Thursday, 19 June 2025
ค้นหา พบ 48895 ที่เกี่ยวข้อง

อิ๊งค์' นำทัพ 'เพื่อไทย' บุกภาคใต้ 'เต้น' โว!! ปักธงแลนด์สไลด์

'เพื่อไทย' ยกคณะปราศรัยภาคใต้ 11 ธ.ค. พา 'อิ๊งค์' ทัวร์สิชล ดูประมงท่องเที่ยว ลั่นขอยกระดับราคา ยางพารา ปาล์ม 'ณัฐวุฒิ' โวปักธงแลนด์สไลด์

(7 ธ.ค. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ครอบครัวเพื่อไทยนำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยและรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง, นายสุธรรม แสงประทุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง และตนเองจะเปิดเวทีปราศรัย ครอบครัวเพื่อไทย ที่ภาคใต้ครั้งแรก ในชื่องานว่า ‘แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง!’ ที่หอประชุมเทศบาลนครนครศรีธรรมราช หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า หอประชุมทุ่งท่าลาด

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าในกิจกรรมดังกล่าว จะมีการปราศรัยในเรื่องของนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้คือนโยบายแนวทางการยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตร การรักษาเสถียรภาพราคา เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้พี่น้องเกษตรกร ทั้งราคาปาล์มน้ำมัน ยางพารา ซึ่งเมื่อวานนี้ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ปราศรัยประกาศวิสัยทัศน์ ประเทศไทย 2570 ไปแล้ว ก็จะถือเป็นโอกาสได้ไปขยายความรายละเอียดในแต่ละนโยบาย สื่อสารประเด็นให้ชัดเจน เป็นที่เข้าใจให้ตรงกันมากยิ่งขึ้น นอกจากเพียงแค่การพูดคุยเรื่องเป้าหมายการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมีเรื่องการกระจายอำนาจ การแก้ไขปัญหาการประมงในพื้นที่ และการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ชายฝั่งอ่าวไทยก็เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์หนึ่ง จึงเป็นนโยบายที่สำคัญที่พรรคเพื่อไทย จะได้ถือโอกาสพูดคุยกับพี่น้องในพื้นที่ได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ จะเป็นโอกาสได้แนะนำผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคเพื่อไทยในกลุ่มภาคใต้ ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้พร้อมด้วยทีมคณะผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ทุกจังหวัดอีกด้วย

'สันธนะ' ตั้งข้อสังเกต บัญชีงบดุล 'ชูวิทย์' ขาดทุนตลอด เป็นการตกแต่งบัญชีเพื่อหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีหรือไม่

(7 ธ.ค. 65) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า ตั้งแต่ปี 2543 บัญชีงบดุลของบริษัทของนายชูวิทย์มีภาวะขาดทุนมาตลอด โดยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการตกแต่งบัญชีเพื่อหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีหรือไม่ อีกทั้งการปล่อยให้กรรมการบริษัทมากู้ยืมเงินบริษัทประมาณกว่า 400 ล้านบาท ทั้งที่มีภาะขาดทุน เป็นไปได้อย่างไร ทั้งนี้ยังนำโฉนดที่ดินของ 3 บริษัทมาแสดงเพื่อยืนยันว่าบริษัทดังกล่าวเป็นของนายชูวิทย์จริง โดยจะนำเอกสารทั้งหมดนี้ไปยื่นต่อกรมสรรพากรให้ดำเนินการตรวจสอบบริษัทนายชูวิทย์

ส่วนวันนี้ยืนยันว่าจะเดินหน้าเอาผิดนายชูวิทย์ แม้ว่าตอนนี้ตนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายชูวิทย์ไปแล้วถึง 9 คดี ซึ่งจะรอดูความชัดเจนอีกครั้งในบ่ายวันนี้ แต่เบื้องต้นตั้งข้อสังเกตุว่าการที่นายชูวิทย์ไปมอบแบริเออร์ให้กับ สน.ทองหล่อนั้น ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมายเนื่องจากตนมีคดีความกับนายชูวิทย์อยู่ที่นั่น

ทั้งนี้นายสันธนะ ยังได้โชว์ภาพอดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่ไปร่วมงานแต่งลูกชายนายชูวิทย์ว่าตั้งข้อสังเกตุถึงความใกล้ชิดสนิทสนมกัน ซึ่งสันนิษฐานว่าบุคคลในภาพนั้นน่าจะอยู่เบื้องหลังนายชูวิทย์หรือไม่ เนื่องจากกระแสสังคมมีการสร้างวาทะกรรมให้ตนเป็นคนขายชาติ ซึ่งเชื่อว่าเป็นปฏิบัติการไอโอ

ส่วนกรณีของนอร์ท กองสลากพลัส ได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่านายสันธนะไม่มีอำนาจใด ๆ ในการตรวจสอบบริษัทของตนเองนั้น วันนี้นายสันธนะชี้แจงว่าตนมีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ที่ให้สิทธิพลเมืองในการตรวจสอบความผิดปกติหรือความไม่ชอบมาพากลได้ และพร้อมโชว์เอกสารทางการเงินของบริษัท กองสลากพลัส โดยระบุว่าเป็นการดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์กรมธุรกิจการค้าภายใน โดยฝากบอกว่าอย่ามัวแต่เล่นติ๊กต่อก ให้รู้จักอ่านข้อมูลทางกฎหมายด้วย และท้าให้นอร์ทนำเงิน 200 ล้านบาทมาวางเป็นกองกลาง และไปออกรายการทีวีร่วมกัน หากคนนำเอกสารด้านการเงินของบริษัทมาได้ให้มอบเงิน 200 ล้านบาทให้ตน 

ในกรณีที่นายชูวิทย์ได้แฉไปก่อนหน้านี้ว่าเป็นนายทุนใหญ่ 5 เจ้า ได้ส่งเงินให้กับนายเจ้าเหว่ยเจ้าของคาสิโนคิงโรมันใน สปป.ลาว ที่นายสันธนะบอกว่านายชูวิทย์รู้จริงหรือไม่ เพราะตอนนี้คิงโรมันได้มีนายทุนจากสิงคโปร์เข้าไปเช่ากิจการ และเปลี่ยนเป็นขื่อลูซี่ ซึ่งตามหลักกฎหมายสิงคโปร์แล้วมีโทษรุนแรงหากทำผิดกฎหมายเรื่องยาเสพติด โดยเชื่อว่าไม่มีธุรกิจผิดตัวหรือธุรกิจสีเทาที่เขื่้อมโยงกับลูซี่ 

ทั้งนี้ได้โชว์ภาพถ่ายตนเองคู่กับสกายนักธุรกิจจากสิงคโปร์ระดับหมื่นล้าน ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่ไปเช่ากิจการลูซี่

นายสันธนะ บอกด้วยว่าตนได้แจ้งความเอาผิดนายชูวิทย์และพวกทั้งหมด 9 คดี...

คดีแรกเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.ในข้อหาโรงแรมเดอะ เดวิส มั่วสุมยาเสพติดและเปิดสถานบันเทิงเกินเวลาที่กำหนด พื้นที่ สน.ทองหล่อ

ตำรวจไซเบอร์รับแจ้งความแล้วกว่า 60 ราย กรณีผู้เสียหายผูกบัญชีธนาคารไว้กับ Shopee แต่ถูกหักเงินชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์ความคืบหน้ากรณีผู้เสียหายหลายรายผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้ากับแอปพลิเคชันซื้อขายของออนไลน์ ต่อมาพบว่าถูกหักเงินในบัญชีชำระค่าสินค้าโดยไม่ทราบสาเหตุ  

จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 65 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ประชาสัมพันธ์เตือนภัยเกี่ยวกับการผูกบัญชีธนาคาร หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ชำระค่าสินค้าออนไลน์นั้น ปัจจุบันพบว่าได้มีผู้เสียหายกว่า 60 ราย ความเสียหายรวมกว่า 1 ล้านบาท โดยผู้เสียหายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนยังสถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุทั่วประเทศ และแจ้งผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ที่เว็บไซต์ thaipoliceonline.com เพื่อให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ทางคดียังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบความเชื่อมโยงต่างๆ รวมถึงประสานงานไปยังบริษัทแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการที่ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้เข้าไปกรอกข้อมูลทางการเงินผ่านเว็บไซต์ปลอม หรือแอปพลิเคชันปลอม แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปใช้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ  ทั้งนี้ได้รับรายงานว่า Shopee ได้ประกาศปิดช่องทางการชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อตรวจสอบและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งให้ความสำคัญและมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ และการซื้อขายของออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องและจริงจัง พร้อมสร้างการรับรู้แนวทางป้องกันให้ประชาชน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการ  ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้พึงระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลทางการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยมีแนวทางป้องกัน ดังต่อไปนี้
1. หลีกเลี่ยงการให้หักเงินในบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง หรือชำระสินค้าผ่าน QR code แทน
2. บัญชีธนาคารที่ผูก หรือเชื่อมไว้กับแอปพลิเคชันซื้อสินค้าออนไลน์ ควรมีจำนวนเงินในบัญชีไม่มาก  
3. หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก ไม่รู้ที่แหล่งมา ควรดาวน์โหลดใน  AppStore หรือ Playstore เท่านั้น  

‘เอ็ม นันทวัฒน์’ ประกาศกลางผับเชียงใหม่ ลั่น!! “ผมโดนตบ ไม่ได้โดนแตะ”

กรณีที่ ‘เอ็ม นันทวัฒน์ ผ่องบุรุษ’ ออกมายืนยันว่าตนเองถูกตบหน้า ไม่ได้โดนแตะที่ประเทศเกาหลี ตามที่ ‘ม้า อรนภา กฤษฎี’ อ้าง พร้อมยันให้อภัยม้า แต่จะขอฟ้องอีกฝ่ายให้บทเรียน

เรื่องเริ่มเงียบ ๆ ไปสักพัก แต่ล่าสุดก็มีประเด็นอีกแล้ว หลังจากมีการเผยคลิปเอ็ม อยู่ในสถานบันเทิงชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ดี ๆ เจ้าตัวก็ขึ้นบูธดีเจ คว้าไมค์มาพูดว่า “ผมอยากให้ทุกคนเอ็นจอย และเชื่อในสิ่งที่ผมอยากพูดนะครับ ผมโดนตบ ไม่ได้โดนแตะ” พูดเสร็จก็ลงจากเวทีไป ทำคนในร้านงงตาแตก

'บิ๊กป้อม' ปลื้ม 'วราวุธ' ผู้แทนไทยสร้างภาพลักษณ์โดดเด่น หลังไทยมุ่งมั่นลดก๊าซเรือนกระจก บนเวทีโลก

พล.อ.ประวิตร หนุนตั้ง 'กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฯ' รับมือสถานการณ์โลก พร้อมชื่นชม 'รมว.ทส.' ผู้แทนไทยสร้างภาพลักษณ์โดดเด่น ไทยมุ่งมั่นลดก๊าซเรือนกระจก บนเวทีโลก

(7 ธ.ค. 65) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (กนภ.) ครั้งที่ 4/2565 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ สรุปผลการประชุม รัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP 27) จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 3-18 พ.ย.65 ณ เมืองชาร์ม เอล เชค อียิปต์ โดยมีประมุขของรัฐและหัวหน้ารัฐบาล รวม 102 ประเทศ ซึ่งประเทศไทย มีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เข้าร่วมกล่าวถ้อยแถลงในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และได้ยืนยันความพยายามของไทยที่ดำเนินการอย่างเต็มที่ร่วมกับประเทศต่างๆ ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ เพื่อลดก๊าซเรือนกระจก หรือลดภาวะโลกร้อน และรับทราบการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการภายใน ก.ทรัพย์ โดยขอเปลี่ยนชื่อ จาก 'กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม' เป็น 'กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม' และปรับปรุงโครงสร้างภายในให้มีความเหมาะสมต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top