Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48817 ที่เกี่ยวข้อง

27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สิ้นพระชนม์

27 กรกฎาคม 2554 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียวในรัชกาลที่ 6 สิ้นพระชนม์ ณ โรงพยาบาลศิริราช รวมพระชันษา 85 ปี

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้ารัชกาลที่ 6 กับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระมารดา ทรงพระประสูติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ณ พระที่นั่งเทพพิลาส ในหมู่พระมหามณเทียร ก่อนพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จสวรรคตเพียงวันเดียว

โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรหนักด้วยโรคพระอันตะ มีพระอาการรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความกังวลของเหล่าพสกนิกร แต่ถึงแม้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะประชวร ท่านทรงรอฟังข่าวพระประสูติการอย่างใกล้ชิด และเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 เวลาประมาณบ่ายโมง พระนางเจ้าสุวัทนาฯ มีพระประสูติการเจ้าฟ้าหญิง ซึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทราบข่าว มีพระราชดำรัสว่า "ก็ดีเหมือนกัน" จากนั้นเมื่อเจ้าพระยารามราฆพได้นำสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์น้อยไปเฝ้าฯ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทอดพระเนตร ทรงพยายามยกพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา แต่ก็ทรงอ่อนพระกำลังมากจนไม่สามารถจะทรงยกพระหัตถ์ได้ เจ้าพระยารามราฆพจึงเชิญพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา เมื่อจะเชิญเสด็จพระราชกุมารีกลับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงโบกพระหัตถ์แสดงพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรพระราชธิดาอีกครั้ง จึงเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอมาเฝ้าฯ เป็นครั้งที่สอง และเป็นครั้งสุดท้ายแห่งพระชนมชีพจนกลางดึกคืนนั้นเองก็เสด็จสวรรคต

เมื่อทรงพระเยาว์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา เริ่มทรงพระอักษร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2473 โดยพระอาจารย์จากโรงเรียนราชินี เช่น หม่อมเจ้าหญิงพิจิตรจิราภา เทวกุล อาจารย์ใหญ่โรงเรียนราชินีและโรงเรียนราชินีบน พร้อมด้วยครูพิศ ภูมิรัตน อาจารย์ใหญ่โรงเรียนราชินีเป็นผู้ถวายพระอักษร ณ พระตำหนักสวนหงส์ พระราชวังดุสิต จากนั้น ได้เสด็จไปทรงศึกษา ณ โรงเรียนราชินี (หมายเลขประจำพระองค์ 1847) แล้วจึงทรงศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการกับท่านผู้หญิงศรีนาถ สุริยะ อาจารย์จากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ณ ตำหนักสวนรื่นฤดี ถนนราชสีมา เมื่อสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงเจริญพระชนมายุขึ้น มีพระอนามัยไม่สมบูรณ์นัก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำริให้นำสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ไปประทับรักษาพระองค์ ณ ประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ.2480 ซึ่งในขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงเสด็จไปประทับอยู่ก่อนแล้ว

ทั้งนี้ ทั้งสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา และพระชนนี ได้ทรงย้ายที่ประทับหลายแห่งตามลำดับ คือ ตำหนักแฟร์ฮิลล์ เมืองแคมเบอร์เลย์ มณฑลเซอร์เรย์, ตำหนักหลุยส์เครสเซนต์ เมืองไบรตัน มณฑลซัสเซค และตำหนักไดก์โรด (บ้านรื่นฤดี) เมืองไบรตัน มณฑลซัสเซค และประสบความยากลำบากอย่างหนัก เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองในช่วงภาวะสงครามจึงทรงประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงการทำงานบ้านเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจ้างข้าหลวงชาวต่างประเทศ

ในขณะที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา ทรงประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษนั้น ได้ทรงศึกษาวิชาภาษาอังกฤษ, ภาษาฝรั่งเศส และเปียโนกับพระอาจารย์ชาวต่างประเทศ และได้เสด็จไปทรงศึกษาในโรงเรียนประจำสตรีชื่อโรงเรียนเซเครดฮาร์ต แคว้นเวลส์

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่พระองค์ประทับ ณ ประเทศอังกฤษ พระองค์และพระชนนีมีพระกรุณาต่อชาวไทยในประเทศอังกฤษ โดยทรงโปรดให้เข้าเฝ้า และจัดประทานเลี้ยงให้อยู่เสมอ และพระราชทานพระกรุณาแก่กิจการต่าง ๆ ของชาวไทยอยู่เป็นประจำ ทรงร่วมงานของสามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นสมาคมนักเรียนไทยในสหราชอาณาจักร เป็นประจำ

นอกจากนี้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง พระองค์ยังทรงอุทิศพระองค์ช่วยเหลือกิจการสภากาชาดอังกฤษ ประทานแก่ทหารและผู้ประสบภัยสงครามด้วยการเสด็จไปทรงบำเพ็ญประโยชน์ ทั้งม้วนผ้าพันแผล จัดยา และเวชภัณฑ์ ทางสภากาชาดอังกฤษจึงได้ถวายเกียรติบัตรประกาศพระกรุณา และในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมีพระชนมชีพหลังการสละราชสมบัติแล้ว พระองค์และพระชนนีได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่เสมอ

'วัดทุ่งสว่าง' ต.โพนทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ขึ้นทะเบียนพระพุทธรูปเก่าแก่ เป็นโบราณวัตถุ

วันอังคารที่ (26 กรกฎาคม 2565) ณ วัดทุ่งสว่าง ต.โพนทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ พระเดขพระคุณเจ้า "พระราชชัยสิทธิสุนทร" เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ ให้เกียรติเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ "นายอนุชา เจริญรักษ์" นายอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ให้เกียรติเป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย นางสาวสุริยา สุระเสียง วัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ นายศานิต กล้าแท้  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนทอง อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ พ.ต.อ.เชษฐา เชยชุม รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขัยภูมิ นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล ผู้ช่วยเลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เข้าร่วมเป็นเกียรติ และสักขีพยาน อัญเชิญพระพุทธรูปเก่าแก่ คู่บ้าน คู่เมือง จัดทำข้อมูลสืบค้นประวัติ สำรวจ เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุ

'อุตตม-สนธิรัตน์' ประสานเสียงสร้างอนาคตไทยพร้อมเลือกตั้งทุกกติกา แต่ ขอกติกาเลือกตั้งที่ชัดเจน อย่าทำคนไทยสับสน

เมื่อวันที่ (26 ก.ค. 2565) ที่ โรงแรมบุรีศรีภูฯ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการเข้าร่วมรับฟังการเสวนาเรื่องอนาคตภาคใต้ ถึงความคืบหน้าการหาผู้สมัครในพื้นที่ภาคใต้ของพรรคสร้างอนาคตไทย โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคทยอยสรรหาคัดเลือกผู้สมัครที่จะร่วมเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนภาคใต้ 

ขณะนี้เราได้ทยอยเปิดตัวผู้สมัครพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งถือว่าได้รับความสนใจ และการตอบรับที่ดีจากผู้สมัครในพื้นที่ภาคใต้ที่มีความประสงค์มาร่วมงานกับพรรคเพิ่มขึ้นตลอดเวลา พื้นที่ไหนพร้อมเราก็ให้เริ่มลงพื้นที่ทำงาน ขณะเดียวกัน พรรคได้เดินหน้ารวบรวมปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อผลักดันนโยบายในการเเก้ปัญหา และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ ต้องยอมรับว่าภาคใต้เป็นภาคที่มีศักยภาพสูงมาก แต่ชะงักมานาน ทางพรรคได้มองเห็นโอกาสในการพัฒนาภาคใต้ วันนี้เรามาร่วมรับฟังคนในพื้นที่พูดถึงปัญหาของตัวเอง เพราะคนที่อยู่ในพื้นที่คือคนที่รู้ปัญหาดีที่สุด เราจะรวบรวมปัญหาต่าง ๆ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวใต้  

ด้านนายอุตตม กล่าวว่า เราได้รับการตอบรับที่ดีจากพื้นที่ภาคใต้ เราได้พบปะทั้งภาคประชาชน สังคม ผู้ประกอบการ เขาต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่  แต่เรื่องหลักคือปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องที่คนไทยกำลังเผชิญ จากการสัมมนาวันนี้ ตนมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนภาคใต้ โดยเฉพาะอนาคตลูกหลานในพื้นที่ หากมีการเปลี่ยนแปลงแล้วจะมีอนาคตที่ดีขึ้นหรือไม่  อย่างไรก็ตามทีมงานพรรคเราได้เดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนความคืบหน้าในการหาผู้สมัครพื้นที่ภาคใต้ นายอุตตม กล่าวว่า เราเดินหน้าเตรียมตัวสู่การเลือกตั้ง เรามีทีมงานในพื้นที่ภาคใต้ที่มีคุณภาพ เรากำลังดำเนินการคัดเลือกว่าที่ผู้สมัคร มีผู้ที่แสดงความสนใจที่จะทำงานกับพรรคเราพอสมควร เราใช้หลักคัดสรรผู้ที่จะสามารถทำงานให้กับประชาชน และพี่น้องภาคใต้ได้ดีที่สุด หัวใจสำคัญคือต้องเป็นผู้ที่มีความตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ เป็นที่ยอมรับ และต้องพยายามให้ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.ในนามพรรคสร้างอนาคตไทยที่อาสามาทำงานให้ประชาชน ขณะเดียวกันจิตสำนึกก็สำคัญ 

เมื่อถามว่า มุมมองทางการเมืองของคนใต้เปลี่ยนไปหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า คนใต้ต้องการการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งครั้งหน้า อยากเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลง อยากเห็นคนที่เข้าไปทำงานให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านที่ดีขึ้นทราบดีว่าภาคใต้คุ้นเคยกับพรรคการเมืองบางพรรค ก็ไม่เป็นไร แต่พรรคเราอาสามาเป็นอีกทางเลือกแก่ประชาชน เรามีแนวทางที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สร้างอนาคตด้วยกัน อนาคตอยู่ในมือคนใต้ 

“พรรคสร้างอนาคตไทย เราพร้อมลงเลือกตั้งทุกกติกา แต่ขอฝากไว้ว่า ขอพยายามอย่าให้เกิดความสับสน เราคนไทยจะใช้กติกาอะไร เราเป็นคนใช้สิทธิย่อมอยากรู้กติกาที่ชัดเจน หากเปลี่ยนบ่อย ๆ จะสร้างความสับสน” นายอุตตม กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่พรรคตั้งเป้าหมายในส่วนของพรรค ส่วนอะไรจะเกิดก็ไม่สามารถไปควบคุมได้ เราทำงานของเราให้ดีที่สุด 

'ทักษิณ' เปิดใจอยากเป็นอมตะ สั่งเสียครอบครัว 'ตายแล้วไม่ต้องเผา'

(26 ก.ค. 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเนื่องในวันคล้ายวันเกิด 73 ปี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย คนใกล้ชิด ส.ส. สมาชิกพรรคเพื่อไทย จะร่วมอวยพรวันเกิดนายทักษิณ ผ่านช่องทางต่างๆแล้ว โดยในปีนี้บรรดาลูกชาย ลูกสาว ทั้งนายพานทองแท้ น.ส.พินทองทา น.ส.แพทองธาร รวมทั้งลูกเขย ลูกสะใภ้ หลาน ๆ ในครอบครัว ต่างร่วมเดินทางบินไปร่วมฉลองวันเกิด ซึ่งบรรดาลูกๆร่วมกันจัดทำคลิปวิดีโอ “Long distance call” ความยาวประมาณ 14.40 น. ให้กับนายทักษิณ ด้วย โดยในคลิปเป็นลักษณะการถาม ชวนคุยให้นายทักษิณ เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีต และบอกเล่าถึงอนาคตวันข้างหน้า

ในช่วงต้น ผู้จัดทำคลิปถามว่า วันที่หลาน น้อง ๆ โตขึ้นอีก 10-20 ปี ได้เห็นคลิป ได้อ่านประวัติศาสตร์อันนี้ จะอธิบายอย่างไร และวันนั้นอาจจะไม่ได้อยู่เล่าให้ฟัง แต่เมื่อได้บันทึกไว้แล้วอยากจะบอกอะไร นายทักษิณกล่าวว่า หลานผม ตอนเอมิ นานิ (ลูกแฝด น.ส.พินทองทา) 2 ขวบครึ่ง ไปเจอผมที่ลอนดอน วันที่เขากลับบ้าน

ถามว่า ทำไมคุณตาไม่กลับไปกับพวกเรา แม่เขาก็อธิบายเรื่องราวเป็นอย่างไร แล้วเขาก็ถามว่า ใครแกล้งคุณตา 2 ขวบครึ่ง พวกหลานผม attract พ่อแม่กับตายายแล้วก็จะรู้เรื่อง เด็กสมัยนี้ฉลาด จำได้หมด ผมถือว่า Happiness at home ความสุขอยู่ที่บ้าน เมื่อกลับบ้านไปแล้ว ทำให้กระชุ่มกระชวยมีกำลังใจในการต่อสู้ ในชีวิต ความโง่ มาก่อนความฉลาด

เมื่อถูกถามว่า รู้สึกว่าตัวเองโง่ที่สุด เรื่องอะไร นายทักษิณ กล่าวว่า ผมอาจจะโง่เรื่องคน ประสบการณ์เป็นคนบ้านนอก ชีวิตเราง่าย ๆ อยู่บ้านนอกโตบ้านนอก พอมาอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตมันก้าวกระโดด มันผ่านสังคมกรุงเทพฯ น้อยไป สังคมของ Elite น้อยไป เราเลยไม่ได้อยู่ในสังคม Elite แม้ฐานะเราอยู่ใน Elite แต่แทนที่จะไปคบสังคม Elite กลับไปเข้าการเมือง เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง

ซึ่งอันนี้ต้อง blame(ตำหนิ) ตัวเองว่า เหมือนกับเรายังไม่รู้วิธีอยู่ในป่า เราไม่เข้าใจ เราถูกปล่อยเข้าไป บางทีเขาบอกว่า say yes อาจจะมี no ซึ่งเราไม่เข้าใจ เราแค่ yes คือ yes และ no คือ no พอเราเป็นเจอ yes but mean no เราตายแล้ว เพราะเราคิดว่าคนทุกคนคงเหมือนเรา เพราะชีวิตเราง่ายมาก แต่ชีวิตของคน elite ยิ่งเป็นนาน ๆ ยิ่ง complicate เร้นลับซับซ้อน อันนี้คือสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้ แต่ไม่คิดจะเรียนรู้แล้ว แก่แล้ว เอาความรู้ที่เป็นวิชาการ สอนหนังสือไป อบรมลูกหลาน ไม่ได้ถึงกับ เฮิร์ต แต่เสียดายตัวเอง น่าจะเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองได้มากกว่านี้

“ผมไม่เคยกลัวตาย ถูกลอบสังหารมา 4 รอบ ผมเฉย ๆ ผมถือว่า ถ้าคนเรา มันจะตายมันก็ตาย มันยังไม่ตายก็คือยังไม่ตาย”

เมื่อถูกถามว่า ทั้ง 4 ครั้ง ให้อภัยหมดหรือไม่ นายทักษิณบอกว่า มันเป็นเรื่องที่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพราะผมก็ไม่ค่อยเชื่อ ชาติที่แล้ว ชาติหน้า ก็ไม่รู้เป็นกรรมเป็นเวรอะไร ผมก็รู้ ใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ ภายในครอบครัวเรารู้หมด เพราะไม่อยากให้เขาไปเจอคนไม่คิดดีกับเรา เมื่อเจอแล้วจะได้ระวังตัว แค่นั้นเอง

นายทักษิณบอกอีกว่า ในภาพอนาคต 20-30 ปี ตัวเองอาจไม่ได้อยู่ทันเห็น แต่ระหว่างที่เราอยู่ ไม่รู้ พระเจ้าจะเอาเราไปเมื่อไหร่ แต่ระหว่างที่อยู่ ก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับคนที่เรารักและที่เขารักเรา คนที่ไม่รักเรา ทำให้เขารักเรามันยาก คนที่รักเราอยู่แล้วก็อย่าให้เขาผิดหวัง คนที่อยู่ตรงกลาง รักบ้าง ไม่ได้รัก ไม่ได้เกลียดอะไร ก็ให้เขาเข้าใจ ทุกวันนี้ไม่ได้มีอะไรเลย เป็นบุคคลอยู่เมืองนอก กลับประเทศก็ไม่ได้ แต่ยังมีคนที่รัก เวลาเรารักลูกก็อยากให้เขาไม่ต้องลำบากเหมือนเรา ตอนที่สร้างตัวเองมา เน้นเรื่องงาน เพราะว่าทุกอย่างบีบคั้น โดยเฉพาะการเงิน

แต่ผมก็เป็นคนที่ขอกำลังใจจากการอยู่กับครอบครัวตลอดเหมือนกัน ตั้งแต่ลำบาก ผมเวลาเครียดเก็บไว้กับตัวเอง เมื่อคิดจนตกผลึกแล้วก็มาคุยกับคุณหญิง บางทีคิด คุณหญิงยังดุเลยว่า ทำไมเธอไม่พูดออกมา ก็พยายามคิด เอาเงินตรงไหนอย่างไร พอพูดออกมาปุ๊บ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top