Tuesday, 17 June 2025
ค้นหา พบ 48843 ที่เกี่ยวข้อง

สตูล ร่วมบูรณาการกว่า 20 หน่วยงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงและหาแนวทางร่วมกัน ในการแก้ไขปัญหากรณีพิพาท เรื่องการปิดกั้นเส้นทางบนพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล

ที่ห้องประชุม ที่ทำการอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล มอบหมายให้ นายชาตรี ณ ถลาง ปลัดจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นายธนพัฒน์  เด่นบูรณะ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล หัวหน้าส่วนราชการ ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา กรณี ข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับชาวเล บนพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ อำเภอเมือง จังหวัดสตูล โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ร่วมให้ข้อมูลก่อนเดินลงพื้นที่

จากนั้นคณะได้ลงพื้นที่ไปยังชุมชนของชาวเลอูรักลาโว้ย และบริเวณพื้นที่ใกล้โรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ที่ได้มีการร้องเรียนว่ามีการทำรั้วเหล็กปิดถนน บนเส้นทางที่ชาวบ้านบนเกาะใช้สัญจรไปมาอยู่เป็นประจำ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยชาวบ้านได้มีการตั้งเต๊น และแสดงข้อความคัดค้านเชิงสัญลักษณ์ บนนถนนในชุมชน

'บิ๊กป้อม' วอน ส.ส.พรรคร่วม เข้าประชุมสภา ช่วยทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนอย่างมีเกียรติ

พล.อ.ประวิตร ขอความร่วมมือ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ผ่าน ครม. ให้เข้าประชุมสภาฯ เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนอย่างมีเกียรติ และความต่อเนื่องของสภาฯ 

(13 ธ.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม ครม.ในวันนี้ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการประชุมสุดยอด อาเซียน -สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ ณ กรุงบรัสเซลส์  ประเทศเบลเยี่ยม ระหว่าง 12-15 ธ.ค.65 

'เพื่อไทย' ชู!! กระจายอำนาจท้องถิ่น เลือกผู้ว่าฯ โดยตรง ยัน!! 'กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน' สำคัญ คอยเชื่อมรัฐต่อเนื่อง

(13 ธ.ค. 65) นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลสะเทือนจากการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธาน พรรคเพื่อไทย ภายใต้สโลแกนใหม่ 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน' ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ต่อมาผู้บริหารของพรรคหลายท่านได้ชี้แจงเหตุผลยืนยันความมั่นใจว่าทุกนโยบายเกิดขึ้นได้จริงภายในปี 2570

เลิศศักดิ์ กล่าวว่า “จากความล้มเหลวของการบริหารประเทศตลอดระยะเวลา 8 ปีต่อเนื่องของรัฐบาล คสช. และรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ ประยุทธ์ มีปัญหาทุกด้านทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจ 8 ปี ที่โตเฉลี่ยเพียงแค่ 1% กว่า ขณะที่ในสิ้นปี 2565 ธนาคารโลกคาดว่าจีดีพีของไทยจะอยู่ที่ 3.1% ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็เผชิญกับวิกฤตการณ์โควิดเช่นเดียวกับไทย แต่กลับเติบโตสูงถึง 7.2%”

“นอกจากนี้ ความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ และความมั่งคั่ง ที่ถ่างกว้างขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ จากที่คนไทยสัดส่วนกว่า 31% อยู่ในภาคการเกษตร และในด้านโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐนั้น ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยได้วิเคราะห์ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมองเห็นโอกาสจากจุดแข็งของประเทศไทยที่ยังคงแข็งแกร่งไม่เป็นรองใครในภูมิภาค ทั้งด้านการเกษตร การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคม และการท่องเที่ยว โดยพรรคเพื่อไทยมีวิสัยทัศน์มองเห็นอนาคตประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากได้เป็นรัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายที่ได้ประกาศไว้ จึงมั่นใจว่าจีดีพีจะต้องเติบโตปีละไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ทุกปีต่อเนื่องซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ยืนยันว่าค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในอนาคตนั้นจะเกิดขึ้นได้แนนอน”

เลิศศักดิ์ กล่าวอีกว่า อีกนโยบายสำคัญที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศเป็นคำมั่นสัญญาต่อพี่น้องประชาชน และเป็นนโยบายสำคัญที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้ดีที่สุด นอกจากเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยนั้น ก็คือ เรื่องการกระจายอำนาจ 

โดยรูปแบบการเลือกตั้งผู้ว่าราชการในจังหวัดที่มีความพร้อม จากการที่ระบบบริหารราชการของไทยจากอดีตถึงปัจจุบันพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถตอบโจย์การเข้าถึงบริการสาธารณะของพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เกิดการรวมศูนย์อำนาจ และการกระจุกตัวของงบประมาณอยู่ที่การตัดสินใจของราชการส่วนกลางจนเรียกว่ารัฐราชการรวมศูนย์ การบริหารจัดการงบประมาณเกิดความล่าช้า และไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน การทับซ้อนในภารกิจหน้าที่ของราชการส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ขาดความจริงใจในการโอนภารกิจการบริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

'ศักดิ์สยาม' แง้ม!! รอดู 16 ธันวาคม ส.ส.ตบเท้าเข้า ภท.ไม่ต่ำกว่า 43 คน

(13 ธ.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ กล่าวก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีกรณีที่มีส.ส.จากหลายพรรค ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย เตรียมย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย และเตรียมเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ว่า ให้รอดูวันที่ 16 ธ.ค.นี้

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ขอให้จับตาในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จะ มี ส.ส.ที่ชัดเจนมาร่วมเปิดตัว 37 คน และ ยังมี ส.ส. ที่อยู่ระหว่างการดีล เจรจาใน ‘ทางลับ’ อีกประมาณ 5-6 คน ก็จะมาร่วมสังเกตการณ์ภายในงานด้วย และบางคนอยู่ระหว่างการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ โดยเฉพาะ ส.ส.กทม. และส.ส.จังหวัดปริมณฑล บางคน ที่ช่วงแรกได้รับการทาบทามให้ย้ายไปอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตอนนี้ก็เกิดอาการลังเลกับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังไม่ขัดเจน ขณะที่แกนนำพรรคภูมิใจไทยต้องการความชัดเจน เพื่อวางตัวผู้สมัคร ส.ส.

‘มาดามเดียร์ - ฉาย บุนนาค’ อู้ฟู่ 536 ล้าน ด้าน ‘นราพัฒน์’ แจ้งมีทรัพย์สิน 1.5 พันล้าน

ป.ป.ช. เปิดเซฟ 2 อดีต ส.ส. ‘มาดามเดียร์ - ฉาย บุนนาค’ อู้ฟู่ 536 ล้าน หนี้ 126 ล้าน หนี้เพิ่มหลังพ้น ส.ส. 44 ล้าน ขณะที่ ‘นราพัฒน์’ แจ้งมีทรัพย์สิน 1.5 พันล้าน แต่ตรวจสอบพบเพียง 206 ล้าน

เมื่อวันที่ (13 ธ.ค. 65) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.วทันยา บุนนาค กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2565 โดย น.ส.วทันยา พร้อมด้วยนายฉาย บุนนาค คู่สมรส รวมทั้งบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 536,032,740 บาท หนี้สิน 126,439,294 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินในส่วนของ น.ส.วทันยา 240,075,840 บาท ประกอบด้วย เงินสด 4,200,000 บาท เงินฝาก 2,071,816 บาท เงินลงทุน 7 รายการ มูลค่ารวม 11,736,412 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในกองทุนเปิด เงินให้กู้ยืม 45,362,249 บาท โดยระบุชื่อผู้กู้คือ นายภควันต์ วงษ์โอภาสี น้องชายของ น.ส.วทันยา ที่ดิน 4 รายการ มูลค่ารวม 32,077,500 บาท โดยอยู่ในพื้นที่บางกะปิ 3 โฉนด พื้นที่บึงกุ่ม 1 โฉนด โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 4 รายการ มูลค่ารวม 111,206,460 บาท โดยรายการที่มูลค่าสูงสุดแจ้งว่าเป็นห้องชุดเพนท์เฮ้าส์ แขวงคลองตันเหนือ 92,000,000 บาท นอกนั้นเป็นห้องชุด ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว ยานพาหนะ 2 รายการ มูลค่ารวม 2,818,900 บาท โดยเป็นรถจักรยานยนต์ 1 คัน และรถยนต์ Volkswagen 1 คัน สิทธิและสัมปทาน 10,173,084 บาท ส่วนใหญ่เป็นสิทธิในกรมธรรม์ประกันภัย กองทุนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และที่น่าสนใจคือสิทธิในสมาชิกแปซิฟิกคลับ ซิตี้ (ไม่แจ้งมูลค่า) ทรัพย์สินอื่น 20,429,372 บาท ส่วนหนี้สินแจ้งว่าเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 45,149,407 บาท 

ขณะที่ทรัพย์สินในส่วนของคู่สมรส 285,301,840 บาท ประกอบด้วย เงินสด 250,000 บาท เงินฝาก 5,182,208 บาท เงินลงทุน 11 รายการ มูลค่ารวม 4,178,925 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในกองทุนเปิด ที่ดิน 3 รายการ มูลค่ารวม 117,565,000 บาท โดยอยู่ในพื้นที่บางกะปิ 2 โฉนด พระโขนง 1 โฉนด โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 รายการมูลค่ารวม 8,736,620 บาท โดยเป็นห้องชุด บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ ยานพาหนะ 4 รายการ มูลค่ารวม 11,998,000 บาท โดยที่น่าสนใจคือรถยนต์ Mercedes Benz ทะเบียน ฉบ 999 จำนวน 1 คัน มูลค่า 2,068,000 บาท รถยนต์ Lexus 1 คัน มูลค่า 5,500,000 แจ้งว่าได้มาเมื่อ 24 เม.ย.2564 สิทธิและสัมปทาน 7,525,666 บาท ส่วนใหญ่เป็นสิทธิในกรมธรรม์ประกันภัย กองทุนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และที่น่าสนใจคือสิทธิในสมาชิกแปซิฟิกคลับ ตลอดชีพ (ไม่แจ้งมูลค่า) ทรัพย์สินอื่น 129,865,420 บาท ส่วนหนี้สิน 81,289,886 บาท แบ่งเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 15,048,957 บาท หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 3,240,929 บาท หนี้สินอื่น 63,000,000 บาท ระบุชื่อเจ้าหนี้ คือ นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) บิดาของนายฉาย นอกจากนั้นยังแจ้งว่าบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินเป็นเงินฝาก และสิทธิและสัมปทาน รวม 10,655,058 บาท 

ทั้งนี้ สำหรับทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ ของ น.ส.วทันยา และคู่สมรส อาทิ กระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง ทั้ง Hermes, Chanel, Celine, Bottega Veneta, Christian Dior รวม 30 รายการ นาฬิกาหรู ทั้ง Patek Philippe, Rolex, Breguet, Hublot รวม 11 รายการ ทองคำรูปพรรณ น้ำหนักรวม 68 บาท มูลค่า 1,347,760 บาท ทองคำแท่งน้ำหนักรวม 31 บาท  สร้อยคอไข่มุก Mikimoto มูลค่า 860,000 บาท พระเครื่องหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ 18,150,000 บาท พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ 45,200,000 บาท พระเครื่องซุ้มกอ 10 ล้านบาท พระพุทธรูปอู่ทอง หน้าหนุ่ม 20,000,000 บาท พระพุทธรูปปางลีลา สุโขทัย 8,000,000 บาท หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน วัดช้างไห้ 1,000,000 บาท

น.ส.วทันยา ยังแจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 4,963,378 บาท ส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืม 2,215,000 บาท เงินประจำตำแหน่ง 854,760 บาท นอกจากนั้นยังแจ้งว่าได้ทรัพย์สินจากมารดา 505,000 บาท ได้ทรัพย์สินจากคู่สมรส 353,000 บาท และยังมีรายได้จากการขายกองทุน 429,137 บาท ส่วนคู่สมรสแจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 26,829,714 บาท ส่วนใหญ่มาจากเงินประจำตำแหน่ง 14,800,000 บาท เงินได้จากมารดา 10,000,000 บาท เป็นต้น  ส่วนค่าใช้จ่ายต่อปีของ น.ส.วทันยา 15,845,100 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าผ่อนบ้านและค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค ขณะที่ค่าใช้จ่ายคู่สมรส 35,086,229 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าผ่อน.บ้านและค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค ค่าผ่อนรถ ค่าท่องเที่ยว และเงินบริจาค นอกจากนี้ยังมีค่าเล่าเรียนบุตรต่อปี 2,220,000 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top