Monday, 23 June 2025
ค้นหา พบ 48981 ที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กตู่' ลุย!! แผนพัฒนาตลาดทุนฯ ฉบับที่ 4 ชู!! 'เศรษฐกิจดิจิทัล' พาเศรษฐกิจไทยโตยั่งยืน

(4 ก.พ.66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากผลสำเร็จของแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560-2564) ในการเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) เป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย และพัฒนาให้ตลาดทุนไทยเป็นจุดเชื่อมโยงของภูมิภาค เป็นต้น ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ได้รับทราบแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2565 - 2570) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อพลิกฟื้นทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแรง ให้ตลาดทุนไทยเป็นผู้นำระดับภูมิภาค ส่งเสริมทุกภาคส่วนให้เติบโตอย่างยั่งยืน สนับสนุนทุกภาคส่วนให้ปรับสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและเสริมสร้างความอยู่ดีมีสุขทางการเงินของประชาชน

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 ที่สานต่อจากแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ฉบับที่ 3 ได้คำนึงถึงปัจจัยความท้าทาย และทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจโลก (Mega Trends) ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนในหลายด้านที่สำคัญ อาทิ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สังคมสูงวัย ภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ เป็นต้น รวมทั้งมุ่งเน้นการสร้างภูมิทัศน์ของภาคตลาดทุนไทยในอนาคต ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ 29 แผนงาน ดังนี้...

ยุทธศาสตร์ที่ 1 ตลาดทุนเพื่อการแข่งขันได้ (Competitiveness) เป็นการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของทุกภาคส่วนในตลาดทุนไทยและระบบเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 11 แผนงาน โดยมีแผนงานที่สำคัญ เช่น การแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เป็นต้น

ยุทธศาสตร์ที่ 2 ตลาดทุนที่เข้าถึงได้ (Accessibility) เป็นตลาดทุนที่เอื้อให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ ประกอบด้วย 8 แผนงาน โดยมีแผนงานที่สำคัญ เช่น การสนับสนุนให้กลุ่มธุรกิจเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต (New Economy) กลุ่มธุรกิจที่เน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาต่อยอดจากอุตสาหกรรมเดิมเพื่อให้เติบโตต่อไปได้ในอนาคต (New S-curve) และกลุ่มธุรกิจด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) การระดมทุนผ่าน LiVE Exchange ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์สำหรับ SMEs และ Startup เป็นต้น 

ยุทธศาสตร์ที่ 3 ตลาดทุนดิจิทัล (Digitalization) เป็นการส่งเสริม ประยุกต์ และใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลในตลาดทุน ประกอบด้วย 6 แผนงาน โดยมีแผนงานที่สำคัญ เช่น โครงการ Digital Infrastructure (DIF) เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานกลางในตลาดทุน เป็นต้น

ยุทธศาสตร์ที่ 4 ตลาดทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainability) เป็นการมุ่งเน้นส่งเสริมความยั่งยืนของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนไทยและระบบเศรษฐกิจในระยะยาว ประกอบด้วย 1 แผนงาน ได้แก่ มาตรการส่งเสริมและพัฒนาให้ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างยั่งยืน (ESG) 

ยุทธศาสตร์ที่ 5 ตลาดทุนเพื่อความอยู่ดีมีสุขทางการเงิน (Financial well-being) เป็นการมุ่งเน้นสร้างผลลัพธ์ทางการเงินที่ดี รวมถึงการสร้างโอกาสในการลงทุน โดยมีการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ประกอบด้วย 3 แผนงาน โดยมีแผนงานที่สำคัญ เช่น การพัฒนาทักษะทางการเงินของคนไทย (Financial Literacy) ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาทักษะทางการเงิน พ.ศ. 2565 - 2570 การปรับปรุงพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 เป็นต้น

'รทสช.' พร้อม!! จ่อเข็นนโยบายแรกเดือนนี้ ยัน!! ไม่มุ่งโกยแต่คะแนน จนกระทบงบประมาณ

(4 ก.พ.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายของ รทสช.จะมีออกมาหรือยัง เพราะขณะนีัหลายพรรคเริ่มเปิดกันออกมาแล้ว ว่า รทสช.จะเริ่มทยอยเปิดนโยบายออกมาในเดือนนี้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นห่วงมากว่านโยบายอะไรที่ออกไปแล้ว ไม่ใช่คิดแต่ว่าจะได้คะแนน แต่เป็นห่วงว่าจะกระทบกับงบประมาณหรือไม่ ดังนั้น รทสช.จะต้องคำนึงถึงตรงนี้ให้มาก 

เปิดเหตุผลที่ ChatGPT สั่นสะเทือนโลก AI และอาจทำให้หลายอาชีพในโลกไร้ความหมาย

หลังจากที่ Bill Gates ประกาศให้โลกรู้ ChatGPT และการเข้ามาของ AI รอบนี้ถือว่าสำคัญพอๆ กับการกำเนิดของ 'คอมพิวเตอร์' และ 'อินเตอร์เน็ต' และยังกล่าวอีกว่า AI จะเปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่อีกครั้ง 

ไม่นานหลังจากนั้น Microsoft เริ่มนำ ChatGPT เชื่อมต่อกับหลายบริการ เช่น ซอฟต์แวร์นัดหมายอย่าง 'ทีมส์' (Teams)

ไม่เพียงเท่านั้น วงการอื่นๆ ก็เริ่มเข้าไปหยิบเจ้า ChatGPT มามีส่วนร่วมกับงานของตนมากขึ้น เช่น ผู้พิพากษาโคลอมเบียเริ่มใช้ ChatGPT ช่วยตัดสินคดีเกี่ยวกับสิทธิด้านการรักษาพยาบาลของเด็กออทิสติก เนื่องจากมีความซับซ้อนจึงนำ AI มาช่วยตัดสินใจ 

ขณะที่สภาคองเกรสของสหรัฐฯ ก็เริ่มใช้ ChatGPT เสนอร่างกฏหมายบางส่วนกันแล้วด้วย

คำถาม คือ เจ้า AI ที่เรียกว่า ChatGPT นี้ มันจะไปได้สุดแค่ไหน เพราะ ณ ตอนนี้ความฉลาดของมันเริ่มเข้ามา 'แทนที่' มนุษย์ในหลายเรื่องสำคัญๆ

มันสามารถตอบคำถามได้แทบทุกอย่าง มันสามารถเขียนโค้ดโปรแกรม สามารถเขียนบทความ เขียนเนื้อเพลง สร้างสคริปต์นำเสนอสินค้า สร้างสูตรทำอาหาร และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งยังพูดคุยและแสดงอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย 

ไม่นานมานี้ Techsauce ได้นำเสนอบทความที่กำลังแสดงให้เห็นว่า ChatGPT กำลังสั่นสะเทือนโลก AI โดย เบิร์น เอลเลียต รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ อิงค์ ได้ให้ข้อมูลที่ควรต้องตระหนักไว้ว่า...

หลังจาก OpenAI บริษัทวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เปิดตัว ChatGPT แพลตฟอร์มสนทนา AI รูปแบบใหม่อย่างเป็นทางการนั้น จากข้อมูลของบริษัทฯ ได้ระบุว่ารูปแบบการสนทนาที่จัดทำโดยแพลตฟอร์มนี้ ทำให้ ChatGPT สามารถ “ตอบคำถามได้ครอบคลุม ยอมรับข้อผิดพลาด พร้อมนำเสนอข้อมูลใหม่ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และปฏิเสธคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล”

นับตั้งแต่ ChatGPT เปิดให้บริการ บนโลกโซเชียลมีเดีย ก็เริ่มมีการถกเถียงกันถึงความเป็นไปได้ในการนำนวัตกรรมนี้มาปรับใช้ รวมถึงอันตรายที่อาจตามมา 

นั่นก็เพราะมันมีความสามารถในการวิเคราะห์หาข้อผิดพลาดของโค้ด (Debug Code) ไปจนถึงศักยภาพในการเขียนเรียงความสำหรับนักศึกษา

ขณะที่มีรูปแบบการใช้งานโมเดลพื้นฐานมากมาย เช่น GPT ในโดเมนต่างๆ ประกอบด้วย Computer Vision, Software Engineering และงานวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Research and Development) เช่น มีการใช้แบบจำลองพื้นฐานสร้างรูปภาพขึ้นจากข้อความ และตรวจสอบโค้ดจากภาษาธรรมชาติ (Natural Language) รวมถึงการทำ Smart Contracts หรือแม้แต่ในด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare) เช่น การสร้างยารักษาโรคใหม่ๆ และการถอดรหัสลำดับจีโนมเพื่อจำแนกโรค

>> นี่คือข้อกังวลด้านจริยธรรม

แม้โมเดลแบบจำลองพื้นฐาน AI เช่น GPT ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้าน AI จากประโยชน์เฉพาะตัวที่มอบให้ อาทิ การช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาสร้างโมเดลแบบจำลองเฉพาะโดเมน แต่นั่นก็ก่อให้เกิดความเสี่ยงและข้อกังวลด้านจริยธรรม ซึ่งประกอบด้วย...

Complexity: โมเดลจำลองขนาดใหญ่ต้องใช้พารามิเตอร์นับพันล้านหรืออาจมากถึงล้านล้าน โดยโมเดลจำลองเหล่านี้มีขนาดใหญ่เกินไปที่องค์กรจะนำมาทดสอบใช้งาน เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรการประมวลผลที่จำเป็นจำนวนมาก อาจทำให้มีราคาแพงและไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Concentration of power: โมเดลจำลองเหล่านี้ส่วนใหญ่สร้างขึ้นโดยบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด ด้วยการลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาจำนวนมหาศาล และมีความสามารถด้าน AI เป็นสำคัญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจในหน่วยงานขนาดใหญ่ไม่กี่แห่ง อาจสร้างความไม่สมดุลในอนาคต

Potential misuse: โมเดลจำลองพื้นฐานช่วยลดต้นทุนในการสร้างเนื้อหา ซึ่งหมายความว่าการสร้าง Deepfake ที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับจะง่ายขึ้น รวมถึงทุก ๆ อย่าง ตั้งแต่การเลียนแบบเสียงและวิดีโอไปจนถึงผลงานศิลปะปลอม ตลอดจนการโจมตีแบบกำหนดเป้าหมาย ซึ่งข้อกังวลด้านจริยธรรมร้ายแรงที่เกี่ยวข้องอาจทำให้เสียชื่อเสียงหรือสร้างความขัดแย้งทางการเมืองได้

Black-box nature: โมเดลจำลองเหล่านี้ยังต้องการการทดสอบอย่างถี่ถ้วนและสามารถมอบผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจ เนื่องจากการทดสอบในลักษณะกล่องดำ (Black-box nature) ที่ไม่คำนึงถึงคำสั่งภายในซอฟต์แวร์ และคลุมเครือว่าฐานข้อมูลที่ตอบสนองนั้นเท็จจริงเพียงใด อาจนำเสนอผลลัพธ์ที่เอนเอียงได้จากข้อมูลที่กำหนดไว้ โดยกระบวนการทำให้ข้อมูลตรงกันของแบบจำลองดังกล่าวสามารถนำไปสู่ความล้มเหลวได้ หากคลาดเคลื่อนเพียงจุดเดียว

Intellectual property: โมเดลแบบจำลองถูกทดสอบกับคลังข้อมูลของชิ้นงานที่สร้างขึ้น และยังไม่ชัดเจนว่าจะมีกฎหมายบังคับอย่างไรสำหรับการนำเนื้อหานี้กลับมาใช้ใหม่ และหากเนื้อหานั้นมาจากทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น 

จากที่ว่ามา...เบิร์น เอลเลียต จึงมองว่าการใช้ ChatGPT จึงควรมีแนวทางการใช้โมเดลพื้นฐาน AI อย่างมีจริยธรรม ดังนี้...

1. เริ่มต้นจากการใช้งานการประมวลผลภาษาตามธรรมชาติ (Natural Language Processing - NLP) เช่น การจัดหมวดหมู่ การสรุป และการสร้างข้อความในสถานการณ์ที่ไม่ได้เจอตัวลูกค้า และเลือกงานที่มีความเฉพาะ โดยโมเดลจำลองที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้วจะสามารถลดต้นทุนการปรับแต่งและการทดสอบที่มีราคาแพง หรือใช้ในกรณีที่ต้องการตรวจสอบผลลัพธ์โดยมนุษย์

2. ใช้สร้างเอกสารเชิงกลยุทธ์ที่สรุปประโยชน์ ความเสี่ยง โอกาส และแผนงานการปรับใช้โมเดลจำลองพื้นฐาน AI เช่น GPT ซึ่งจะช่วยพิจารณาว่าได้ประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงหรือไม่ กรณีที่นำมาใช้งานเฉพาะ

3. ใช้ APIs บนคลาวด์สำหรับสร้างรูปแบบจำลองและเลือกแบบจำลองที่มีขนาดเล็กที่สุด เพื่อให้มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการเพื่อลดความซับซ้อนในการดำเนินงาน ลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนรวมสำหรับการเป็นเจ้าของ 

4. จัดลำดับความสำคัญของผู้จำหน่ายที่ส่งเสริมการปรับใช้โมเดลอย่างมีความรับผิดชอบโดยการเผยแพร่แนวทางการใช้งาน การบังคับใช้ รวมถึงบันทึกช่องโหว่และจุดอ่อนที่ทราบ พร้อมเปิดเผยพฤติกรรมที่เป็นอันตรายและสถานการณ์การใช้งานในทางที่ผิดแบบเชิงรุก

5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2404 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ‘ถนนเจริญกรุง’

วันนี้ เมื่อ 162 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ‘ถนนเจริญกรุง’ ถนนหลักสายแรกของประเทศไทย

ถนนเจริญกรุง ถูกดำริให้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2404 โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยเหตุที่มีชาวต่างชาติ ได้เข้ามาทำธุรกิจห้างร้าน รวมถึงที่ทำการกงสุลต่าง ๆ ก็ถูกก่อสร้างขึ้นในย่านนี้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้ขอให้สร้างถนนสายสำหรับขี่ม้า หรือนั่งรถม้า พระองค์จึงทรงดำริให้มีการสร้างถนนที่มีมาตรฐานขึ้น แล้วเสร็จเมื่อราวปี พ.ศ. 2407

แรกเริ่มเดิมที ผู้คนเรียกถนนสายนี้ว่า ‘ถนนใหม่’ ส่วนฝรั่งเรียกว่า ‘นิวโรด’ (New Road) และชาวจีนเรียกว่า ซินพะโล้ว แปลว่า ถนนตัดใหม่ เช่นกัน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามถนนว่า ‘ถนนเจริญกรุง’ ซึ่งมีความหมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง

เชียงใหม่-แอร์เอเชีย ต้อนรับเที่ยวบินแรก 'สิงคโปร์-เชียงใหม่' คึกคัก

เชียงใหม่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 แอร์เอเชียต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เส้นทาง “เชียงใหม่-สิงคโปร์” ปั้นเชียงใหม่เป็นฐานปฏิบัติการการบินศูนย์กลางเชื่อมเส้นทางระหว่างประเทศหลากหลาย ดึงรายได้เข้าภาคเหนือกระตุ้นเศรษฐกิจ เผยเเผนเดือนมีนาคมนี้ เปิดเส้นทางบินเพิ่มอีก 2 เส้นทาง คือ “เชียงใหม่-ฮ่องกง” และ “เชียงใหม่-มาเก๊า” ชูจุดเด่น บินประหยัดคุ้มค่า พร้อมคุณภาพบริการมาตรฐานระดับโลก การันตีด้วยรางวัลติดอันดับตรงต่อเวลาสุงสุด จาก 2 สถาบัน Cirium และ OAG รวมทั้งมาตรฐานปลอดภัยสูงสุด เรตติ้ง 7/7 จาก airlinerating.com 

นายสุรพันธ์ หอมขจร ผู้จัดการสายการบินไทยแอร์เอเชีย ประจำท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันฐานปฏิบัติการการบินเชียงใหม่ มีฝูงบินแอร์บัสเอ 320 ประจำการอยู่ 4 ลำ มีเส้นทางบินเข้าออก 8 เส้นทางภายในประเทศเเละ 5 เส้นทางระหว่างประเทศ หรือมากกว่า 420 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ถือเป็นฐานปฏิบัติการการบินแอร์เอเชียที่มีเที่ยวบินมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากดอนเมือง ตอกย้ำความสำคัญและกลยุทธ์ผลักดันให้จังหวัดเชียงใหม่ของเราเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเดินทางในภูมิภาค โดยเฉพาะเที่ยวบินระหว่างประเทศ ที่ตั้งเเต่ปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 เราทยอยเพิ่มเส้นทางบินใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อชิงโอกาสในฤดูกาลท่องเที่ยว พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้ผ่อนคลาย

“แอร์เอเชียมีความพร้อมเต็มที่ในการกลับมาให้บริการเส้นทางบินต่างๆ ด้วยพนักงานและฝูงบินขนาดใหญ่ เราจึงสามารถเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ได้ต่อเนื่องทันที โดยเชียงใหม่-สิงคโปร์ ถือเป็นเส้นทางยอดนิยมที่ทุกคนรอคอย และได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยปัจจุบันเราให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ อาทิตย์ ซึ่งต้องขอขอบคุณทางจังหวัด ท่าอากาศยานเชียงใหม่ การท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย เเละทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมประสานเเละทำงานด้วยกันอย่างดี ทำให้การท่องเที่ยวเชียงใหม่กลับมาคึกคักอีกครั้ง ภายใต้มาตรฐานด้านสุขอนามัยที่รัดกุม” นายสุรพันธ์กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top