Sunday, 15 June 2025
ค้นหา พบ 48817 ที่เกี่ยวข้อง

‘จิราพร’ ห่วง ครม. ดันไทยเข้า CPTPP ทั้งที่ไม่มีความพร้อม ไร้ข้อสรุปกับทุกฝ่าย

นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรุ่งนี้ (27 ก.ค. 65) คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) เตรียมชงให้คณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้ไทยเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ว่า นับแต่วันที่ กนศ. ซึ่งได้รับมอบหมายจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นสัญญากับภาคประชาสังคมว่า จะทำการศึกษาที่ชัดเจนครอบคลุมถึงมาตรการรองรับผลกระทบอย่างรอบครอบ และหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วนเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันก่อนตัดสินใจ จนวันนี้ผ่านมาเกือบ 1 ปี ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เป็นรูปธรรม แต่กลับมีกระแสข่าวว่าเตรียมจะให้ไทยเข้าร่วม CPTPP ทั้งที่ยังขาดความพร้อมในหลายเรื่อง


 
นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่า หากจะอ้างว่า เตรียมดันให้ไทยเข้าร่วมความตกลง CPTPP เพื่อขยายการค้าการลงทุน อาจเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะข้อเท็จจริงคือ ไทยมีความตกลงเสรีทางการค้า (FTA) กับสมาชิก CPTPP แล้วเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียงเม็กซิโก ส่วนแคนาดา ขณะนี้กำลังจัดทำ FTA อาเซียน-แคนาดา 

ดังนั้น ด้วยเหตุผลนี้การเข้าร่วมความตกลง CPTPP จึงไม่เกิดประโยชน์ต่อการขยายการค้าการลงทุนของไทยอย่างมีนัยะสำคัญแต่อย่างใด ซึ่งมีข้อสังเกตว่า หากไทยต้องการขยายการค้าการลงทุนกับประเทศใหม่ๆจริง ควรเร่งการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งจะทำให้ไทยได้ตลาดเพิ่มอีก 27 ประเทศ และ FTA กับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ซึ่งจะทำให้ไทยได้ตลาดใหม่เพิ่มขึ้นมา 5 ประเทศ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยมีแผนจะทำ FTA ด้วยแต่กลับล่าช้าเป็นอย่างมาก

‘ถุงพระราชทาน’

‘ถุงพระราชทาน’ ไม่ได้มาจากงบประมาณภาษีที่รัฐบาลจัดสรรให้กับในหลวง ไม่ใช่เงินงบประมาณจากภาษีประชาชนเอามาแจกประชาชนตามที่มีผู้พยายามบิดเบือน

แต่มาจากการทำงานและทุนดำเนินการซึ่งเป็นดอกผลของ ‘มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์’ ที่ก่อตั้งขึ้นโดยในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์วาตภัยครั้งใหญ่ในอดีต

ชื่อของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ หมายความว่า ‘พระราชา’ และ ‘ประชาชน’ อนุเคราะห์ซึ่งกันและกัน เป็นการแสดงน้ำพระทัยว่า เวลาทำงานควรจะให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมด้วย ซึ่งเงินทุนที่ใช้ขับเคลื่อนการดำเนินงานนั้น นอกจากดอกผลของมูลนิธิฯ แล้ว ยังมาจากเงินที่ผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศร่วมกันบริจาค รวมถึงเงินที่ในหลวงทรงพระราชทานเป็นทุนดำเนินงานด้วย

แลนด์มาร์กแห่งใหม่

อีกไม่นาน สวนสัตว์ (เขาดิน) แห่งใหม่ที่จังหวัดปทุมธานี คลอง 6 ซึ่งตั้งบนที่ดินพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 10 จำนวน 300 ไร่ จะกลายเป็นพื้นที่กิจกรรม แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และสัตว์จากแหล่งต่างๆ ในรูปแบบที่ทันสมัยและสวยงาม พร้อมเป็น Landmark ใหม่ของจังหวัดปทุมธานีในเร็ววัน

โดยเมื่อ 26 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา มติ ครม. ได้อนุมัติโครงการลงทุนก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ (คลอง 6) จังหวัดปทุมธานี ในกรอบวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 10,974.65 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี พ.ศ. 2566-2570 และวงเงินเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2566 จำนวน 1,109.07 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการก่อสร้างโครงการแบ่งออกเป็น 2 ระยะ 

ระยะที่ 1 มีมูลค่าการก่อสร้าง 5,383.82 ล้านบาท (ครม. ได้มีมติเห็นชอบไปแล้วเมื่อ 11 ม.ค. 65)
ระยะที่ 2 มีมูลค่าการก่อสร้าง 4,340.16 ล้านบาท เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะมีวงเงินโครงการทั้งสิ้น 10,974.65 ล้านบาท

สำหรับ โครงการสวนสัตว์แห่งใหม่ (คลอง 6) จะเป็นสวนสัตว์ที่ทันสมัยระดับนานาชาติ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ ชีวิตสัตว์ป่า การอนุรักษ์ ศึกษาวิจัย และเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ รวมถึงเป็นแหล่งนันทนาการรองรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โครงการตั้งอยู่ที่ตำบลรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี แบ่งการใช้ประโยชน์พื้นที่ดังนี้...

1.) พื้นที่จัดแสดงสัตว์และนิทรรศการ 171 ไร่
2.) พื้นที่ป้องกันน้ำท่วมและถนน 42 ไร่
3.) พื้นที่ส่วนบริหารและวิจัย 33 ไร่
4.) พื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 21 ไร่
5.) พื้นที่ส่วนกลางและเชิงพาณิชย์ 18 ไร่
6.) ที่จอดรถ 15 ไร่

ความรู้สึกของคนเป็น ‘พ่อ’

ยามลูกมีทุกข์ ‘พ่อ’ ทุกคน มีความรู้สึกอย่างไรกับลูก ฉันใด
‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’ กับพสกนิกรของพระองค์ยามนี้ ก็ฉันนั้น

ทราบหรือไม่ว่าการที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงย้าย ‘สนามม้านางเลิ้ง’ ออกไป มีความหมายเพียงใด? 

ที่ดินผืนนี้มีเนื้อที่กว่า 200 ไร่ เป็น ‘ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์’ ราชตฤณมัยสมาคมเช่าทำสนามม้า สนามกอล์ฟมายาวนาน เมื่อหมดสัญญา ไม่มีพระราชประสงค์ให้เช่าต่อ ทรงนำที่ดินกว่า 200 ไร่นั้น แปลงจากสนามม้าเพื่อคนเฉพาะกลุ่มเป็น ‘สวนสาธารณะ’ เพื่อพสกนิกรทั้งแผ่นดินได้ใช้เป็นรมณียสถานแห่งชีวิตคุณภาพ

พูดกันชัด ๆ ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนำที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ที่ราชตฤณมัยสมาคมเช่ากลับคืนมา รื้อทิ้งสนามม้า สนามกอล์ฟ อะไรมิต่ออะไร ออกไปทั้งหมด แล้วทำเป็น ‘สวนสาธารณะ’ ให้ประชาชนใช้ เพิ่มสีเขียวเป็นปอดให้คนกรุงเทพฯ

ที่สำคัญยิ่ง สวนสาธารณะร่วม 216 ไร่ นี้ ยังเป็นสถานที่ตั้ง พระบรมราชานุสาวรีย์ ‘พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙’ ซึ่งนับเป็นของขวัญล้ำค่าที่พระองค์ทรงมอบให้คนไทยได้สืบสาน-รักษา ‘รากรัก’ ของลูก ๆ ทั้งแผ่นดิน ที่หยั่งลึกพันผูกต่อพ่อบนฟ้าอันยากถอนพระบรมราชานุสาวรีย์นี้ อันจะเป็นสายใยสืบสานความจงรักและคิดถึง ‘พ่อบนฟ้า’ นั้น ทั้งรักษาความผูกพัน ‘พระภูมิพล’ พ่อของแผ่นดินกับลูก ๆ ทุกคนคือพสกนิกร ไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย

คิดถึงพ่อ ก็มีที่ให้มากราบ ให้มาถวายราชสักการะ ให้มาคุกเข่าแหงนหน้ามองดูพ่อ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 10 สุดหาสิ่งใดเปรียบแล้ว

กล่าวย่นย่อถึงการ ‘สืบสาน-รักษา’ แล้ว มิเพียงแค่นั้น ธ ยังทรงต่อยอดการสืบสานด้วยพระวิสัยทัศน์กอปรน้ำพระทัยเมตตาอีกหลายกรณี เช่น สร้างสวนสาธารณะแล้ว ยังทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยต่อไป ถึงด้านความสะดวกของประชาชนที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายในสวนแห่งนี้ จึงทรงให้สร้างที่จอดรถใต้ดิน 3 ชั้น รองรับรถยนต์ได้ประมาณ 700 คัน

มีอะไรบ้าง ที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนแล้วที่พระองค์จะไม่ทรงทราบ?

ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายพระเนตร

กระทั่ง ‘โรงพยาบาลรามาธิบดี’ แต่ละวัน ผู้เจ็บป่วยและประชาชนเดินทางไปหาหมอทะลักล้น แต่สถานที่จอดรถ เป็นปัญหามาก จึงทรงให้สร้าง ‘อาคารจอดรถ’ โรงพยาบาลรามาธิบดีด้วย

เท่านี้ก็ว่าครอบคลุมด้าน ‘อำนวยสะดวก’ ในความเป็นสวนสาธารณะเกินพอแล้ว

ตำรวจท่องเที่ยวประสานทั่วแผ่นดินเตรียมรับนักท่องเที่ยวช่วง High Season

(26 ก.ค.2565) พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า 

เมื่อวานนี้ (25 ก.ค. 2565) เวลา 13:30 น. กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้จัดให้มีการประชุมบริหารทั่วไปของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขึ้น ซึ่ง พล.ต.ท.สุคุณฯ ได้ให้นโยบายผู้บังคับการและหัวหน้าสถานีตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศให้เร่งฝึกพัฒนายุทธวิธี เตรียมการทั้งกำลังกายกำลังใจ และให้เป็นจุดประสานงานกลางของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งหมดในพื้นที่รับผิดชอบตามนโยบายของ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อรองรับการดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทยในช่วง High Season และได้กำชับการปฏิบัติของตำรวจท่องเที่ยวทุกคนให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพสร้างความประทับใจและความอบอุ่นให้กับนักท่องเที่ยวในทุกโอกาสที่สามารถจะทำได้โดยให้นึกในใจเสมอว่า ทำอย่างไรจึงจะนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีก 

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้หัวหน้าสถานีตำรวจท่องเที่ยวทั้งหมดทุกพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้ประกอบการทราบถึงการพัฒนาในส่วนของ Supply Side (ฝั่งผู้ประกอบการและผู้ให้บริการ) ให้มีคุณภาพตามนโยบายของท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งรวมไปถึงให้ตำรวจท่องเที่ยวต้องเป็นพี่เลี้ยงและเป็นที่ปรึกษาการท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบด้วย 

ต่อมาในค่ำวันเดียวกัน ผู้กำกับและหัวหน้าสถานีตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวหลักได้นำนโยบายของผู้บัญชาการออกปฏิบัติทันทีในพื้นที่ภูเก็ต เกาะสมุย พัทยา และกรุงเทพมหานคร โดยได้ร่วมกันออกเดินประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ประกอบการเรื่องการจำหน่ายกัญชาและกัญชงให้เป็นไปตามกฎหมายโดยไม่ควรจำหน่ายกัญชาให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่าอายุ 20 ปี สตรีมีครรภ์ หรือ สตรีให้นมบุตรโดยเด็ดขาด และการกระทำอะไรเกี่ยวกับกัญชาจะต้องไม่สร้างกลิ่นเหม็นและสร้างความรำคาญต่อสาธารณะ เหนือสิ่งอื่นใด ให้คำนึงถึงภาพลักษณ์ของประเทศและชุมชนเป็นสำคัญ ซึ่งประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ท่องเที่ยวดังกล่าวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง

พล.ต.ต.อภิชาติฯ ได้ถือโอกาสนี้กล่าวขอบคุณในนามกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และข้าราชการตำรวจท่องเที่ยวทุกคนต่อประชาชนและผู้ประกอบการทุกภาคส่วนในพื้นที่สำหรับความร่วมมืออันอบอุ่นที่มอบให้กับตำรวจท่องเที่ยวในครั้งนี้ และกล่าวว่า นี่คือนวัตกรรมความร่วมมือในการทำงานของตำรวจท่องเที่ยวกับประชาชนอย่างแท้จริง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top