Saturday, 21 June 2025
ค้นหา พบ 48945 ที่เกี่ยวข้อง

‘ดร.นิว’ ติง ‘บิ๊กตู่’ สอบตกด้านความมั่นคง หลังสิงคโปร์ ‘เจอ-จับคนผิด’ วันเดียวเลี้ยวคุก

(9 ..65) เว็บไซต์ นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอข่าว Man arrested for threatening PM Lee Hsien Loong on social media, following shooting of Japan's ex-PM Abe ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 .. 2565 ตำรวจควบคุมตัวชายวัย 45 ปี หลังสืบทราบว่าชายคนดังกล่าวแสดงความคิดเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะข่มขู่คุกคามให้ใช้ความรุนแรงกับ ลีเซียนลุง (Lee Hsien Loong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ซึ่งวันดังกล่าวเป็นวันเดียวกับที่ ชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิงเสียชีวิต

โดยเกรียนคีย์บอร์ดคนดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในเวลา 15.10 . และถูกจับกุมได้ในอีก 5 ชั่วโมงต่อมา โดยตำรวจได้ยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถืออีก 4 เครื่องไปตรวจสอบ เบื้องต้นยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ซึ่งหากถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ใช้ความรุนแรง และศาลตัดสินว่าผิดจริงในจ้อหาดังกล่าว อาจถูกจำคุกได้สูงสุดถึง 5 ปี รวมถึงยังมีโทษปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับด้วย

สืบเนื่องจากเรื่องดังกล่าว ทางด้าน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เรามีนายกอดีตทหารที่สอบตกด้านความมั่นคง

ประเทศสิงคโปร์สามารถรวบตัวคนที่โพสต์หมิ่นประมาทข่มขู่คุกคามนายกรัฐมนตรีได้ภายในวันเดียว อีกทั้งมีกระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วในการตัดสินคดีความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

เมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย เรามีนายกรัฐมนตรีที่เคยเป็นถึงอดีตผู้บัญชาการทหารบก แต่กลับไม่เคยสร้างอธิปไตยไซเบอร์ (Cyber Sovereignty) ปล่อยให้ประเทศชาติถูกรุกรานทางไซเบอร์มาโดยตลอด

นอกจากนายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้ตัวเองถูกด่าแบบสาดเสียเทเสีย ยังไม่สามารถปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ปล่อยให้มีการหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายกันอย่างเสรี

แม้คุณ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha จะมีผลงานในด้านต่างๆ จำนวนไม่น้อย แต่กลับสอบตกด้านความมั่นคงอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะไร้สติปัญญาในการสร้างอธิปไตยไซเบอร์ และไม่มีน้ำยาในการผลักดันให้เกิดกระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วในการตัดสินคดีความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

ขณะที่ประเทศสิงคโปร์สามารถรวบตัวผู้กระทำความผิดด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะบนท้องถนนหรือในโลกออนไลน์ได้ภายในวันเดียว แล้วนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่รวดเร็วได้ในทันที

แต่ประเทศไทยกลับปล่อยให้มีการทำผิดกฎหมายและบ่อนทำลายความมั่นคงได้อย่างเสรี ตลอดจนมีกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า แถมยังถูกแทรกแซงโดยขบวนการบ่อนทำลายความมั่นคงอีกเสียด้วย

อย่างที่บอกไปแล้ว คุณประยุทธ์มีผลงานไม่น้อยก็จริง แต่ผลงานด้านความมั่นคงและการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นสอบตกอย่างน่าอับอายที่สุด ไม่สมกับการเป็นชายชาติทหารเลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าประชาชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างผมหรือใครก็ได้ที่รู้หลักวิชา นั่งอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีในวันนั้น แล้วทำการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ระบอบประชาธิปไตยตามแนวทางที่ถูกต้องและมีความเป็นธรรม

นำไปสู่การทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนชาวไทยตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เราคงมีอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนอย่างแท้จริง อีกทั้งมีความมั่นคงแห่งรัฐที่แข็งแกร่งตามไปด้วย

‘ก้าวไกล’ แจงละเอียดปม 'เล่นบทสองหน้า' ฉะ ‘เพื่อไทย’ ทำศรัทธาปชช.ต่อก้าวไกลวูบ

(9 ..65) นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส..บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานวิป พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความชี้แจงกรณีที่ประชุมรัฐสภา มีมติใช้สูตรหาร 500 คำนวณจำนวนส..บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง โดยมีรายละเอียดดังนี้…

ข้อเท็จจริง จากการประชุมวิปร่วมฝ่ายค้าน

ในการประชุมวิปของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ของเช้าวันอังคารที่ 5 กรกฎาคม เวลา10.00 น ณ ห้อง M1 หลังบัลลังก์ อาคารรัฐสภาโดยมีประธานวิปสุทิน คลังแสง เป็นประธานที่ประชุม และคุณหมอชลน่าน ศรีแก้ว เข้าร่วม รวมถึงตัวแทนจากพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค

เลขาธิการพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน ผม และส.. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ได้ยืนยันจุดยืนของพรรคก้าวไกลอย่างชัดเจนในที่ประชุม ว่าเราเห็นด้วยกับ สูตรหาร 100 ในแบบที่ ส..ปกรณ์วุฒิได้สงวนคำแปรญัตติ เพื่อให้แก้ไขปัญหา ส.. ปัดเศษที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดย ส..ปกรณ์วุฒิ ยังได้อธิบายในรายละเอียดของคำแปรญัตติ และวิธีการคำณวนให้ที่ประชุมได้รับทราบอีกด้วย

จึงเป็นที่มาที่พรรคก้าวไกล จะไม่ลงมติ “เห็นด้วย” กับร่างของกรรมาธิการที่ไม่มีการแก้ไข เพราะเป็นสูตรหาร 100 ที่ไม่ได้แก้ปัญหา ส.. ปัดเศษ

ซึ่งในที่ประชุม ผมยืนยันได้ว่า อย่างน้อย 2 ท่าน ที่รับทราบเจตนานี้เป็นอย่างดี ก็คือ คุณหมอชลน่าน และประธานวิปสุทิน เพราะเรายังถกกันต่อเนื่อง ว่า หากก้าวไกลยืนยันแบบนี้…

- การลงมติ ในคำถามที่ 1 และ 2 จะเป็นอย่างไร

- จะทำให้สูตรหาร 100 แพ้หรือไม่ เพราะเสียงของก้าวไกลจะไปรวมกับกลุ่มที่เอาสูตรหาร 500 ในคำถามแรก

ผมเองยังแสดงความเห็นว่า หากเรารวบรวมเสียงได้มากพอ ยังไงเราก็จะชนะในคำถามที่สองอยู่แล้ว ไม่น่าห่วง

(แต่หากเราชนะในคำถามที่หนึ่ง ก็จะได้สูตรหาร100 ที่ขาดความสมบูรณ์ ซึ่งต้องเรียนว่า พรรคก้าวไกล มีการหารือในที่ประชุม ส.. อย่างรอบคอบ ว่าเห็นด้วยให้ ส.. ปกรณ์วุฒิถอนคำแปรญัตติหรือไม่ แต่ที่ประชุมเห็นว่า สูตรหาร 100 แบบที่ ส..ปกรณ์วุฒิเสนอ จะสะท้อนเสียงของประชาชนได้อย่างแท้จริง เพราะแก้ไขปัญหา ส..ปัดเศษได้)

คุณหมอชลน่านยังได้เสนอให้ ส.. จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นผู้เสนอต่อประธานในที่ประชุม ขอให้ตั้งคำถามแรก ในลักษณะที่ให้ ที่ประชุมจะเลือกอะไร ระหว่างหาร 500 กับ หาร 100 ไปเลย เพื่อให้ก้าวไกลสามารถมาโหวตร่วมกับเพื่อไทยตั้งแต่คำถามแรก อีกด้วย

นอกจากนั้น ในรายงานการประชุมวิป จะเห็นได้ว่า ไม่มีการบันทึกว่า มติของพรรคร่วมฝ่ายค้านในการลงมติประเด็นนี้คืออะไร เพราะหาข้อสรุปร่วมกันทุกพรรคไม่ได้

ผมเห็นว่า…

- การรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างๆ ทั้งที่อ้างอิงและไม่อ้างอิง คนของพรรคเพื่อไทย มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก

- การแสดงความเห็นของ พี่น้องประชาชน และ นักการเมือง ที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม ก็มีความเข้าใจผิด

- แต่หากเป็นผู้ที่เข้าร่วมการประชุมวิป ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่า เข้าใจผิด หรือ จงใจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด??

ผมรู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจของเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภา ที่เป็นการแก้ไขวิธีการคำณวนเพียงเพื่อเป็นนั่งร้านให้กับพลเอกประยุทธ์ในการสืบทอดอำนาจ หรือ เพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าหลักการที่ถูกต้อง

และผมจะเสียใจเป็นอย่างมาก หากสูตรหาร 100 จะไม่ผ่านสภา เพราะเสียงของ ส.. พรรคก้าวไกล และคงจะเข้าใจความรู้สึกของพรรคเพื่อไทย หากแพ้โหวตเพราะก้าวไกล

แต่จากผลการลงมติ ในคำถามที่สอง เราเห็นได้ชัดว่า เพื่อไทย / ก้าวไกล และเสียงของกลุ่มที่เห็นด้วยในสูตรหาร 100 มีไม่มากพอที่จะชนะ

หรือแม้กระทั่งว่า พรรคก้าวไกล จะยอมโหวต “เห็นด้วย” ร่วมกับในคำถามที่ 1 แล้วได้สูตรหาร 100 ที่ไม่สมบูรณ์ ก็ไม่สามารถชนะอยู่ดี

พิษคอนเทนต์ตีกลับ 'นารา เครปกระเทย' ชีวิตพัง!! ไม่มีงาน ต้องเตรียมเงินสู้คดี112

จากกรณี 'นารา เครปกะเทย' หรือ นายอนิวัต ประทุมถิ่น เน็ตไอดอลชื่อดัง ได้ทำคลิปวิดีโอ และภาพนิ่งโปรโมตแคมเปญลดราคาสินค้าพิเศษ ซึ่งมีลักษณะล้อเลียนผู้พิการและพาดพิงสถาบันเบื้องสูง จนสร้างความไม่พอใจกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งบริษัทชื่อดัง ได้ออกแถลงการณ์น้อมรับผิดและเร่งดำเนินระงับการเผยแพร่คลิปทันทีนั้น

โดยล่าสุด นารา เครปกระเทย ได้โพสต์คลิปโปรโมตสินค้า พร้อมทั้งระบายกับมรสุมที่กำลังพบเจอในช่วงนี้ ว่า...

"ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่บอกใหัสู้  มันเหนื่อยเหลือเกินที่เด็กคนนี้ที่จะรับได้

ตั้งแต่เกิดเรื่องมา นาราไม่มีงานไม่มีเงิน นาราพูดไม่อายหลอก ใครที่ต้องการให้นาราแย่ลง สาปแช่งนารา ด่าว่านารา ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนี้ประสบความสำเร็จแล้วนะ หัวเราะได้เต็มที่เลย นาราโดนหมายศาล 7 ทั้งค่าประกัน ทั้งค่าที่ต้องรับผิดชอบคนอื่น และไหน ค่าทนาย นาราไม่เหลือเพื่อนรอบข้าง นาราไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใคร แต่สิ่งสุดท้ายที่นาราจะทำ คือ ช่วยตัวเอง นาราขอขายของนารา สุดท้ายเพื่อไปช่วยเหลือสังคมอีก 3 ที่ และเตรียมเงินสู้คดี 112 ก่อนที่หนูคนนี้จะกลับไปขายเครปเหมือนเดิม วันที่เราไม่เหลือใคร หันไปไม่เจอใคร ทุกคนรู้ไหมมันโครตเจ็บใจ โครตเสียใจที่สุด แต่เราหมดค่าแล้ว ใครเขาอยากจะมีเรา ทุกอย่างที่สร้างมามันไปหมดแล้ว หวังว่า ผู้ใหญ่ทุกคนที่ต้องการให้ นาราเป็นแบบไหน สะใจแล้วนะ โอเคแล้วนะ ปล่อยให้หนูไปทำมาหากินเถอะ..."

วิเคราะห์ดวง 'อาเบะ' ดื้อ - ซื่อตรง - เด็ดขาด กล้าตัดสินใจ ไม่ยอมเสียเปรียบ

เป็นเรื่องที่น่าตระหนกตกอกตกใจกับการถูกลอบยิงจนเป็นเหตุให้ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น คนที่ 57 ที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวถึง 2 สมัย ซึ่งนับว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ผ่านมา

ทั้งนี้ Fengshui Biz Designer จึงขออนุญาตร่วมไว้อาลัยด้วยการวิเคราะห์รูปดวงเชิงวิชาการ ยกไว้เป็นดวงครู เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจในโหราศาสตร์จีนโบราณ ด้วยหลักวิชา “สี่เสาแห่งโชคชะตา” หรือ 八字四柱 (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว)

ลักษณะโครงสร้าง ”สี่เสาแห่งโชคชะตา” หรือ 八字四柱 (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว) เป็นคนธาตุทองเพศหยาง ตัวอักษร (แก) เปรียบเสมือนทองแท่งหรือทองแข็ง หรือมีลักษณะคล้ายคมมีดโลหะที่แข็งแกร่ง มีลักษณะอุปนิสัย ดื้อ ซื่อตรง เด็ดขาด เปิดเผย ชอบเอาชนะ ชอบอยู่แนวหน้า อารมณ์หงุดหงิดง่าย แต่เป็นคนกล้าตัดสินใจ ขาดความผ่อนปรน ไม่ยอมเสียเปรียบ พูดจาขวานผ่าซาก

ดิถีวันเป็นธาตุทอง (แก) ที่นั่งอยู่บนมะโรง (ซิ้ง) มีดาว 日德 (ยิกเต็ก) และดาว 魁罡(ควยกัง) กำกับอยู่ จึงเป็นคนมีวาสนาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มากด้วยอำนาจและบารมี มีความเด็ดขาด แข็งแกร่ง เด่นชัดด้านฝีมือและด้านบริหารวิชาการ สติปัญญาดี ฉลาด ปราดเปรื่อง

เกิดปีมะเมียไม้ “甲午 (กะโง้ว) เดือนระกาน้ำ 癸酉(กุ้ยอิ้ว) วันมะโรงทอง 庚辰(แกซิ้ง) เสาวัยจรเสวยอายุตั้งแต่ 67 ถึง 76 ปี ถนนชีวิตเดินในตำแหน่งเสามะโรงทอง 庚辰(แกซิ้ง) เช่นกัน ทั้งเหมือนทั้งเป็นตัวเดียวกันกับราศีบนและราศีล่างของเสาวัน เข้ากฏตามตำราโหราศาสตร์จีนว่า 伏吟” (หกหงิ้ม) โดยมีดาวร้าย 寡宿” (กัวซิ่ว) และดาวร้าย 刑” (เฮ้ง) กระหน่ำซ้ำเติมเป็นคราวเคราะห์ที่มีผลกระทบต่อชะตาชีวิตในช่วง 10 ปีนี้ไม่น้อยเลย

'อรรถวิชช์' เตือน!! ทฤษฎีแตกแบงก์พันอาจขัดกฎหมาย ชี้!! หาร 500 ได้พรรคการเมืองหลากหลาย ตรวจสอบถ่วงดุลได้จริง ไม่ขัด รธน.

'อรรถวิชช์' เตือน!! ระวังทฤษฎีแตกแบงก์พันอาจขัดกฎหมาย ชี้!! หาร 500 เป็นวิวัฒนาการทางการเมือง ได้พรรคการเมืองหลากหลาย ตรวจสอบถ่วงดุลได้จริง พัฒนาประชาธิปไตยไทย มั่นใจไม่ขัดรัฐธรรมนูญ พร้อมเปิดตัว 'KLA Sport' ใช้กีฬาเชื่อมสัมพันธ์เยาวชน

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เปิดงาน 'กล้าจตุจักร ฟุตซอลเกม' กิจกรรมแข่งขันฟุตซอลเยาวชน ในเขตจตุจักรและใกล้เคียงเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ KLA Sport ตามนโยบายสนับสนุนเยาวชนสู่กีฬาอาชีพ สร้างสัมพันธ์กับเยาวชนและพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนนโยบายด้านกีฬาของพรรค และใช้กีฬาต้านยาเสพติด โดยเฉพาะล่าสุดมีเรื่องกัญชาเสรี หากเยาวชนนำไปใช้ผิดทางก็เกิดอันตราย ถ้าใช้ถูกทางก็กลายเป็นประโยชน์ หากมีเครือข่ายเยาวชนเป็นหูเป็นตาช่วยกันดูแลถือเป็นเรื่องที่ดี

นายอรรถวิชช์ ยังกล่าวถึงระบบเลือกตั้งแบบใหม่ โดยขอบคุณ ส.ส. และ ส.ว. ที่โหวตเห็นชอบให้ใช้วิธีการคำนวณจำนวน ส.ส.ด้วยวิธีการหารด้วย 500 ซึ่งพรรคกล้านั้นจัดตั้งขึ้นมาเพื่อให้สอดรับกับการหารด้วย 500 ตั้งแต่ต้น เนื่องจากมองว่าการหารด้วย 500 จะทำให้คนรุ่นใหม่ทางการเมือง มีโอกาสเข้าสู่การเมืองได้ ทำให้มีพรรคเฉพาะกิจ เฉพาะด้านเกิดขึ้น ทั้งพรรคด้านเศรษฐกิจ ด้านกีฬา ด้านสิ่งแวดล้อม และเชื่อว่าในอนาคตจะเป็นรัฐบาลผสมที่มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะเมื่อเข้าไปทำการเมืองจริง จะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารมีการตรวจสอบกันได้จริง ประชาธิปไตยจะมีการพัฒนา แต่หากกลับไปใช้สูตรเดิมที่ผ่านมา ก็ทราบดีว่ามีบทเรียนอะไรเกิดขึ้น ก็จะกลายเป็น ส.ส.ทำการเมืองคล้ายกับนักการเมืองท้องถิ่น ยืนยันว่าพรรคกล้าพร้อมกับกติกาที่จะออกมา และคิดว่าแนวทางนี้น่าจะไปได้ดี ทำให้พรรคสามารถจะเป็นเวทีให้กับคนรุ่นใหม่ได้ ซึ่งภายหลังจากที่มีการประกาศสูตรหาร 500 ก็มีคนสมัครเข้าพรรคเพื่อแสดงเจตจำนงลงสมัคร ส.ส.ในเขตพื้นที่ต่าง ๆ จำนวนมาก 

“สูตรหาร 100 เคยเกิดขึ้นแล้ว กลายเป็น ส.ส.ต้องลงไปทำการเมืองคล้ายกับนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ใช่การเมืองที่สู้ในระดับชาติ ที่มากกว่านั้นคิดว่าสูตรหาร 500 ไปได้ มันทำให้การเมืองเปลี่ยน เราเคยลองมาแล้วทั้งสูตรหาร 100 ทั้งบัตรเลือกตั้งใบเดียวแบบหาร 500 แต่ครั้งนี้เป็นบัตรสองใบหาร500 ผมว่ามันคือวิวัฒนาการทางการเมือง”

ส่วนกรณีที่หลายคนที่กังวลเรื่องจะทำให้เกิดพรรคเล็กจำนวนมากแบบที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่นั้น นายอรรถวิชช์ เชื่อว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากใน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง กำหนดไว้ชัดเจนถึงวิธีของการคำนวณ อ่านและเข้าใจกติกาง่ายกว่า จะไม่เกิดการเขย่งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะมีแนวโน้มว่าเมื่อคำนวณคะแนนเสียงแล้ว จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อจะเกินกว่าที่กำหนด ดังนั้นจำนวนคะแนนเสียงต่อ ส.ส. 1 คน อาจต้องใช้มากกว่า 7 หมื่น หรือ 8 หมื่นเสียง ไม่เหมือนอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ 

นายอรรถวิชช์ ยังกล่าวถึงกรณีจะมีการแตกแบงค์พันของพรรคการเมืองบางพรรคว่า เรื่องนี้จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะหากเป็นกรรมการบริหารอยู่พรรคหนึ่ง แล้วไปจัดตั้งพรรคการเมืองอีกพรรค จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ทั้งนี้ความจริงไม่จำเป็นต้องไปแตกแบงค์พัน เป็นพรรคแบบไหน ก็ต่อสู้แบบนั้น มีโอกาสชนะได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เทคนิค แต่ขอว่าสู้กับอะไร ก็ขอให้มีความชัดเจนของเป้าหมาย ว่าต้องการต่อสู้กับใคร 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top