Tuesday, 17 June 2025
ค้นหา พบ 48843 ที่เกี่ยวข้อง

อินฟลูฯ สาวชาวจีน อวดรวยใช้เงินวันละ 8 แสน กระตุกรัฐบาลจีนหันมาปราบ ‘ลัทธิบูชาเงิน’

อินฟลูเอนเซอร์สาวชาวจีนรายหนึ่งผู้มียอดติดตามในแอปโต่วอิน (ติ๊กต็อกเวอร์ชันจีน) มากกว่า 3 ล้านคน นามว่า หวังเฉิงเฉิง (王澄澄) ได้กล่าวว่า เธอใช้จ่ายเงินวันละเป็นจำนวนมหาศาล และโพสต์ภาพการเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นเธอก็ถูกชาวเน็ตโจมตีและแอนตี้อย่างหนัก อีกทั้งยังถูกสื่อของรัฐบาลจีนวิจารณ์อีกว่าส่งเสริม ‘ลัทธิบูชาเงิน’ ที่ให้ผู้คนใช้เงินจำนวนมากในการซื้อความสุขให้ตัวเอง

ก่อนหน้านี้ หวังเฉิงเฉิง อินฟลูเอนเซอร์สาววัย 31 ปีรายนี้ ได้โพสต์อวดในบัญชีโต่วอินของเธอว่า เธอเป็นเจ้าของคฤหาสน์หรูขนาด 400 ตารางเมตร ขับรถหรูโรลส์-รอยซ์ ใช้เงินมากกว่า 150,000 หยวน (ประมาณ 8 แสนบาท) ต่อวัน นั่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจในการเดินทางทุกๆ วัน และเธอยังอ้างอีกว่าพ่อของเธอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ทำให้ชาวเน็ตหลายคนตั้งคำถามว่า เธอมีสิทธินั่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจได้อย่างไร และมีการใช้อำนาจของรัฐบาลในทางที่ผิดหรือไม่ จนในที่สุดบัญชีโต่วอินของเธอถูกแบนหลังจากเรื่องอื้อฉาวปะทุขึ้นไม่นาน

หวังเฉิงเฉิงอาศัยอยู่ในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ตำรวจประจำเมืองเสิ่นหยางจึงออกมาเปิดเผยว่า เฮลิคอปเตอร์นี้เป็นของบริษัทเอกชนและให้ตำรวจท้องที่เช่าโดยเฉพาะเท่านั้น โดยหญิงสาวรายนี้ใช้เพื่อถ่ายทำวิดีโอเท่านั้น และไม่มีสิทธิใช้นั่งเพื่อการเดินทางส่วนตัวได้

และเพื่อคลายความสงสัยให้สาธารณชน ตำรวจเมืองเสิ่นหยางได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า พ่อของหวังเฉิงเฉิงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่างที่เกษียณอายุแล้ว อีกทั้งผู้จัดการของบริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ก็ถูกไล่ออกด้วย เนื่องจากปล่อยปละละเลยให้หวังเฉิงเฉิงใช้เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวถ่ายทำวิดีโอของเธอ

สิ้น 'ม.จ.ภีศเดช รัชนี' ผู้ถวายงานรับใช้ในหลวง ร.9 สิริชันษา 100 ปี

23 กรกฎาคม 2565 เฟซบุ๊ก เลาะรั้ว ชมวัง เผยว่า 'หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี' สิ้นชีพิตักษัย ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สิริชันษา 100 ปี

'หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี' เป็นพระโอรสในพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ องค์ต้นราชสกุล 'รัชนี' ประสูติแต่หม่อมเจ้าพรพิมลพรรณ รัชนี (วรวรรณ) เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2465 และมีเจ้าพี่ร่วมพระมารดาหนึ่งพระองค์คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เป็นพระปนัดดา (เหลน) ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (วังหลวง) และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (วังหน้า) และเป็นพระนัดดา (หลาน) ในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ (กรมพระราชวังสถานมงคลพระองค์สุดท้าย) นับเป็นพระราชวงศ์องค์สุดท้ายในสายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) 

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เปิดสัมมนาการป้องกันการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิดทางเพศ: สถานที่ทำงานปราศจากการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิด สร้างการรับรู้อนุสัญญาฉบับที่ 190 และข้อแนะฉบับที่ 206 

วันที่ 23 กรกฎาคม 2565 เวลา 09.00 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา การป้องกันการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิดทางเพศ: สถานที่ทำงานปราศจากการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิด โดยมี นานเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย Ms. Joni Simpson ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านความเท่าเทียมระหว่างเพศและการไม่เลือกปฏิบัติ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมการสัมมนา ณ โรงแรมโนโวเทล มารีน่า ศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การป้องกันการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิดทางเพศ: สถานที่ทำงานปราศจากการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการล่วงละเมิด เป็นประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับนายจ้าง ลูกจ้าง และทุกคนในโลกแห่งการทำงาน รวมถึงเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ความรุนแรง และการคุกคามในโลกแห่งการทำงาน ถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นภัยคุกคามต่อโอกาสที่เท่าเทียมกัน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ และขัดกับหลักการของงานที่มีคุณค่า องค์การแรงงานระหว่างประเทศจึงได้มีมติในที่ประชุมใหญ่สมัยที่ 108 เมื่อปี พ.ศ. 2562 รับรองอนุสัญญา ฉบับที่ 190 และข้อแนะฉบับที่ 206 ว่าด้วยความรุนแรงและการคุกคามในโลกแห่งการทำงาน ค.ศ. 2019 เพื่อเป็นกรอบแนวทางสำหรับรัฐสมาชิกในการคุ้มครองบุคคลทุกคนในโลกแห่งการทำงาน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นลูกจ้าง นายจ้าง ผู้ฝึกงาน อาสาสมัคร คนหางาน ผู้สมัครงานหรือบุคคลใช้อำนาจหน้าที่ของนายจ้าง ให้ได้รับความคุ้มครองจากความรุนแรงและการล่วงละเมิด ทั้งทางกายภาพ ทางจิตใจ ทางเพศ หรือทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในสถานที่ทำงานหรือสถานที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน รัฐบาลไทยตระหนักถึงผลกระทบของความรุนแรงและการล่วงละเมิดที่มีต่อโลกแห่งการทำงาน และได้ร่วมลงคะแนนเสียงสนับสนุนตราสารทั้งสองฉบับ 

โดยขณะนี้กระทรวงแรงงาน อยู่ระหว่างการศึกษาช่องว่างทางกฎหมายของประเทศไทย เปรียบเทียบกับอนุสัญญาฉบับที่ 190 ร่วมกับโครงการ Safe and Fair เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงกฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องกับอนุสัญญา รวมถึงเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้สัตยาบันอนุสัญญา

รักษ์โลก รักษ์พลังงาน ด้วยไบโอดีเซลครบวงจรกับ BCG โมเดล โครงการ ‘ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 19’

วิกฤตพลังงาน เป็นอีกหนึ่งวิกฤตการณ์สำคัญที่เป็นผลพวงจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่ดำเนินเข้าสู่เดือนที่ 6 และยังไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นประเทศผู้ผลิตพลังงานหลักของโลก และเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสามของโลก รองจากสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย ส่งผลกระทบให้ทั่วโลกเกิดวิกฤติการขาดแคลนพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ และลุกลามไปถึงระบบการขนส่ง การผลิตอาหาร การบริโภค เงินเฟ้อ และค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น

‘ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 19’ โดย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และองค์กรภาคี ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักโครงการและจัดการความรู้ (OKMD) กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย และมูลนิธิธรรมดี นำครูอาจารย์ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่สนใจลงพื้นที่ทำกิจกรรม ในวันที 23-24 กรกฎาคม 2565 ณ โครงการโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร จังหวัดเพชรบุรี หนึ่งในโครงการที่ได้ถูกคัดเลือกอยู่ในหนังสือเดินทางตามรอยพระราชา โดยศูนย์คุณธรรมร่วมกับองค์กรภาคี จัดทำสรุป 9 เส้นทาง 81 แหล่งเรียนรู้ศาสตร์พระราชา โดยให้ความสำคัญกับการเรียนรู้การแก้วิกฤติ ด้วยการ ‘นำปัญหามาแก้ปัญหา’ และการถอดพระอัจฉริยภาพ ‘จอมปราชญ์แห่งพลังงาน’ 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงสนพระทัยในเรื่องการศึกษาการนำน้ำมันปาล์มไปใช้แปรรูปเป็นน้ำมันไบโอดีเซล และได้ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สร้างโรงงานสาธิตสกัดน้ำมันปาลม์ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จ.กระบี่ และที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นราธิวาส ต่อจากนั้นสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ประสานกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดทำโครงการเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันและพืชพลังงานทดแทน ประกอบด้วย โครงการจัดสร้างโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านไบโอดีเซลเพื่อการแข่งขัน โครงการวิจัยทดสอบการใช้น้ำมันปาล์มดิบและไบโอดีเซลในเครื่องยนต์ดีเซล และโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน เพื่อเป็นสถานที่สำหรับใช้ในการศึกษา ทดลอง วิจัย และพัฒนาพลังงานทดแทนจากพืชและไบโอดีเซลจากการปฏิบัติจริง เพื่อเป็นตัวอย่างการเรียนรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิตพลังงานทดแทนการสกัดน้ำมันพืชแก่ชุมชน และเพื่อทดลองการปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่แห้งแล้ง

โครงการโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร จ.เพชรบุรี มีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การผลิตไบโอดีเซล และการนำวัตถุดิบที่ได้จากการผลิตไบโอดีเซล คือ กลีเซอรีนและน้ำมันปาล์มนำมาผลิตสบู่และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนเช่น น้ำยาล้างจาน สเปรยไล่ยุง น้ำมันหอมระเหย การเลี้ยงปลา (ด้วยอาหารที่มีกากปาล์มผสม) เลี้ยงหมูป่าเพื่อกินกากปาล์มซึ่งได้จากกระบวนการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ การกลั่นน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรที่โครงการมีการปลูกพืชเพื่อสกัดน้ำมันหอมระเหย ได้แก่ ตะไคร้หอม 

ตะไคร้บ้าน มะกรูด โปร่งฟา ขมิ้น กะเพราป่า เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้เป็นการนำวัตถุดิบมาผลิตและหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์โดยไม่เกิดของเสียเหลือทิ้ง ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และลดการเกิดคาร์บอนในอากาศ จากการใช้วัตถุชีวภาพ เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน ตามหลัก BCG โมเดล ซึ่ง ครูอาจารย์และผู้ที่สนใจจะได้เรียนรู้และลงมือทำกิจกรรมในโครงการทุกขั้นตอน
นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กิจกรรมทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอดนวัตกรรมศาสตร์พระราชา เราจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 19 มีผู้เข้าร่วมโครงการ รวมจำนวน 2,279 คน ทุกกิจกรรมในโครงการตามรอยพระราชาเราคาดหวังให้เกิดความเข้าใจและรับรู้ในพระราชปณิธานและพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณีกิจนานัปการเพื่อให้ราษฎรของพระองค์มีความเป็นอยู่อย่างผาสุก การมาลงพื้นที่ทำกิจกรรมโครงการโรงงานสกัดน้ำมันพืชและผลิตไบโอดีเซลครบวงจร ในครั้งนี้ เราได้เรียนรู้ทั้งการนำทรัพยากรจากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การดูแลสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า รวมถึงแนวทางการสร้างงานสร้างอาชีพ ซึ่งทิพยประกันภัยใส่ใจสังคม กับโครงการ ทิพยทำความดีไม่มีสิ้นสุด พร้อมร่วมส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างความแข็งแรงให้กับสังคม คาดหวังว่าครูอาจารย์ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับความรู้และนำไปเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน เพื่อการพัฒนาตนเองและประเทศชาติต่อไป

'ดร.กอบศักดิ์' แนะรับมือวิกฤตซ้อนวิกฤต ประเมินสถานการณ์ สร้างโอกาสลงทุน

'กอบศักดิ์' บรรยาย เปิด 'หลักสูตร พศส.' สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ แนะรับมือวิกฤตซ้อนวิกฤต ประเมินสถานการณ์สร้างโอกาสลงทุน

'กอบศักดิ์' คาดเศรษฐกิจโลก - ไทยเผชิญภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤตยาว 2 ปี กนง.จ่อขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ 0.75% ดันดอกเบี้ยนโยบายไทยปีนี้แตะ 1.25% หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ระบุท่องเที่ยวไทยสัญญาณฟื้นชัดเจน มองราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อ    

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ 'Economic Turbulence 2022 เศรษฐกิจ วิกฤตซ้อนวิกฤตต้องรับมืออย่างไร' ระหว่างการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) ปี 2565 Next chapter for wealth : เปิดโลกสร้างความมั่งคั่งสู่ความมั่นคง จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ว่าในปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงแต่เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความเสี่ยงในหลายด้าน ถือเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตที่แต่ละประเทศต้องเตรียมการรับมือ ได้แก่ วิกฤตความขัดแย้งระหว่างประเทศ วิกฤตราคาพลังงานและอาหารโลก ความปั่นป่วนของตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลก 

ขณะที่การเร่งการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อต้อสู้กับเงินเฟ้อส่งผลให้ธนาคารกลางหลายประเทศต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นจนเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ตามมาทั้งในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และปัญหาของเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณการชะลอตัว โดยวิกฤตเศรษฐกิจในระดับโลกที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจนในช่วง 1 - 2 ปีข้างหน้าโดยเฉพาะภาคการส่งออกที่จะชะลอตัวลงจากเดิมที่เคยขยายตัวได้ในระดับ 20% ในปี 2564 

อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ได้อานิสงค์จากการฟื้นตัวในส่วนของภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงต้นปี 2566 จะเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยเดือนละประมาณ 1 ล้านคน โดยรวมจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังประเทศไทยในปีนี้ประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยภาพรวมเนื่องจากมีสัดส่วนประมาณ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) 

ทั้งนี้เมื่อการท่องเที่ยวฟื้นตัวและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่คาดว่าภายในปีนี้จะมีการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% เป็นจำนวน 3 ครั้ง รวมแล้วคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น 0.75% ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะปรับเพิ่มขึ้นจาก 0.5% ในปัจจุบันเป็น 1.25% โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ และช่วยชะลอการลดลงของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ลดลงจากระดับ 2.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาสู่ระดับ 2.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือลดลงประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา 

“ตัวเลขเงินเฟ้อเป็นตัวเลขที่แบงก์ชาติต้องจับตาดูเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย โดยเงินเฟ้อในส่วนที่เป็นเงินเฟ้อรวมในเดือนที่ผ่านมาของไทยอยู่ที่  7.66% แต่ในส่วนที่เป็นเงินเฟ้อทั่วไป (Core Inflation) ของไทยอยู่ที่ 2.58% ถือว่าไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงนัก ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติอีก 0.75% เพื่อให้ดอกเบี้ยนโยบายไปอยู่ที่ระดับ 1.25% ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 คาดว่าเป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ จากนั้นก็จะต้องดูปัจจัยอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศแต่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคงเกิดขึ้นต่อไปอีกระยะ” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top