตึง ๆ ปัง ๆ กันบ้าง เริ่มต้นที่ 'อนุทิน ชาญวีรกูล' รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือ 'หมอหนู' ขวัญใจมหาชน นี่เอง 

ย้อนเวลากลับไปราวสามปีก่อน 13 มกราคม 2563 กระทรวงสาธารณสุขยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกในไทย เป็นนักท่องเที่ยวหญิงจีน อายุ 61 ปี และนับจากนั้น ถือเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่ง 'มหากาพย์โควิด-19' 

แน่นอนว่า ด่านหน้าที่ต้องเสี่ยง ทำงานหนักในการรับมือและยับยั้งสถานการณ์ระบาด คือ เหล่าบรรดาบุคลากรใน 'กระทรวงหมอ' ภายใต้การนำของ 'อนุทิน ชาญวีรกูล' รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องมีวิธีสื่อสาร ฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามในสถานการณ์ระบาด โควิด-19 ด้วยวาจา ท่าที และแนวทางที่ "ถึงลูกถึงคน" แต่ทั้งหมดนำพาซึ่ง 'ผลงาน' ที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ แม้ว่าจะต้องฝ่าด่านอภิมหากระแสดรามา หลายช่วงหลายตอนทีเดียว

#ดราม่า1 จวกนักท่องเที่ยว ปัดรับหน้ากากอนามัย! 
ในช่วงเริ่มต้นของวิกฤติการระบาด ด้วยระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ใช้เวลาเป็นสัปดาห์ ทำให้เชื้อเดินทางไปได้ไกล ทั้งยังไม่มียา และวัคซีน ดังนั้นมาตรการวัคซีนทางสังคม รักษาระยะห่าง  ล้างมือบ่อย ๆ และการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อคือวิธีที่พอทำได้  

นี่เอง จึงเป็นที่มาของภาพของ 'หมอหนู' ออกเดินรณรงค์แจกหน้ากากอนามัยบนสถานีรถไฟฟ้าถูกเผยแพร่ตามหน้าสื่อ 

แต่กลับกลายเป็นประเด็นดรามา หลังคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าตัว ที่ออกปากตำหนิคนที่ไม่ไส่ - ไม่รับหน้ากากอนามัย ว่าเป็นคนทำร้ายบ้านเมือง รวมถึงต่อว่าถึงนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่ปัดมือ ไม่ยอมรับหน้ากากอนามัย ว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม สมควรไล่ออกนอกประเทศไป

ไม่ทันข้ามวัน ก็เกิดกระแสดรามา วิจารณ์ถึงท่าทีกราดเกรี้ยวของรัฐมนตรีสาธารณสุข นักวิชาการบางคนโพสต์ข้อความติติงว่า จะไปตำหนิคนไม่ใส่หน้ากากอนามัยเป็นคนทำร้ายบ้านเมืองไม่ได้ และคนที่ไม่ป่วย ก็ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย

แม้ดรามานี้ จะจบลงที่ รมต.อนุทิน โพสต์ความผ่านเฟซบุกส่วนตัว ขออภัยที่มีอาการ 'หลุด' ใส่ชาวต่างชาติแถบยุโรปบางคนที่ไม่ให้ความร่วมมือ และแสดงอาการรังเกียจคนไทยที่สวมหน้ากากอนามัย แต่ก็ยังตอกย้ำแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขไทย กำลังเดินหน้าทำต่อเนื่อง 

"เราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าหลายๆ ประเทศ เพราะเราตื่นตัวก่อน และทำงานจริงจังตั้งแต่เริ่มต้น" เป็นประโยคยืนยันจากเจ้ากระทรวง 

ไม่นานจากนั้น ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ชาติตะวันตก ก็ต้องประกาศใช้มาตรการ 'วัคซีนทางสังคม' โดยเฉพาะมาตรการบังคับ 'สวมหน้ากากอนามัย' เพื่อป้องกันการระบาด ในช่วงที่ยังไม่มีวัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่นั่นเอง

#ดรามา2 โต้ข้อกล่าวหา วัคซีนล่าช้า - แทงม้าตัวเดียว 
วิกฤติการระบาดของโควิด-19 ที่ขยายวงเร็ว และรุนแรง ทำให้กระบวนการพัฒนาวัคซีน ที่ตามลูปปกติต้องใช้เวลาวิจัย พัฒนา และทดลองใช้ อย่างน้อย 4-6 ปี แต่สถานการณ์ระบาดโควิด- 19 ทำให้กระบวนการต้องถูกเร่งรัด ข้ามบางขั้นตอน หรือนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ เพื่อให้ทันกรอบเวลาไม่เกินปีครึ่ง แน่นอนว่าผลลัพธ์ของการเร่งกระบวนการพัฒนาวัคซีน ย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจจะตามมาด้วย 

27 พ.ย. 2563 รัฐบาลไทยลงนามสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยจองล่วงหน้าระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับแอสตราเซเนกา โดยมี บริษัท สยามไบโอไซแอนซ์ จำกัด รับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน ตั้งเป้าให้คนไทยมีวัคซีนใช้ ในต้นปี 2564 

แต่ด้วยสถานการณ์ความต้องการวัคซีนที่พุ่งสูง การบริหารจัดการวัคซีนโควิด- 19 ทั่วโลกไม่นิ่ง ทำให้แผนการจัดหาวัคซีนของไทย ต้องปรับเปลี่ยน และยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์  

ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ล็อกเป้าถล่มนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าประเมินสถานการณ์และตัดสินใจผิดพลาด ทำให้การนำเข้าวัคซีนล่าช้า และการเลือกผูกสัญญากับแอสตราเซเนกา แทนการเลือกบริหารความเสี่ยง โดยจัดหาวัคซีนผ่านช่องทางอื่น ๆ นั้น มีนัย ไม่ต่างจากการ 'เลือกแทงม้าตัวเดียว' 

"วันนี้ต้องขออนุญาตใส่แมสก์ 2 ชั้น เพราะอีกสักพักจะมีหนูตายคลุ้งสภา" วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล โหมโรงก่อนเข้าสู่เนื้อหาอภิปรายเผ็ดร้อน

และเมื่อถึงคราวที่ 'หมอหนู' ลุกขึ้นแจงปมต่าง ๆ ในช่วงท้าย ยังวกกลับมา ระบุว่า "กลิ่นหนูตายเน่าพอ ๆ กับกลิ่นปากเหม็นไม่ต่างกัน แต่ผมเชื่อว่าผมยังทำประโยชน์ให้บ้านเมืองและประเทศได้มากกว่า เอาไว้ท่านมีโอกาสเข้ามาก่อน ค่อยมาพิสูจน์กัน"

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนั้น จบลงที่ 10 รัฐมนตรีที่ถูกซักฟอก รอดทุกคน! แต่ผลลัพธ์ และน้ำหนักของคำตอบจาก 'รมต.อนุทิน' ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนั้น ถูกประทับตราด้วยคะแนนไว้วางใจสูงที่สุดคือ 275 ไม่ไว้วางใจ 201 และงดออกเสียง 6

#คลี่คลายดรามา จัดหาวัคซีนตามเป้า 
หลังผ่านวิกฤติ ความสูญเสีย และภาวะความยากลำบากจากการระบาดของโควิด- 19 ที่กินเวลายาวนานกว่า 2 ปี  สถานการณ์เริ่มกลับคืนสู่ภาวะปกติมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจัยสำคัญคือ การได้รับ 'วัคซีน' ครบโดสจนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ 

บทสรุปการเปลี่ยนแปลง 'สถานีกลางฯ' หลังผ่านไป 2 สัปดาห์ รถไฟตรงเวลา - ผู้โดยสารปรับตัว - เจ้าหน้าที่คุ้นเคย

(6 ก.พ. 66) เพจ 'โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

สรุปการเปลี่ยนแปลง สถานีกลางฯ หลังผ่านไป 2 สัปดาห์ รถไฟตรงเวลา, ผู้โดยสารปรับตัว, เจ้าหน้าที่คุ้นเคย สู่ศักราชใหม่ของระบบราง 

เมื่อวานผมได้ไปสังเกตการณ์ การพัฒนาการของสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ หลังจากที่เปิดให้บริการมา 2 สัปดาห์ ผ่านดรามาต่าง ๆ และการเปลี่ยนแปลงระบบการให้บริการใหม่

เลยขอมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังกันหน่อยครับ ขอแบ่งเป็นส่วน ๆ คือ...

- ผู้โดยสาร
ผมต้องชื่นชมผู้โดยสารที่ปรับตัว และทำความเข้าใจกับขั้นตอนในการใช้บริการใหม่ ซึ่งพอทุกคนเข้าใจ ทุกอย่างก็ราบรื่นยิ่งขึ้น

เริ่มตั้งแต่การเข้าแถว รอขึ้นชานชาลา ไปจนถึงการขึ้นรถ เพื่อเตรียมออกเดินทางภายใน 20 นาที

แต่ในหลาย ๆ ส่วนก็ยังต้องปรับปรุงอยู่บ้าง เช่น ป้ายสัญลักษณ์ และหน้าจอแสดงผลในระดับดิน ซึ่งทราบจากพี่ ๆ ที่อยู่ในการรถไฟว่า ตอนนี้กำลังออกแบบ และเตรียมติดตั้งอยู่

- เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย
ก็ต้องชื่นชมทีมงานทุกส่วนของการรถไฟที่ได้ปรับเปลี่ยน รวมถึงจัดเตรียมระเบียบใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับการให้บริการในสถานีกลาง

โดยเฉพาะทีมงานที่อยู่หน้างานทั้งฝ่ายประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่สถานี และทีมบริหารจัดการเดินรถ

จนทำให้ ระยะเวลาที่เลท ในวันแรกบางขบวนถึง 3 ชั่วโมง จนล่าสุด ก็ตรงเวลามา 2 วันติดต่อกันแล้ว ซึ่งก็หวังว่าจะรักษามาตรฐานนี้กันอย่างต่อเนื่อง

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! ทัวร์จีนมองไทยเป็นประเทศในฝัน เชื่อ!! ปีนี้ นทท.จีน เข้าไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน

(6 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝัน ของนักท่องเที่ยวจีน ที่ต้องการมาเยือนหลังมีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 

นายอนุชา กล่าวว่า ทางการจีนประกาศเปิดประเทศ และอนุญาตให้บริษัทนำเที่ยว บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ทั่วประเทศจีน รวมถึงธุรกิจตั๋วเครื่องบิน-โรงแรม ดำเนินกิจการจัดการท่องเที่ยวสำหรับชาวจีนแบบหมู่คณะ ไป 20 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.นี้ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้จัดแคมเปญดึงดูด และมีมาตรการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเดินทางมาประเทศไทย โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้ากลยุทธ์ 'China is Back' ดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยร่วมกับภาคเอกชนจัดแคมเปญใหญ่ Two Lands, One Heart (ไทย-จีน ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน) ส่งเสริมการตลาดดึงนักท่องเที่ยวจีนมาท่องเที่ยวไทย พร้อมทั้งใช้เครื่องมือทางดิจิทัลในลักษณะ Worldwide Platform และสานต่อกลยุทธ์ Celebrity Marketing และเร่งฟื้นเที่ยวบินรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวจีน และร่วมกับพันธมิตรขายแพ็กเกจท่องเที่ยว ทั้งเดินทางข้ามชายแดนทางบก (R3A) รถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว และเรือครุยส์แม่น้ำโขง ทั้งนี้ ททท. ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยได้ไม่น้อยกว่า 5 ล้านคนในปีนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top