Monday, 30 June 2025
ค้นหา พบ 49115 ที่เกี่ยวข้อง

'รัฐบาลลุงตู่' เดินหน้าพัฒนา 'เมืองยะลา' สู่เมืองอัจฉริยะ ยกระดับเป็น 'ศูนย์กลางทางดิจิทัล' ในกลุ่มจังหวัดชายแดนใต้

(22 ม.ค. 66) เพจศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี - PMOC ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการพัฒนาเพื่อยกระดับจังหวัดยะลาให้เป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มจังหวัดชายแดนใต้ โดยระบุว่า...

ยะลาเคยเป็นหนึ่งในเป้าหมายของขบวนการแบ่งแยกดินแดน จากเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในอดีตเกือบ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงเวลานั้น ยะลาและอีก 2 จังหวัดชายแดนใต้ตกอยู่ภายใต้บรรยากาศแห่งความหวั่นไหว เกิดเหตุการณ์ฆ่าสังหารเจ้าหน้าที่รัฐ, พระสงฆ์ และประชาชนผู้บริสุทธิ์โดยขบวนการแบ่งแยกดินแดนเป็นเวลาหลายสิบปี มีผู้สียชีวิตนับพัน อีกทั้งยังสร้างบรรยากาศแห่งความขัดแย้ง เห็นคนต่างศาสนาเป็นศัตรู

ภายใต้แนวทางการดำเนินการภาครัฐที่ใช้การพัฒนานำหน้า พัฒนาพื้นที่ สร้างสันติสุขที่ยั่งยืน ประกอบกับ 'ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี' ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ใช้การพัฒนาเศรษฐกิจนำหน้า ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (3 แกนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ), เศรษฐกิจฐานราก (Local Economy), กระจายรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม จังหวัดยะลาจึงมีโอกาสพลิกฟื้นสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และมีโอกาสได้พัฒนาเมืองร่วมกัน

ถึงแม้ยะลาจะไม่มีต้นทุนทางเศรษฐกิจมากมายนัก แต่มีต้นทุนทางวัฒนธรรม (Cultural Asset) หรือ Soft Power และต้นทุนทรัพยากรธรรมชาติอยู่มากมาย ซึ่งชาวยะลาร่วมใจกันใช้ต้นทุนเหล่านี้ในการสร้างเมืองขึ้นใหม่ สร้างโอกาส สร้างรายได้แก่ชาวยะลาได้อย่างทั่วหน้า

นอกจากนี้ จังหวัดยะลา ยังอาศัยโอกาสจากพัฒนาการทางเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Disruption) มาใช้ในการพัฒนาเมืองตามแนวคิด ไทยแลนด์ 4.0 ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกอบกับการส่งเสริมการสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตามนโยบายของรัฐบาล ทำให้เมืองยะลามีการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะดังนี้ 

>> Smart Governance

เทศบาลยะลาได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Yala Mobile Application เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง ด้วยแนวคิดรัฐบาลโปร่งใส่ (Open Government) ของรัฐบาล อีกทั้งยังสามารถรับทราบข่าวสารการให้บริการภาครัฐ และร้องเรียนผ่านแพลตฟอร์มไลน์

>> Smart Economy

เทศบาลยะลาได้พัฒนาเศรษฐกิจเชิงเทคโนโลยี โดยสร้าง platform ที่ชื่อว่า 'หลาดยะลา' สร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ด้วยการเป็นสื่อกลางในการให้บริการค้าขายออนไลน์ พร้อมบริการขนส่งในพื้นที่ผ่านวินมอเตอร์ไซด์ 

นอกจากนี้ เทศบาลยังจัดอาสาสมัครชุมชนเข้าไปช่วยสอนวิธีการใช้งาน เพื่อแก้ปัญหาความไม่รู้ ไม่เข้าใจของประชาชนบางส่วนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอีกด้วย

'ส.ก.ก้าวไกล' เตรียมชง 'กม.รถเมล์อนาคต' เข้าสภา กทม. เปลี่ยนรถเมล์ทั่วกรุงเป็น EV ลดควันเสีย-ฝุ่นละออง

'พิธา' เผย 'ส.ก.ก้าวไกล' เตรียมชง 'กฎหมายรถเมล์อนาคต' เปลี่ยนรถเมล์กทม. ทั้งหมดเป็น EV ภายใน 7 ปี เชื่อสภากทม. ไฟเขียว โว สร้างประวัติศาสตร์ผ่านกม. โดย ส.ก. ครั้งแรกในรอบ 22 ปี 

(22 ม.ค.66) เวลา 13.00 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก. เขตบางซื่อ และนายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก. เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล แถลงเปิดตัวกฎหมาย 'รถเมล์อนาคต' ซึ่งเป็นข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร ที่จะกำหนดให้รถเมล์ที่วิ่งในกทม. ต้องเป็นรถไฟฟ้า หรือ EV ทั้งหมด โดยมีระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่าน 7 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายลดฝุ่นละออง PM2.5 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการรถเมล์ ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีผู้ใช้งานหลักล้านคน 

โดยนายพิธาได้นำสื่อมวลชนชมรถเมล์สาย 8 แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ หรือตำนานรถเมล์กรุงเทพ โดยกล่าวว่ารถเมล์คันนี้ แม้สีสันจะดูใหม่ แต่ข้างในเก่า รถคันนี้เดิมเป็นรถเมล์สีครีมแดง ของข.ส.ม.ก. ก่อนจะปลดระวางมาขายต่อให้รถร่วมฯ เปลี่ยนสีใหม่ แต่เครื่องยนต์เก่า พื้นเป็นไม้กระดาน ซึ่งรถคันนี้สร้างเมื่อปี 1960 วันนี้มีอายุ 62 ปีแล้ว ถ้าเป็นคนก็ต้องเกษียณอายุแล้ว แต่กลับยังใช้งาน วิ่งปล่อยควันเสีย ฝุ่นละอองอยู่ทุกวัน เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กรุงเทพเป็นเมืองที่มีมลภาวะติดอันดับโลก

'สาวชัยภูมิ' ผันตัวเปิดฟาร์มเลี้ยงควายไทยสวยงาม ปัจจุบันมีควาย 35 ตัว มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

ดีเจสาวชาว จ.ชัยภูมิ ผันตัวเปิดฟาร์มเลี้ยงควายไทยสวยงาม ลูกค้าขอซื้อจำนวนมาก จนราคาพุ่งสูงถึงตัวละ 15 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีควายรวมกว่า 35 ตัว มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

เมื่อไม่นานมานี้ ที่ 'ฟาร์มกุ้งนาง ควายงาม' เมืองพระยาแล อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ทีมผู้สื่อข่าวได้พบกับ นางสาววิรัญญา ผาแดง อายุ 45 ปี ดีเจดังเมืองชัยภูมิ เจ้าของฟาร์ม กล่าวว่า เดิมทีมีอาชีพ ทำนา แต่รายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ จึงได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ทำงานเป็นสาวโรงงานอยู่ประมาณ 7 ปี พอมีเงินเก็บได้พอประมาณจึงกลับมาอยู่บ้านเกิด ทำธุรกิจของตัวเอง โดยได้เริ่มต้นจากการไปรับงานเย็บปักเสื้อผ้าจากโรงงานในกรุงเทพฯ เพื่อมาเย็บที่จังหวัดชัยภูมิ แล้วส่งให้โรงงานโดยในช่วงแรกก็ทำเพียงคนเดียว 

ต่อมาเริ่มหาเครือข่ายมาช่วยเย็บอยู่ที่บ้าน จนธุรกิจตัวนี้เริ่มโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ต่อมาคิดว่าถ้าจะให้ธุรกิจดีขึ้น ต้องหาแนวทางประชาสัมพันธ์ให้ธุรกิจมีคนรู้จักกว้างขึ้น จึงได้เกิดความคิดขึ้นโดยได้ตั้งสถานีวิทยุชุมชนขึ้น และขายโฆษณาให้กับลูกค้าทั่ว ๆ ไป ต่อมาได้มีความคิดว่าอยากจะมีสินค้าของตัวเอง เพื่อมาโฆษณาขายเอง จึงได้ติดต่อโรงงานเพื่อผลิตสินค้าจำหน่ายเอง ผลออกมายอดขายสินค้าดี เกินความคาดหมาย

'อั้ม พัชราภา' เปิดใจถึงเรื่องความรักและการมีครอบครัว ลั่น อยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่เคยขอเงินผู้ชาย

หลังข่าวเลิกรากับแฟนหนุ่ม ไฮโซพก-ประธานวงศ์ พรประภา จนเป็นที่จับตาของสังคม ล่าสุด อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ นางเอกชื่อดัง ได้มาออกงาน 'Siam Paragon Grand Celebration of Golden Prosperity 2023' ณ บริเวณ พาร์ค พารากอน ชั้นเอ็ม สยามพารากอน ก่อนเปิดใจเรื่องดังกล่าว

โดยอั้มกล่าวว่า "คืออั้มเลิกกันมาตั้งแต่ 10 ธันวาคม และก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย เราก็ไม่รับรู้เรื่องอะไร เรื่องหึงหวง บางคนบอกอั้มหึงหวง ไม่มีเลย ไม่เคยโทรเช็ก ไม่เคยทะเลาะกันเรื่องผู้หญิง ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้ และอั้มก็ไม่เคยถามเรื่องผู้หญิงด้วย"

เมื่อถามถึงสาเหตุที่เลิกกัน สาวอั้มตอบว่า “เรื่องเดิมเหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ไม่มีเรื่องอื่นเลย เป็นเรื่องนิสัยที่เราไม่เหมือนกันจริงๆ พยายามปรับแล้ว ปรับไม่ได้ แล้วก็เกิดขึ้นซ้ำๆ หลายรอบมาก จนคิดว่าพอกันแค่นี้" อั้ม พัชราภากล่าว

'ดีอีเอส' ประสาน 'Play Store-App Store' จัดการแอปอันตราย แนะ ปชช. ไม่โหลดแอปแปลกปลอม ป้องกันมิจฉาชีพดูดเงิน

ดีอีเอส เปิดรายชื่อแอปอันตรายมีมากกว่า 200 แอปเตือน ประชาชน อย่าหลงเชื่อ อย่าโหลด อาจสูญเงินและข้อมูลส่วนตัวได้

เมื่อไม่นานมานี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมกับ สกมช. แจงกรณีแอปดูดเงินอันตราย หลังพบประชาชนได้รับผลกระทบจากการติดตั้งแอปพลิเคชันอันตรายลงในโทรศัพท์มือถือ แล้วทำให้กลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาดูดเงินออกไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของมัลแวร์อันตราย ที่มาในรูปแบบของแอปพลิเคชัน ซึ่งดีอีเอส และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้มีการตรวจสอบมาโดยตลอด โดยพบปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะผู้ใช้งานโทรศัพท์ที่ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ถูกระบุว่าสามารถขโมยข้อมูล หรือควบคุมเครื่องโทรศัพท์ได้ โดยในปี 2022 มีการเผยแพร่รายชื่อแอปพลิเคชันอันตรายเหล่านี้ ซึ่งมีมากกว่า 200 รายการ ทั้งในระบบ iOS และ Android ตามที่ปรากฎใน Facebook ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ Facebook ของ สกมช. (NCSA THAILAND) จึงขอให้ผู้ใช้งานทำการตรวจสอบ หากพบแอปพลิเคชันดังกล่าวให้ถอนการติดตั้งโดยทันที และควรอัปเดตระบบของเครื่องโทรศัพท์ของตนเองให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top