Saturday, 21 June 2025
ค้นหา พบ 48937 ที่เกี่ยวข้อง

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พท. เชื่อ!! 'ประยุทธ์' หวังอยู่ยาว ซัด!! 'ส.ว. - พรรคร่วม' โอบอุ้มค้ำอำนาจ ไม่เห็นหัวปชช.

'วิสาระดี' เชื่อ 'ประยุทธ์' หวังกุมอำนาจยึดประเทศยาวเกิน 10 ปี อัด ส.ว. และพรรคร่วมรัฐบาลลดตัวเป็นนั่งร้าน ค้ำอำนาจ ไม่เห็นหัวประชาชน 

นางสาว วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ยึดอำนาจจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และก้าวขึ้นบริหารประเทศในตำแหน่งหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จนถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนถึงปัจจุบัน ยังคงใช้อำนาจตามอำเภอใจ และบริหารประเทศแบบไร้ทิศทางและไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง

การบริหารที่ผ่านมา รัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนใกล้ชิด มองที่ผลประโยชน์กลุ่มนายทุนใกล้ชิดมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชน ไม่เคยเห็นหัวประชาชน โดยเฉพาะภาคเกษตรกร โดนนายทุนอัดเอาเปรียบกดราคารับซื้อสินค้าทุกชนิด อาทิ ข้าวเปลือกราคาตก แต่ข้าวสารแพง ราคาหมู ไก่ ปรับราคาขึ้นทุกวัน แต่หน้าฟาร์มราคากลับไม่ขยับ พลเอกประยุทธ์ในฐานะ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ควรที่จะศึกษาเพื่อหาต้นทุนที่แท้จริง ทั้งนี้ราคาซื้อกับราคาขายที่ห่างกันมาก ประโยชน์ตกกับนายทุนใกล้ชิดรัฐบาล

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำทีมรับมอบตัวรองอธิบดีกรมกิจการเด็กพร้อมพวกทำร้ายเด็ก-ข่มขู่ห้ามเด็กช่วยขยายผล

จากกรณีเมื่อวันที่ 9 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าให้ความช่วยเหลือเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งถูกบังคับค้าประเวณีได้จำนวนหนึ่ง จนนำไปสู่การขยายผลดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นแม่เล้าและผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กรวมทั้งสิ้นกว่า 30 ราย พื้นที่รับผิดชอบ สภ.ขุนทะเล จว.สุราษฎร์ธานี ซึ่งในกลุ่มลูกค้ามีทั้งลูกอดีตนักการเมือง หมอ ทหาร เป็นต้น ต่อมาเมื่อประมาณเดือน เม.ย.65 หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายสุวัฒน์ (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าบ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนายพิสิฐ (สงวนนามสกุล) รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ในกรณีที่มีการทำร้ายร่างกายเด็กที่เป็นผู้เสียหายในบ้านพักเด็ก และมีการข่มขู่หัวหน้าบ้านพักเด็ก และครอบครัว จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม นั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (11 ก.ค.65) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมายัง สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อมารับมอบตัว นายพิสิฐฯ  รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและครอบครัว และนายสุวัฒน์ฯ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหา โดยทั้งสองมีพฤติกรรม ในช่วงระหว่างเดือน ธ.ค.64 ถึง ต้นเดือน ก.พ.65 นายพิสิฐฯ ได้มีการโทรศัพท์สั่งหัวหน้าบ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้สั่งให้ส่งเด็กที่เป็นผู้เสียหายคดีค้ามนุษย์ดังกล่าวไปรับการดูแลที่อื่น  และไม่ให้มีการขยายผลติดตามเด็กผู้เสียหายหรือผู้ซื้อบริการทางเพศเด็ก เพิ่มเติมอีก อีกทั้งนายสุวัฒน์ฯ ยังได้ทำร้ายร่างกายเด็กผู้เสียหาย ที่ให้ความร่วมมือในการขยายผลกับเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องหาทั้งสองถูกดำเนินคดี ดังนี้

-ดำเนินคดีกับ นายพิสิฐฯ อายุ 55 ปี รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน โดยกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยขู่เข็ญ ข่มขู่ ข่มขืนใจ หรือกระทำการอันมิชอบประการอื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 54 (5)

-ดำเนินคดี นายสุวัฒน์ หรือเอ็ม อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา โดยมีพฤติการณ์ในการ ทำร้ายร่างกาย ด.ญ.อัน ภายในบ้านพักเด็ก และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยขู่เข็ญ ข่มขู่ ข่มขืนใจ หรือกระทำการอันมิชอบประการอื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์, และ ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 54 (5), ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 392

นร.หนุ่มลูกครึ่งไทย - ญี่ปุ่น โชว์เดี่ยวแคนสุดปัง คว้าถ้วยรางวัลพระราชทานกรมสมเด็จพระเทพฯ

เคนตะ วาทานาเบ้ เด็กหนุ่มลูกครึ่งไทย - ญี่ปุ่น โรงเรียนนครขอนแก่น สุดปัง โชว์ฝีมือเดี่ยวแคน คว้าถ้วยรางวัลพระราชทานกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ไปครอง

นายอภิชาติ อุ่นเกิด ผู้อำนวยการโรงเรียนนครขอนแก่น เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดให้มีการประกวดคลิปดนตรีพื้นบ้านและคลิปการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม” รวมศิลป์ไทย ไร้ขีดจำกัด ชิงรางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลรวมกว่า 100,000 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสาน พัฒนาต่อยอดวัฒนธรรมไทยพื้นบ้าน ให้คนไทยทั้งประเทศและทั่วโลก ได้รู้จักเอกลักษณ์ความเป็นไทย กับคอนเซ็ปต์ “รวมศิลป์ไทย ไร้ขีดจำกัด” ผ่านการประกวด 3 ประเภท คือ 

1. ประเภทเดี่ยวเครื่องดนตรี (ภาคเหนือ เดี่ยวปี่ก้อย ภาคกลาง เดี่ยวขลุ่ยเพียงออ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดี่ยวแคน ภาคใต้ เดี่ยวปี่พื้นบ้านภาคใต้)

2. ประเภทวงดนตรีพื้นบ้าน 4 ภาค 

3. ประเภทการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค

12 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 รัชกาลที่ 5 ทรงจารึกพระปรมาภิไธย จปร. บนก้อนหินที่นอร์เวย์ ขณะประพาสยุโรปครั้งที่สอง

12 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 รัชกาลที่ 5 ทรงจารึกพระปรมาภิไธย จปร. บนก้อนหินที่นอร์เวย์ ขณะประพาสยุโรปครั้งที่สอง 

วันนี้ เมื่อ 115 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสแหลมเหนือ (North Cave) ประเทศนอร์เวย์ ทรงจารึกพระปรมาภิไธย ‘จปร.1907’ ไว้บนก้อนหินที่ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ 

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2450 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสแหลมเหนือ (North Cave) ประเทศนอร์เวย์ ระหว่างที่พระองค์เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 เพื่อผ่อนคลายพระราชภารกิจและรักษาตัวอยู่นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาสแหลมเหนือ (North Cave) ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีทางรถยนต์ขึ้นถึง ต้องเสด็จโดยเรือและทรงปีนไปบนหน้าผา พร้อมทั้งทรงสลักพระปรมาภิไธย ‘จปร. 1907’ ซึ่งเป็นปี ค.ศ.ที่เสด็จถึงไว้บนก้อนหิน และทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับพระยาชลยุทธโยธิน อดีตผู้บังคับการเรือชาวเดนมาร์ก พร้อมกะลาสีเรือที่ตามเสด็จไว้เป็นที่ระลึกด้วย 

ซึ่งภาพดังกล่าว กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ยืนยันถึงการเสด็จประพาส และแสดงถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของสยามประเทศ รวมถึงพระอัจฉริยภาพ และพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 องค์พระประมุขของชาติเล็กๆ ที่แม้จะอยู่ห่างไกลในซีกโลกตะวันออก แต่ทรงสามารถประกาศศักดิ์ศรีให้ชาวตะวันตก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรปเหนือได้รู้จักจนทุกวันนี้

ต่อมาในปี พ.ศ.2513 รัฐบาลนอร์เวย์จะก่อสร้างอาคารเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ได้พบศิลาจารึกพระปรมาภิไธยย่อ ‘จปร. 1907’ ซึ่งปกคลุมไปด้วยหญ้า ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร เกือบจะมีการระเบิดทิ้งเพื่อมิให้กีดขวางการสร้างอาคาร แต่ในที่สุดได้มีการเก็บรักษาไว้ตามที่มีผู้แจ้งว่าอักษรย่อบนศิลาจารึกนั้นเป็นพระปรมาภิไธยย่อของในหลวงรัชกาลที่ 5 ที่ได้เคยเสด็จมาเยือนที่นี่ โดยเปรียบเทียบจากภาพถ่ายที่ทรงฉายไว้  

โดยทางการนอร์เวย์ได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์มาตั้งแสดงคู่กับศิลาจารึกพระปรมาภิไธยย่อ ‘จปร. 1907’ ภายในอาคาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ทราบว่า มีอะไรเกิดขึ้นที่ตรงนี้เมื่อ 100 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาชม เพราะอยู่ใจกลางแหลมเหนือ และมักจะโยนเหรียญบ้าง ธนบัตรบ้าง ไปที่ศิลาจารึกพระปรมาภิไธยนั้น เพื่อขออธิษฐานให้ได้กลับมาเยือน ณ ที่แห่งนี้อีก ซึ่งทางการนอร์เวย์ได้เก็บรวบรวมเงินเหล่านี้มอบเป็นรางวัลให้กับผู้ทำประโยชน์ให้กับเด็กๆ ทั่วโลก มีชื่อว่ารางวัล The Children of the Earth

'เซเลนสกี้' สั่งเด้งฟ้าผ่า!! ทูตยูเครนใน 5 ประเทศ เหตุไม่ได้ดั่งใจที่ให้ต่างชาติยืนข้างยูเครนไม่ได้

เมื่อวันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครน ได้เซ็นคำสั่งเด้งฟ้าผ่าเอกอัครราชทูตยูเครนที่ประจำในเยอรมนี, อินเดีย, สาธารณรัฐเช็ก, นอร์เวย์ และ ฮังการี รวดเดียว 5 ประเทศ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ต่างประเทศระดับสูงอีกหลายคน โดยไม่ได้อธิบายเหตุผลว่าเกิดจากอะไร มิหนำซ้ำไม่ได้แจ้งด้วยว่า นักการทูตระดับสูงที่ถูกเด้งออกไป จะมีโอกาสได้ย้ายไปทำงานในหน่วยงานอื่นของรัฐบาลยูเครนหรือไม่

สื่อต่างประเทศหลายสำนักพยายามที่จะหาเหตุผลว่า เหตุใดผู้นำยูเครนถึงตัดสินใจปลดเอกอัครราชทูตของตนที่ประจำอยู่ในหลายประเทศชั้นนำอย่างกะทันหันในช่วงเวลาเช่นนี้ 

โดยหนึ่งในสาเหตุ อาจเกิดจากการที่ผู้นำยูเครนพยายามกดดันให้ทูตยูเครนที่ประจำในที่ต่าง ๆ เร่งเจรจากับรัฐบาลต่างประเทศเพื่อระดมทุน และความช่วยเหลือด้านอาวุธส่งเข้ามาให้ยูเครนในการทำสงครามสู้รบกับรัสเซียให้ได้มากที่สุด

แต่เอกอัครราชทูตที่อยู่ในบัญชีถูกปลดบางคน มักประจำอยู่ในประเทศที่มีแนวโน้มเอนเอียงไปทางรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลอินเดีย ที่ตอนนี้ยังคงวางตัวเป็นกลางในสถานการณ์ยูเครน และยังเพิ่มปริมาณการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอีกด้วย 

อย่างคนที่ถูกจับตามากที่สุด คือ นาย แอนเดรย์ เมลนิค ที่ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตยูเครน ประจำกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีมาตั้งแต่ปี 2014 ได้อยู่ในรายชื่อที่ถูกปลดด้วยเช่นกัน 

นอกจากนี้ บางส่วนก็มาจากสาเหตุการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไป ตรงมา ผ่านสื่อโซเชียลของทูต แอนเดรย์ เมลนิค ที่พร้อมชนทุกคนที่เห็นต่าง ซึ่งเขาเคยต่อว่านักการเมืองเยอรมนีที่คัดค้านการส่งอาวุธรบให้กองทัพยูเครน ว่าเป็นพวกที่รักสันติแบบผิดที่ ผิดเวลา และยังเคยวิจารณ์นาย โอลัฟ ช็อลทซ์ ผู้นำเยอรมนี ที่ยังไม่ตอบรับคำเชิญในการเยี่ยมเยือนผู้นำยูเครนที่กรุงเคียฟโดยทันทีว่า นายโอลัฟ ช็อลทซ์ ทำตัวเหมือนคนหยิ่งยโส

แต่การใช้คำพูดในการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นเหตุผลเพียงส่วนเดียว เพราะเมื่อไม่นานนี้ มีสัญญาณบางอย่างส่งมาจากรัฐบาลเยอรมนี เมื่อรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของเยอรมนีได้ส่งจดหมายตรงถึงรัฐบาลแคนาดา เรียกร้องให้ส่งเครื่องจักรเทอร์ไบน์ ของบริษัท Siemens ที่ใช้กับท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 แต่ถูกทางการแคนาดายึดไว้ กลับคืนมาให้กับเยอรมนี

เครื่องยนต์เทอร์ไบน์ดังกล่าว ได้เคยถูกส่งไปซ่อมบำรุงในศูนย์ที่แคนาดา แต่เมื่อเกิดกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน รัฐบาลแคนาดาตัดสินใจยึดเครื่องยนต์เทอร์ไบน์ไว้ เพื่อขัดขวางการส่งออกก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียสู่เยอรมัน และอีกหลายประเทศทางฝั่งยุโรปตะวันตก 

แต่ในวันนี้รัฐบาลเยอรมนีต้องการขอคืนเครื่องยนต์เทอร์ไบน์นี้ แม้แต่ โอลัฟ ช็อลทซ์ ผู้นำเยอรมันเอง ยังเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานในประเทศ และจะดีกว่าถ้าเราได้เครื่องยนต์เทอร์ไบน์ของ Nord Stream 1 กลับมา ซึ่งทางรัฐบาลแคนาดาได้ตอบตกลงตามคำร้องของเยอรมันแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top