Monday, 23 June 2025
ค้นหา พบ 48959 ที่เกี่ยวข้อง

'เฉลิมชัย'ห่วงใยชาวประมง เร่งดีเดย์สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง 5 พันล้านเปิดยื่นกู้ 15 ธันวาคมนี้

'อลงกรณ์' มอบกรมประมงจับมือกรมเจ้าท่าเตรียมเปิดขึ้นทะเบียนเรือประมงเพื่อการท่องเที่ยวเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ให้ชาวประมง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทยเปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมครั้งที่5/2565 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบตามโครงการ ดังนี้
1) คณะกรรมการฯ เห็นชอบให้สนับสนุนการดำเนินการจัดทำโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารสัตว์น้ำและการเพาะเลี้ยงพันธุ์ปลาสวยงามในการส่งออกต่างประเทศ (Aqua Feed & Ornamental Fish Industry : AFOF) และมอบหมายกรมประมง กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมพิจารณาหารือในการสนับสนุนงบประมาณหรือการลงทุนจากภาคเอกชนโครงการนี้ 
2) ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการใช้ประโยชน์เรือประมงเพื่อการท่องเที่ยว โดยมอบหมายกรมประมง กรมเจ้าท่าและหน่วยงานรัฐอื่นๆจัดประชุมหารือในความร่วมมือกับตัวแทนองค์กรประมงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางออกใบอนุญาตทะเบียนเรือประมงเพื่อการท่องเที่ยวสามารถประกอบการทั้งประเภทท่องเที่ยวจับสัตว์น้ำ และการท่องเที่ยวรูปแบบอื่นๆเช่นการดูปลาวาฬบรูดาและการดำน้ำเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวประมง

นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังรับทราบความก้าวหน้าในโครงการ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งรัดดำเนินการเพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวประมง ได้แก่ 
(1) ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง ระยะที่ 2 โดยมีวงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงดำเนินการ สำหรับวงเงินสินเชื่อแบ่งเป็น (1.1) ธนาคารออมสิน ให้สินเชื่อผู้ประกอบการประมงที่มีเรือประมงขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไป วงเงินสินเชื่อ 2,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนรายละไม่เกิน 10 ล้านบาท (1.2) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้สินเชื่อผู้ประกอบการประมงที่มีเรือประมงขนาดต่ำกว่า 60 ตันกรอส วงเงินสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท

ทั้งนี้คณะกรรมการอำนวยการด้านสินเชื่อ ระยะที่ 2 ซึ่งมี อธิบดีกรมประมง เป็นประธานจะมีการประชุม กำหนดหลักเกณฑ์การกู้ยืม ในวันที่ 6 ธันวาคม 2565จากนั้นหน่วยงานในพื้นที่จะทำการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรชาวประมงมายื่นความประสงค์ขอกู้ยืมภายตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมนี้ซึ่งเป็นข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย 
ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ห่วงใยพี่น้องชาวประมงจึงได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและมอบกรมประมงเร่งรัดดำเนินการโดยเร็วเพื่อเป็นสินเชื่อเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ

(2) ความก้าวหน้าการดำเนินงานคณะอนุกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติสภาการประมง พ.ศ. .... และ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนประมง พ.ศ. ....ซึ่งกรมประมงได้มีการปรับปรุง ร่าง ดังกล่าว และได้จัดทำหน้งสือเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป 
(3) รับทราบโครงการน้ำมันเพื่อการประมง เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงพาณิชย์และพื้นบ้านในการลดต้นทุนกการประกอบอาชีพประมง
(4)ความคืบหน้าโครงการนำเรืออกนอกระบบโดยวิธีบริหารจัดการแบบใหม่ให้แล้วเสร็จภายในปีหน้า
(5) ความร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล การส่วเสริมการปลูกป่าโกงกาง การเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล การเพิ่มหญ้าทะเลที่เป็นอาหารสัตว์น้ำ

'SPOTLIGHT' Exhibition บอกเล่าวัฒนธรรมเยาวชนไทย นิทรรศการของเด็กยุคใหม่ | TIME TO TALK EP.4

📌 TIME TO TALK ถึงเวลาคุยกัน EP.4
พบกับ SPOTLIGHT Exhibition Team
'ร่ม สังขะวัฒนะ' CURATOR & CREATIVE DIRECTOR
'เกม อธินพ' FASHION STYLIST
'เท็น ปัณณทัต' PHOTOGRAPHER
3 หนุ่มที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวนิทรรศการเยาวชนรุ่นใหม่
.
ดำเนินรายการโดย ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรมยุคใหม่ พีเค พัสกร วรรณศิริกุล
.
🎥 ช่องทางรับชม
Facebook: THE STATES TIMES PODCAST
YouTube: THE STATES TIMES PODCAST
TikTok: THE STATES TIMES PODCAST
.
#THESTATESTIMESPODCAST
#THESTATESTIMES
#TIMETOTALK
#ถึงเวลาคุยกัน
#spotlightexhibition
#townhousespace

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือร่วมประชุมองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 140 เพื่อความร่วมมือในพื้นที่พัฒนาร่วมของ 2 ประเทศ อย่างยั่งยืน

วันที่ 26 พ.ย. 2565 พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะสมาชิกองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJA) เข้าร่วมการประชุมองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 140 โดยมี YBHG. TAN SRI DR. RAHAMAT BIVI BINTI YUSOFF ประธานร่วมฝ่ายมาเลเซีย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย ดร.คุรุจิต นาครทรรพประธานร่วมฝ่ายไทย และสมาชิกองค์กรร่วมฯ จากทั้งสองประเทศเข้าร่วมการประชุม ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอต กัวลาลัมเปอร์ โดยที่ประชุมมีการรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินการด้านต่าง ๆ ของปี 2565 ได้แก่ การดำเนินการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยสิ่งแวดล้อม การพัฒนาและผลิตปิโตรเลียม สถานะทางการเงิน การจัดซื้อจัดจ้างและการทำสัญญา และรายได้จากการขายปิโตเลียม  และมีเรื่องพิจารณาที่สำคัญในประเด็นการทำสัญญาแบ่งปัญผลผลิตในพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area; JDA)

'ข้าวสังข์หยดพัทลุง' Soft Power ไทย ทะยานไกลสู่วัฒนธรรมการกินโลก

ไม่นานมานี้ ส.ส.นริศ ขำนุรักษ์ พัทลุง เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงข้าวไทยสังข์หยดพัทลุงที่กำลังขจรไกลไปสู่วัฒนธรรมการกินโลกไว้ว่า...

ในการประชุม APEC ทุกครั้ง จะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำ (Gala Dinner) เพื่อรับรองผู้นำเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมประชุม โดยอาหารที่ถูกนำเสนอขึ้นโต๊ะอาหารของเหล่าผู้นำนั้น จะเป็นเสมือนตัวแทนของเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความเป็นไทยที่สะท้อนอยู่ในทุกเมนูที่ถูกรังสรรค์ขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็น Soft Power ที่จะช่วยผลักดันให้เกิดวัฒนธรรมการรับประทานอาหารไทยให้ไปได้ไกลในระดับสากลมากขึ้นด้วย ซึ่งในการเตรียมอาหารเพื่อเสิร์ฟแด่ผู้นำประเทศ APEC 

ในครั้งนี้มีการนำวัตถุดิบท้องถิ่นในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ มาเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร เช่น กุ้งแม่น้ำ จ.พระนครศรีอยุธยา, ไก่กอและ จ.ยะลา, ไข่เป็ดไล่ทุ่ง จ.สุพรรณบุรี, เนื้อโพนยางคำ จ.สกลนคร และปลากุเลาจาก จ.นราธิวาส เป็นต้น 

ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของดีของเด่นประจำจังหวัดและเป็นที่รู้จักกันดีของพวกเราคนไทยทุกคน

เมื่อพูดถึงของดีประจำจังหวัด พัทลุงของเราก็มีดีไม่แพ้ใคร อย่าง 'ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง' และ 'ปลาดุกร้าทะเลน้อย' ที่ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ Geographical Indication (GI) โดยเฉพาะข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง นับว่าโดดเด่นอย่างมากเพราะนอกจากเป็นข้าวสายพันธุ์แรกของไทยที่ได้ขึ้นทะเบียน GI ในประเทศแล้ว ยังเป็น 1 ในสินค้าไทยไม่กี่ชนิดที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ของสหภาพยุโรป และมีการส่งออกไปขายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจากข้าวสังข์หยดพัทลุง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารช่วยชะลอวัย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ลดระดับคอเลสเตอรอล และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เป็นต้น 

29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 ในหลวง ร.9 เสด็จทรงปลูกต้นนนทรี 9 ต้น ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จทรงปลูกต้นนนทรี 9 ต้น ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน พร้อมทั้งทรงดนตรีเป็นครั้งแรกร่วมกับ 'อ.ส.วันศุกร์'

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 เวลา 15.30 น. นับเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่จารึกไว้ในดวงจิตของชาวเกษตรศาสตร์อย่างไม่มีวันลืม 

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินยังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญเสด็จของคณะกรรมการสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อทรงปลูกต้นนนทรี ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ถูกเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย จำนวน 9 ต้น บริเวณหน้าอาคารหอประชุม มก. 

ในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนั้น มีพระมหากรุณาธิคุณทรงดนตรีที่หอประชุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นครั้งแรกด้วย อันนำมาสู่การเสด็จ 'เยี่ยมต้นนนทรี' ที่ทรงปลูก และ 'ทรงดนตรี' สืบเนื่องอีกหลายครั้งในปีต่อ ๆ มา 

การเสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกต้นนนทรี ทรงเยี่ยมต้นนนทรี และทรงดนตรี ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สรุปได้ดังนี้

ครั้งที่ 1 วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 ทรงปลูกต้นนนทรีจำนวน 9 ต้น และทรงดนตรี

ครั้งที่ 2 วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507

ครั้งที่ 3 วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2508

ครั้งที่ 4 วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top