(30 ม.ค. 66) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ปีนี้ เราน่าจะได้เห็นการยุบสภาก่อนครบวาระในเดือนมีนาคม การเลือกตั้งครั้งต่อไปมีการคาดคะเนกันว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่จะมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดที่สุดระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ และจะมีการใช้เงินกันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
ด้วยระบบการเมืองและนักการเเมืองที่มีอยู่เป็นอยู่ในขณะนี้ พรรคการเมืองที่ได้เปรียบย่อมเป็นพรรคที่มีเงินทุนมาก ดังนั้น พรรคที่ประกาศว่าจะชนะเลือกตั้งแบบ landslide คงต้องทุ่มทุกอย่างจนสุดตัว ใช้ทุกวิธี เพื่อที่จะให้ชนะเลือกตั้งแบบ landslide ให้ได้
พรรคการเมืองพรรคนี้ ใครที่เป็นหัวหน้าพรรคเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด เพราะแทบจะไม่มีอำนาจตัดสินใจในระดับนโยบายเลย ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งยังมีการสร้างตำแหน่งขึ้นใหม่ในพรรค เป็นตำแหน่งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย นั่นคือตำแหน่ง 'หัวหน้าครอบครัว' เพื่อให้ลูกสาวเจ้าของพรรคเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ และจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อไป หัวหน้าพรรคต้องคอยเดินตามหลัง ค้อมคำนับให้หัวหน้าครอบครัวที่มีอายุคราวลูก ยืนอยู่ข้างหลังเวลาหัวหน้าครอบครัวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน และจะต้องทำหน้ายิ้มแย้มด้วยความชื่นชม ยากเหลือเกินสำหรับการทำหน้าที่หัวหน้าพรรคของพรรคการเมืองพรรคนี้
หัวหน้าครอบครัวประกาศว่า จะต้องได้ชัยชนะแบบ landslide และจะนำพ่อกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน พูดเช่นนี้คอการเมืองก็เข้าใจทันทีว่า ที่ต้องการชนะแบบ landslide เพราะต้องการเป็นรัฐบาลที่สามารถคุมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมให้พ่อได้กลับบ้านโดยไม่ต้องเดินเข้าคุกนั่นเอง เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่จะให้พ่อกลับบ้านแบบเท่ ๆ ได้
ทั้งเจ้าของพรรคและหัวหน้าครอบครัวดูจะมีความมั่นใจมากว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเชียร์ตัวเองแบบไม่ลืมหูลืมตา จีงกล้าประกาศเช่นนั้น แต่มาวันนี้น่าจะเห็นแล้วว่า คนไทยไม่ได้เชียร์พ่อตัวเองอย่างไม่ลืมหัวลืมตาแล้ว แน่นอนคนแบบนั้นยังมีอยู่จำนวนหนึ่ง แต่คนอื่นๆ ที่เคยเลือกพรรคนี้เป็นจำนวนมากเริ่มไม่สบายใจที่จะเลือกพรรคนี้เพื่อให้ไปออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อคนเพียงคนเดียว หากเลือกพรรคนี้ก็จะมีความวุ่นวายในบ้านเมืองตามมาแน่ ๆ และอาจจะมีความรุนแรงกว่าเมื่อครั้งออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยเสียอีก
ล่าสุดเจ้าของพรรคซึ่งประกาศว่าตัวเองจะกลับบ้านมาทุกปีเป็นเวลาหลายปีแล้ว ยังคงกลับไม่ได้ จึงออกมาพูดนำทางแก้เกี้ยวว่ายังกลับบ้านไม่ได้เพราะครอบครัวกลัวจะไม่ปลอดภัย (ว่าเข้าไปนั่น) แต่เมื่อจะกลับ จะไม่ต้องออกฎหมาย ไม่ต้องเกี้ยเซี๊ยกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ต้องใช้พรรคเพื่อไทย หลังจากนั้นหัวหน้าครอบครัวผู้เป็นลูกสาวก็ให้สัมภาษน์นักข่าวว่า จะมุ่งทำงานให้ประชาชน เรื่องนำพ่อกลับบ้านยังไม่คิด กลับลำซะงั้น เสมือนไม่เคยพูดว่าต้องการชนะแบบ landslide เพื่อพาพ่อกลับบ้านมาก่อนเลย