Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48945 ที่เกี่ยวข้อง

10 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 บอมบ์เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ของ ‘กรีนพีซ’ ฝีมือผู้ก่อการร้ายชาวฝรั่งเศส

คงมีแต่ผู้ติดตามตัวจริงเท่านั้นที่จะนึกถึงเหตุโศกนาฎกรรมครั้งนี้ได้ว่ามัน เกิดขึ้นกับ "เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์" (The Rainbow Warrior) แต่คนไทยวงนอก จะจดจำได้ว่าครั้งหนึ่ง "เรือของกรีนพีซ" เคยถูกบอมบ์จนยับเยินมาแล้ว

เหตุเศร้านี้เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ของเมื่อ 37 ปีก่อน ตรงวับวันที่ 10 กรกฎาคม 2528 เรือลำนี้ถูกสายลับก่อการร้ายชาวฝรั่งเศสวางระเบิดยับจนจมดิ่งมหาสมุทร ที่น่าเศร้าคือมีผู้สูญหายหรือเสียชีวิตอีกด้วย

แน่นอน คนไทยทั่วไปอาจคุ้นเคยแต่ว่า องค์กรกรีนพีซนั้นทำเรื่องสิ่งแวดล้อม โลกสวยในทุ่งลาเวนเดอร์และผืนมหาสมุทร หากแท้จริงแล้ว องคาพยพขององค์กรนี้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว้างขวางกว่าที่คิด

เฉกเช่นกับเรื่องราวของ “เรนโบว์ วอร์ริเออร์” อันเป็นเรือลำแรกในกองเรือ ที่ออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อภารกิจของกรีนพีซโดยเฉพาะ

เว็บไซต์ www.greenpeace.org/thailand เล่าไว้ว่า เรนโบว์ วอร์ริเออร์” ไม่เพียงแต่เป็นเรือที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดลำหนึ่งแล้ว เรือลำนี้ยังเป็นดั่งความฝันของเหล่านักรณรงค์ที่ยังคงต่อสู้เพื่ออนาคตสีเขียวและสันติภาพ

เรนโบว์ วอร์ริเออร์ เดิมมีชื่อว่า “เซอร์ วิลเลียม ฮาร์ดีย์” เรืออวนลากสำหรับงานวิจัยด้านการประมงของกระทรวงเกษตร ประมง และ อาหารของสหราชอาณาจักร สร้างขึ้นเมื่อปี 2498 เป็นเรือเครื่องยนต์ดีเซลไฟฟ้าลำแรกที่สร้างขึ้นในสหราชอาณาจักรด้วย

ภายหลัง กรีนพีซต้องการนำมาใช้ จึงระดมทุนเพื่อซื้อเรือลำนี้มา แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะหลายเดือนกรีนพีซก็ยังไม่มีเงินพอ

จนที่สุดกองทุนสัตว์ป่าโลก สำนักงานเนเธอร์แลนด์ จึงให้ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อช่วยรณรงค์ปกป้องวาฬ กรีนพีซจึงได้กรรมสิทธิ์เรือลำแรกในยุโรป

ได้เรือมาอย่างสวยงามแล้ว กรีนพีซจัดแจงเปลี่ยนชื่อเรือเอาฤกษ์เอาชัย ได้ชื่อมาว่า “เรนโบว์ วอร์ริเออร์” ตามคำทำนายของนักรบอินเดียนแดง ชนเผ่าครีในอเมริกาเหนือ ที่เชื่อว่า “เมื่อโลกป่วยและกำลังดับสูญ ผู้คนจะลุกขึ้นสู้ประหนึ่งนักรบแห่งสายรุ้ง…”

วันที่ 29 เมษายน 2521 เรนโบว์วอร์ริเออร์ ได้ทำงานเที่ยวแรกในชีวิต ออกจากท่าเรือในลอนดอน มีลูกเรือ 24 คน จาก 10 ประเทศ

ดังที่เกริ่นไว้ พวกมีภารกิจสำคัญ คือการขัดขวางการล่าวาฬเพื่อการค้าที่ไอซ์แลนด์ ชาวกรีนพีซแห่งเรนโบว์วอร์ริเอร์ ราวกับนักรบที่ไร้อาวุธ แต่พวกเขาก็ท้าลุยกับปัญหาต่างๆ จนพิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นเรือที่ทรงคุณค่าในการเดินทะเลอย่างแท้จริง

3 ปีต่อมา อาสาสมัครกรีนพีซเปลี่ยนเครื่องยนต์ดีเซลไฟฟ้าขนาด 45 ตัน และติดตั้งเครื่องยนต์ดีทรอยท์ เข้าไปแทน จนถึงปี 2528 มีการติดตั้งใบเรือเพื่อความพร้อมสำหรับการเดินทางไปมหาสมุทรแปซิฟิก

ที่นั่นมีชาวเกาะรองเกลัป 320 คน ที่ได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนรังสี และได้เรียกร้องความช่วยเหลือจากเรือเรนโบว์วอร์ริเออร์ให้ช่วยอพยพผู้คน เพื่อไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่เกาะเมจาโต

รังสีนี้ มาจากการทดลองนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษที่ 1950 หลายคนเป็นมะเร็ง ลูคิเมียและพิการแต่กำเนิด

ใครจะคาดคิดว่า ในวันที่สวยงามของเดือนกรกฎาคมปีนั้น (2528) เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ซึ่งทอดสมอไหวเอนตามลมคลื่นเบาๆ ในผืนน้ำที่เมืองโอคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อเตรียมความพร้อมออกปฏิบัติการต่อต้านการทดลองนิวเคลียร์ของรัฐบาลฝรั่งเศศที่หมู่เกาะปะการังโมรูรัว

เวลาเกือบเที่ยงคืน ขณะที่ทุกๆ คน กำลังจะเข้านอน หากแต่ยังมีลูกเรือสองสามนาย หนึ่งในนั้นคือ เฟอร์นานโด เปเรรา ช่างภาพประจำเรือชาวโปรตุเกส พวกเขานั่งคุยและดื่มเบียร์อยู่บนเรือลำนี้

อยู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้น ตามด้วยเสียงกระจกแตก และเสียงโครมที่ลงกระแทกผืนน้ำเข้าอย่างจัง หะแรก ทุกคนคิดว่าเรืออาจถูกเรือโยงชน แต่มารู้ว่าไม่ใช่เมื่อได้เกิดระเบิดลูกที่สอง!

ลูกเรือที่อยู่บนดาดฟ้าเรือ พากันหนีตายจ้าละหวั่น ที่กระโดดหลบในที่ปลอดภัยบนท่าเรือได้ก็ทำ ที่กระโดลงน้ำได้ก็ทำ เปลวไฟจากระเบิดทำให้เสากระโดงเรือที่เป็นเหล็กบิดงอไปต่อหน้าต่อตา

11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ครบรอบ 334 ปี วันสวรรคต สมเด็จพระนารายณ์มหาราช

11 กรกฎาคม วันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์องค์ที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ทรงมีหลายพระนาม คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชรญ์ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าปราสาททองกับพระราชเทวีสิริกัลยาณี พระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2175

ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เล่าว่าเมื่อแรกเสด็จพระบรมราชสมภพนั้น พระญาติเห็นพระโอรสมีสี่กร พระราชบิดาจึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า "พระนารายณ์ราชกุมาร" ส่วนในคำให้การชาวกรุงเก่าและคำให้การขุนหลวงหาวัด เล่าว่าเมื่อเพลิงไหม้พระที่นั่งมังคลาภิเษก พระโอรสเสด็จไปช่วยดับเพลิง ผู้คนเห็นเป็นสี่กร จึงพากันขนานพระนามว่า พระนารายณ์ พระราชประวัติของสมเด็จพระนารายณ์นั้นเกี่ยวกับเรื่องปาฏิหาริย์อยู่มาก แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของพราหมณ์ เมื่อเทียบกับกษัตริย์องค์ก่อน ๆ ด้วยเหตุนี้เองพระราชประวัติของพระองค์จึงกล่าวถึงปาฏิหาริย์มหัศจรรย์ตามลำดับ คือ

เมื่อพระนารายณ์มีพระชนม์ได้ 5 พรรษา ขณะเล่นน้ำ พระองค์ทรงถูกอสนีบาต พวกพี่เลี้ยง นางนม สลบหมดสิ้น แต่พระองค์ไม่เป็นไรแม้แต่น้อย

เมื่อพระนารายณ์มีพระชนม์ได้ 9 พรรษา พระองค์ทรงถูกอสนีบาตที่พระราชวังบางปะอิน แต่พระองค์ก็ปลอดภัยดี

สมเด็จพระนารายณ์ทรงรับการศึกษาจากพระโหราธิบดี ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงในพระราชวัง และพระอาจารย์พรหม พระพิมลธรรม รวมทั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์และพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์ระดับสูงในพระนคร

สมเด็จพระนารายณ์มีส่วนสำคัญในการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา โดยพระองค์ได้ร่วมมือกับสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาในการชิงราชสมบัติจากสมเด็จเจ้าฟ้าไชย ซึ่งเป็นพระเชษฐาของพระองค์ โดยหลังจากที่พระองค์ช่วยสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาขึ้นครองราชสมบัติได้แล้วนั้น สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาทรงแต่งตั้งให้พระองค์ดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชและให้เสด็จไปประทับที่พระราชวังบวรสถานมงคล หลังจากสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาขึ้นครองราชสมบัติได้ 2 เดือนเศษ พระองค์ทรงชิงราชสมบัติจากสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ ที่ 10 กรกฎาคม 2565 : หลวงปู่ชา สุภทฺโท

เขานินทาต้องหยุดนิ่ง 
พิจารณาดูว่าเขาว่าอะไรกัน
ถ้าไม่เป็นจริงก็แล้วไป
ถ้าเป็นจริงอย่างเขาว่า 
ก็แก้ไขตัวเราเสีย
ก็หมดเรื่อง เท่านั้นเอง

หลวงปู่ชา สุภทฺโท
 

ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 จัดกิจกรรม 'OPEN HOUSE เปิดบ้านทหารใหม่'

8 ก.ค.65 ที่ ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล พ.อ.เรวัตร เซ่งเข็ม ผบ.ร.5 พัน.2 เป็นประธานในการจัดกิจกรรม 'OPEN HOUSE เปิดบ้านทหารใหม่' และมีนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึก/ผบ.ร้อย/ฝ่ายอำนวยการ,ผู้ฝึกทหารใหม่, ครูนายสิบ, ครูทหารใหม่, กำลังพล, สมาชิกแม่บ้าน ทบ.สาขา ร.5 พัน.2 และที่สำคัญ มีพ่อแม่ พี่น้อง ผู้ปกครอง และญาติน้องๆ ทหารเข้าร่วมในกิจกรรมจำนวนมาก

ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก และผู้บังคับบัญชาให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพบกทุกระดับที่จัดตั้งหน่วยฝึกทหารใหม่ ผลัดที่ 1/65 ดำเนินการจัดกิจกรรม 'เปิดบ้านทหารใหม่' การจัดกิจกรรมเปิดบ้านทหารใหม่ในวันนี้ ถือว่ามีความสำคัญสำหรับทหารใหม่ทุกนาย โดยเฉพาะญาติๆ และผู้ปกครองน้องๆทหารใหม่ทุกท่าน ซึ่งได้เฝ้ารอคอยทหารใหม่ ตลอดระยะเวลาการฝึกทหารใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา น้องๆ ทหารใหม่ มีพัฒนาการที่ดีขึ้นทั้งทางด้านร่างกาย มีความเข้มแข็งพร้อมปฏิบัติภารกิจต่างๆ ได้ และทางด้านจิตใจ ที่มีความอดทนอดกลั้นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและความยากลำบาก 

ทั้งนี้ ก็เพื่ออุทิศความสุขสบายส่วนตัวเพื่อปฏิบัติภารกิจในการป้องกันประเทศให้สมกับชายชาติทหาร โดยมีการแสดงรำมวยไทยและไหว้ครูมวยไทยและการต่อสู้โดยประยุกต์ใช้แม่ไม้มวยไทยต่างๆ ในการต่อสู้ป้องกันตัว, การต่อสู้ป้องกันตัวแบบไทยประกอบเพลง เป็นการสาธิตการปฏิบัติของแม่ไม้มวยไทยต่างๆ และ การแสดงยิงปืนฉับพลัน เป็นการปฏิบัติทางทหารที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรง และมีความประสานสอดคล้องในการปฏิบัติภารกิจที่ทหารได้รับมอบหมายและมุทิตาจิต ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ปกครองของน้องๆ ทหารใหม่ทุกท่าน ได้เห็นถึงพัฒนาการของทหารใหม่ ที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นทหารกองประจำการ 

กองทัพบก กองพันทหารสื่อสารที่ 1 จัดกิจกรรม 'Open House เปิดหน่วยฝึก ชมบ้านทหารใหม่'

(8 ก.ค.65) พันโท ชนินทร์ เอี่ยมวิบูลย์ ผู้บังคับกองพัน กองพันทหารสื่อสารที่ 1 จัดกิจกรรม 'Open House เปิดหน่วยฝึก ชมบ้านทหารใหม่' เพื่อให้ผู้ปกครองและญาติของทหารใหม่มีโอกาสเดินทางเข้ามาในพื้นที่ของหน่วยฝึกทหารใหม่ หลังจากที่น้องๆ ทหารใหม่ รุ่นปี 2565 ผลัดที่ 1 ได้เริ่มเข้ามาฝึกหลักสูตรทหารใหม่ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา 

โดยระหว่างการฝึกที่ผ่านมาผู้ปกครองและญาติของน้องทหารใหม่ยังไม่มีโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมและพบน้องๆ ทหารใหม่เลย เนื่องจากต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของหน่วยฝึกทหารใหม่ ที่ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามายังหน่วยฝึกทหารใหม่

วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ปกครองจะได้พบหน้าน้องๆ ทหารใหม่ โดยหน่วยได้จัดกิจกรรมเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องๆ รวมทั้งทักษะทางทหารที่ได้รับการฝึกสอนเมื่อเข้ามาเป็นทหาร ประกอบด้วย การแสดงแฟนซีดริว, การแสดงยิงปืนฉับพลัน, การแสดงการปฏิบัติทางทหาร, การแสดงไหว้ครูมวยไทย การศิลปะป้องกันตัวแม่ไม้มวยไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top