Saturday, 21 June 2025
ค้นหา พบ 48937 ที่เกี่ยวข้อง

'นายกฯ' ให้กำลังใจคณะผู้จัด 'ศึกวันแดงเดือด' ช่วยหนุนบทบาทไทยสู่แลนด์มาร์กกิจกรรมระดับโลก

(12 ก.ค.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชื่นชมคณะผู้จัดงานทุกคน ที่ช่วยขับเคลื่อนการแข่งขันฟุตบอลรายการ The Match Bangkok Century Cup 2022 แมตซ์พิเศษระหว่าง "ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" กับ"ทีมลิเวอร์พูล"ที่จะแข่งขันในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก โดยเป็นกิจกรรมที่รวมกลุ่มผู้คนจำนวนมากเป็นครั้งแรก ภายหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการโควิด-19  สร้างความสุขให้คนไทย พร้อมให้กำลังใจให้คณะผู้จัดงาน ให้สำเร็จด้วยดี สร้างความประทับต่อนักฟุตบอลทั้งสองทีม และแฟนบอลชาวไทยทุกคน

'แจ็ก หม่า' ย่องดูงานใน ม.เนเธอร์แลนด์ เรียนรู้เกษตรยุคใหม่ ปลุกไฟในวัย 57

ห่างหายจากหน้าสื่อไปนาน สำหรับ 'แจ็ก หม่า' อภิมหาเศรษฐีจีนชื่อดัง ผู้ก่อตั้ง Alibaba แม้วันนี้เขาจะเกษียณตัวเองออกจากตำแหน่งประธานผู้บริหารสูงสุด เพื่ออุทิศตนทำงานการกุศลเพื่อสังคมเต็มตัวแล้วก็ตาม แต่แจ็ก หม่า ในวัย 57 ปี ก็ยังไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ศาสตร์ และวิทยาการใหม่ ๆ อยู่เสมอ

และล่าสุด แจ็ก หม่า ได้ติดต่อขอเข้าไปศึกษาดูงานไกลถึง Wageningen University & Research (WUR) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านงานวิจัยทางการเกษตรมาก

โดยแจ็ก หม่า มีความสนใจด้านการพัฒนาอาหาร และการเกษตรแบบยั่งยืน ซึ่งที่มหาวิทยาลัย WUR แห่งนี้มีทั้งระบบการเพาะปลูกเรือนกระจกแบบไฮ-เทค และศูนย์ศึกษาลักษณะพันธุกรรมของพืชที่ล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเนเธอร์แลนด์

ที่ทางสถาบัน WUR ตอบรับคำขอของแจ็ก หม่า ที่ต้องการมาดูงานวิจัยในมหาวิทยาลัย เพราะเห็นความตั้งใจของแจ็ก หม่า ที่ได้ก่อตั้งมูลนิธิภายใต้ชื่อของตนเอง และต้องการยกระดับคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม ด้วยความรู้เรื่องการทำฟาร์มปศุสัตว์ ประมง และการเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อความมั่นคงด้านอาหารในทุกพื้นที่ รวมถึงในเขตทะเลทรายโกบีด้วย

แจ็ก หม่า ตั้งใจที่จะทำให้วิชาด้านเกษตรกรรม กลายเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจสำหรับคนหนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ และวางแผนที่จะทำงานร่วมกับสถาบัน WUR ในอนาคตอีกด้วย

บอร์ดอีอีซี คิกออฟสร้างรถไฟความเร็วสูง ต.ค.นี้ พร้อมเคาะแผนแม่บทเมืองอัจฉริยะ 1.3 ล้านล้าน

อีอีซี เคาะแผนแม่บทศูนย์ธุรกิจ - เมืองอัจฉริยะ วงเงิน 1.3 ล้านล้าน เพิ่มจุดแข็งโครงการอีอีซี พร้อมเตรียมคิกออฟก่อสร้าง รถไฟความเร็วสูง – สนามบินอู่ตะเภา ต.ค.นี้ หลังสามารถส่งมอบที่ดินให้เอกชนได้ 100%  

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่มี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้อนุมัติร่างแผนแม่บทและแผนการดำเนินงานโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหญ่น่าอยู่อัจฉริยะ วงเงินลงทุนประมาณ 1.34 ล้านล้านบาท โดยในขั้นตอนต่อไปหลังจากผ่านการเห็นชอบจากบอร์ดแล้ว เตรียมให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 ต่อไป 

สำหรับร่างแผนแม่บทโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ มีพื้นที่โครงการฯ ประมาณ 14,619 ไร่ ตั้งอยู่ในตำบลห้วยใหญ่ จังหวัดชลบุรี อยู่ในเขต สปก. ระยะเวลาพัฒนาโครงการ 10 ปี มีเงินลงทุนโครงการประมาณ 1.34 ล้านล้านบาท โดยโครงการลงทุนประกอบด้วย ภาครัฐลงทุนเรื่องที่ดินและโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการส่วนกลาง โดยมีการแบ่งพื้นที่เป็นโซนเพื่อให้เอกชนหรือรัฐวิสาหกิจเช่าที่ดินหรือร่วมลงทุนหรือลงทุนในกิจการด้านระบบสาธารณูปโภค หรือเอกชนเช่าพื้นที่ลงทุนด้านพื้นที่พาณิชย์  

ทั้งนี้ ประโยชน์ที่จะได้รับจากการสร้างเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะของ EEC คือสามารถรองรับประชากรได้ 350,000 คน ภายในปี 2575 รวมทั้งสร้างงานทางตรงไม่น้อยกว่า 200,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2575 และมีมูลค่าการจ้างงานกว่า 1.2 ล้านล้านบาท มีธุรกิจและบริการมาตรฐานสากล มีวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ประมาณ 150-300 กิจการ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่ดี ปลอดภัย สะดวกสบาย  มีระบบโครงสร้างพื้นฐาน การเชื่อมต่อระบบโครงข่ายคมนาคมอัจฉริยะที่สะดวกรวดเร็ว เป็นต้นแบบการพัฒนาเมืองเน้นความน่าอยู่ จะช่วยกระตุ้นการขยายตัว GDP เพิ่มขึ้นประมาณ 2 ล้านล้านบาท ภายใน 10 ปี สินทรัพย์ที่โอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของรัฐเมื่อสิ้นสุดสัญญา 50 ปี จะมีมูลค่าเพิ่มประมาณ 5 เท่า 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ 4 โครงการ โดยในส่วนของ 2 โครงการสำคัญที่จะออกหนังสือส่งมอบที่ดินให้กับเอกชนที่ชนะการประมูลในโครงการ (NTP) เพื่อจะก่อสร้างในเดือน ต.ค.นี้ ได้แก่

 

'ดร.เอ้' เฉลย!! เหตุผลระบบการศึกษาจีนยิ่งใหญ่สุดในโลก กล้าลงทุน มุ่งแข่งขัน รังสรรค์หลักสูตรตอบโจทย์อนาคต

ดูเหมือนตอนนี้ประเทศจีน จะเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว จีนทำได้อย่างไร?

เรื่องนี้ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ว่า...

'จีน' ทำลายสถิติ ดันประชากรเรียนมหาวิทยาลัยกว่า 240 ล้านคน มากที่สุดในโลก!

ความสำเร็จนี้เกิดจากความสำเร็จ ของการปฏิรูปและการพัฒนาอุดมศึกษาของจีน นับตั้งแต่การประชุมใหญ่ระดับชาติของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน (CPC) ครั้งที่ 18 ในปี 2555  

ใช้เวลาเพียงแค่ 10 ปี เพิ่มอัตราการลงทะเบียนเรียน ถึง 27.8% 

จาก 30% ในปี 2555 เป็น 57.8% ในปี 2564 ปัจจุบันมีนักศึกษาถึง 44.3 ล้านคน

จีนดันประชากรเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ทำสถิติเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยใหญ่ที่สุดของโลก เขาทำอย่างไร?

1. จีนกล้าลงทุน
จีนสร้างวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยใหม่ถึง 151 แห่ง ใช้เงินทุนรวมกว่า 100,000 ล้านหยวน 

จีนกล้าลงทุน เพราะรู้ ว่าการศึกษา คือรากฐานสำคัญในการพัฒนา และยังดึงดูด คนเก่งจากทั่วโลก มาพัฒนาประเทศ

2. จีนมุ่งพัฒนาหลักสูตร ตอบโจทย์อนาคต
มหาวิทยาลัยจีน มีการเพิ่มหลักสูตรในระดับป.ตรี ถึง 17,000 หลักสูตร ยังมีหลักสูตรที่เน้นการพัฒนาสตาร์ทอัพถึง 30,000 หลักสูตร ยังคิดเผื่ออนาคต เตรียมเปิดหลักสูตรรถไฟฟ้าความเร็วสูง พลังงานนิวเคลียร์ รวมถึงหลักสูตรด้านอวกาศ

ที่สำคัญ คือ มีหลักสูตรอบรมของผู้ประกอบการ นักบริหารงาน นักปกครอง ทำให้คนที่เข้ามหาวิทยาลัย ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่เด็กที่เข้า ป.ตรีอีกต่อไป ไม่ว่าใคร มาจากไหน ก็เข้ามาเรียนได้

3. จีนรู้การแข่งขัน คือ การพัฒนาที่เร็วที่สุด 
จีนจัดการประกวดนวัตกรรมของนักศึกษานานาชาติประจำปีถึง 7 ครั้ง มีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 6.03 ล้านทีม หรือคิดเป็นนักศึกษา 25.33 ล้านคน ความสำเร็จนี้ ทำให้จีนได้ผลงานนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงดึงดูดนักวิจัยเก่งๆ จากทั่วโลก สร้างการจ้างงานโดยตรง (ดึงคนเก่งจากทั่วโลกมาทำงานในประเทศ) ถึง 7.5 แสนคน และโดยอ้อมกว่า 5.16 ล้านตำแหน่ง

 

อีสานโพลฟันเปรี้ยง! ยก 'เจ๊หน่อย' เหมาะนั่งนายกฯ เหนือ 'อุ๊งอิ๊ง' แต่ 'เพื่อไทย' ยังยืนหนึ่งในใจชาวบ้าน

อีสานโพล ยก ‘สุดารัตน์’ เหมาะนั่งนายกฯ แก้เศรษฐกิจ ‘พิธา’ ที่ 2 ‘อุ๊งอิ๊ง’ เรตติ้งเพิ่ม นายกฯ ตู่ รั้งที่ 4 จุรินทร์ อมบ๊วย แต่สำรวจพรรค ชาวบ้านพร้อมกา ‘เพื่อไทย’ ตามติดด้วย ก้าวไกล ส่วน พปชร-ปชป. ยังน่าห่วง

12 ก.ค. 65 - ‘อีสานโพล’ (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 2/2565 และคาดการณ์ไตรมาส 3/2565 

รวมถึงประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจและภาพรวม สำรวจวันที่ 2-4 ก.ค. 65 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,109 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด

คำถามที่ว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผลการสำรวจพบว่า...

- คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 25.8 (ลดลงจากไตรมาส 1 ที่ได้ร้อยละ 30.6)
- นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร้อยละ 20.1 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 19.0)
- น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร้อยละ 19.8 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.7)
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 14.4 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 14.1)
- นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 11.1 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.1)
- คนอื่นๆ จากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 3.4 (ลดลงจากร้อยละ 9.5) 
- นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 3.0 (เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.5)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top