Tuesday, 24 June 2025
ค้นหา พบ 48991 ที่เกี่ยวข้อง

‘สุริยะ’ ดันโครงการแปลงเครื่องจักรเป็นทุน โชว์ 9 เดือน จดจำนองทะลุ 2 แสนลบ.

‘สุริยะ’ สั่งเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันโครงการแปลงเครื่องจักรเป็นทุนฯ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ โชว์ตัวเลขปี 2565 แค่ 9 เดือน อัดเงินทุนถึงมือผู้ประกอบการกว่า 2 แสนล้านบาทแล้ว

 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในโอกาสเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ “โครงการแปลงเครื่องจักรเป็นทุนเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน” ระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย และ SME Bank ว่าได้สั่งการให้กรมโรงงานฯ ดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้เร่งจัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงงานสามารถนำเครื่องจักรที่อยู่ในโรงงานมาใช้เป็นหลักประกันสินเชื่อกับทางสถาบันการเงินได้ และนำเงินทุนที่ได้มาทำการปรับปรุงการประกอบการให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านประสิทธิภาพการผลิต ลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม ตามนโยบายโมเดลเศรษฐกิจแบบใหม่ (BCG Economy) ของรัฐบาล

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เสริมว่า โครงการนี้ทั้งสี่ฝ่ายจะร่วมมือกันในด้านการส่งเสริมผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้านเครื่องจักร และจะมีการส่งเสริมสนับสนุนมาตรการทางการเงิน (Financial support) พิเศษต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการ โดยที่ธนาคารกรุงไทย และ SME Bank จะดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อพิเศษในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สินเชื่อ Factoring สินเชื่อเพื่อการเป็นคู่ค้ากับภาครัฐ ฯลฯ เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนผู้ประกอบการ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่โรงงานเป็นหลัก

'ผบ.ตร.' ตั้ง รองฯ เด่น ลงไปกำกับดูแล 'คดีดารุมะซูชิ' ขีดเส้น พงส.ทุกท้องที่ ต้องส่งสำนวนให้ บก.ปคม.ภายใน 25 ก.ค. 

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีบันทึกสั่งการ ลง 24 มิ.ย.65 ดังนี้ 

1.มอบหมายให้ บก.ปคบ. เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี บริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด กับพวก และให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., ผอ.ศปอส.ตร. เป็นผู้ควบคุม กำกับดูแล 

2. พงส.บก.ปคบ. ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 32/2565 ลง 20 มิ.ย.65 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ

3. จึงให้ บช.น. ภ.1-9 สอท. สั่งการให้ พงส.ในสังกัด ตรวจสอบว่ามีกรณีผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์หรือได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้วหรือไม่ หากมีให้ สอบสวนปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ส่งให้ บก.ปคบ.โดยเร็ว เพื่อรวมทำการสอบสวนต่อไป

4. ให้แนบไฟล์ส่งผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ [email protected] เพิ่มเติม ส่วนคำให้การและเอกสารที่เกี่ยวข้องฉบับจริงให้ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยัง ผบก.ปคบ. (รายละเอียดตาม ว.ตร. ที่แนบ)

5. โดยให้เอกสารถึง บก.ปคบ. ภายในวันที่ 25 ก.ค.65 บันทึกสั่งการดังกล่าวระบุ

ล่าสุด วันนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.,ผอ.ศปอส.ตร.ได้มีวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงวันที่ 29 มิถุนายน 2565 ด่วนที่สุด ถึง ผบช.น. ภ.1-9 ก. และ สอท.  ระบุว่า : 

(1.) อ้างถึง บันทึกสั่ง ผบ.ตร. ลง 24 มิ.ย. 65 ท้ายหนังสือ บช.ก. ด่วนที่สุด ที่ 0026.171/093 ลง 23 มิ.ย. 65 เรื่อง รายงานคดีและขอให้มอบหมายเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี บริษัท ดารุมะ ชูชิ จำกัด กับพวก โดยมอบหมายให้ ผบก.ปคบ. เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบและให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.,ผอ.ศปอส.ตร. เป็นผู้ควบคุม กำกับดูแล

(2.) ตามข้อ 1 พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 32/2565 ลง 20 มิ.ย. 65 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนฯ จากการสอบสวนพบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงเป็นจำนวนมากกระจายอยู่หลายพื้นที่ รวมทั้งมีผู้เสียหายอีกส่วนหนึ่งได้ร้องทุกข์ผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ ทางเว็บไซต์
https:/thaipoliceonline.com/ ไว้แล้ว จำนวนหลายราย มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาทเพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต่อเนื่อง รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้

2.1 กรณี สน.,สภ. หรือหน่วยอื่นที่มีอำนาจสอบสวน ได้รับเรื่องผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์แล้ว ให้รีบดำเนินการสอบสวนปากคำผู้เสียหาย จัดทำบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้าย รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ลงรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี แล้วให้ส่งบันทึกคำให้การ พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องและรับรองความถูกต้องของเอกสารทั้งหมดไปยัง บก.ปคบ. โดยเร็ว เพื่อทำการสอบสวนต่อไป โดยให้แนบไฟล์ส่งผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ [email protected] เพิ่มเติม ส่วนคำให้การและเอกสารที่เกี่ยวข้องฉบับจริงให้ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยัง ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ที่อยู่ อาคารกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ชั้น 12 แขวงจอมพล เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร 10900 ระบุหน้าซองว่า "คดีบริษัท ดารุมะ ชูชิ จำกัด" เมื่อมีการส่งเอกสารข้างต้นแล้วให้ประสานงานไปยังพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ทันที ที่หมายเลขโทรศัพท์ 065-965-1135 หรือกลุ่มไลน์พนักงานสอบสวน ตาม QR CODE ท้าย ว.ตร. 

2.2 กรณีที่ประชาชน,ผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความที่ สน,สภ. หรือ บช.สอท. หรือหน่วยอื่นที่มีอำนาจสอบสวนด้วยตนเอง ให้รีบดำเนินการสอบสวนปากคำผู้เสียหาย จัดทำบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้าย รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ลงรายงานประจำวัน เกี่ยวกับคดีอาญาและลงบันทึกข้อมูลรายละเอียดในระบบรับแจ้งความออนไลน์ให้เรียบร้อย เพื่อให้ได้เลขแจ้งความออนไลน์ (Case ID) แล้วให้ส่งบั่นทึกคำให้การ พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องและรับรองความถูกต้องของเอกสารทั้งหมดไปยัง บก.ปคบ. โดยเร็ว เพื่อทำการสอบสวนต่อไป

โดยให้แนบไฟล์ส่งผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ [email protected] เติม ส่วนคำให้การและเอกสารที่เกี่ยวข้องฉบับจริงให้ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยัง ผบก.ปคบ. ตามข้อ 2.1 ระบุหน้าซองว่า "คดี บริษัท ดารุมะ ชูชิ จำกัด"

ตำรวจไซเบอร์จันทบุรีเร่งติดตามสะสางคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลอกลวงประชาชน ตะลึงพบมูลค่าความเสียหายในจันทบุรีกว่า 10 ล้านบาท 

พันตำรวจเอก ฤทธิ์ นามสง่า รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดศูนย์รับแจ้งความ ร้องเรียนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือคดีหลอกลวงทางโซเชียล พบว่าในส่วนของจังหวัดจันทบุรีที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ตาม สภ.ต่าง ๆ ในจังหวัดจันทบุรีทั้ง 10 อำเภอตั้งแต่ 1 มีนาคม ถึง 25 มิถุนายนพบมีประชาชนเข้าแจ้งความร้องเรียนรวม 261 คดี มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท สามารถอายัดบัญชีต้องสงสัยได้ประมาณ 200 กว่าบัญชี แต่อายัดเงินสดได้เพียง 2 แสนกว่าบาท เนื่องจากผู้กระทำผิดหลอกลวงจะเปิดบัญชีอวตาร 

ยกตัวอย่างคดีที่ อ.ท่าใหม่ พบว่าอาชญากรใช้เวลาในการเดินบัญชีแค่ 29 นาที ก็ถอนเงินผู้เสียหายไปอย่างไร้ร่องรอยมูลค่ารวม 2 ล้าน 5 แสนบาท ซึ่งการหลอกลวงของมิจฉาชีพมีทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงว่าโทรมาจากหน่วยงานของรัฐ สร้างความน่าเชื่อถือหลอกถามข้อมูล ข่มขู่ และหลอกให้โอนเงิน หลอกให้เปิดบัญชีทำงานรายได้เสริม ลงทุนได้ผลกำไรดี รวมถึงการปลอมแปลงเฟสบุ๊ค หรือไลน์ เป็นคนที่รู้จักแล้วหลอกยืมเงิน การหลอกขายสินค้าไม่ตรงปก การขายสินค้าที่หลอกให้โอนเงินแล้วไม่มีสินค้าส่งมาถึงแม้จะมูลค่าน้อยแต่เมื่อรวม ๆ กันทั่วประเทศจะมีมูลค่ารวมที่สูงมาก 

'อ.นันทน' ชี้!! แวดวงทนายความเสื่อมทรามลง เพราะทนายบางกลุ่ม 'ขาดจิตสำนึก-ไร้มารยาท'

วันนี้ (23 มิ.ย. 65) อาจารย์นันทน อินทนนท์ ทนายความและที่ปรึกษากฏหมาย โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก 'Smart Lawyer Team' โดยระบุว่า...

ทนายความกับสื่อสังคมออนไลน์

หลายปีที่ผ่านมาประชาชนทั่วไปคงได้เห็นบทบาทของทนายความในสื่อมวลชนกันอย่างมาก ทนายความบางคนมีจิตสำนึกก็ให้ข้อมูลทางกฎหมายที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน แต่ทนายความบางคนกลับพยายามสร้างความนิยมให้แก่ตัวเอง โดยการบิดเบือนข้อกฎหมายให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ หรือแม้กระทั่งอวดอ้างความสามารถในการดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาข้อเท็จจริง ความสามารถในการว่าความ หรือการรู้จักบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงราชการ

ทนายความบางคนถึงขนาดกับแย่งชิงคดีความกันผ่านหน้าสื่อมวลชนต่าง ๆ บางคนรับปรึกษาคดีความให้แก่ฝ่ายหนึ่ง แต่ต่อมากลับไปให้คำปรึกษาแก่อีกฝ่ายหนึ่ง หรือร่วมกับบุคคลที่ไม่ใช่ทนายความในการดำเนินคดีเยี่ยงเป็นทนายความเสียเอง

เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่สร้างความสับสนให้แก่ประชาชน แต่ยังทำให้ภาพพจน์และเกียรติภูมิของวงการทนายความโดยรวมเสื่อมเสียลงไปด้วย

ในอันที่จริงนั้น สภาทนายความนอกจากจะเป็นองค์กรวิชาชีพที่มีหน้าที่โดยตรงในการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนแล้ว ยังมีหน้าที่ในการควบคุมมรรยาทของทนายความให้มีความประพฤติตามมาตรฐานแห่งวิชาชีพด้วย สภาทนายความจึงมีข้อบังคับว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ซึ่งได้มีการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ทั้งในแง่ของมรรยาทที่มีต่อตัวความ ต่อทนายความด้วยกันและต่อประชาชนผู้มีอรรถคดี
ตามข้อบังคับฯ นี้ การยุยงส่งเสริมให้มีการฟ้องคดีกัน การอวดอ้างว่าตนเองมีความรู้มากกว่าทนายความอื่น การอวดอ้างว่ามีสมัครพรรคพวกที่สามารถให้ความช่วยเหลือทางคดี การเปิดเผยความลับทางคดีที่ตนล่วงรู้มาแก่บุคคลภายนอก การนำความรู้ที่ได้มาจากคู่ความฝ่ายหนึ่งไปช่วยเหลือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นปรปักษ์ การแย่งคดีความจากทนายความอื่น หรือการมีบุคคลที่ไม่ใช่ทนายความทำหน้าที่จัดหาคดีความมาให้ ล้วนแต่เป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้ การที่ทนายความนำเสนอข้อเท็จจริงในทางคดีต่อสื่อมวลชน นอกเหนือไปจากการอธิบายข้อกฎหมายเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนแล้ว จึงแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่าจะเป็นการกระทำผิดมรรยาททนายความตามข้อบังคับนี้

จิรายุ โวยรัฐบาล ไม่สุภาพบุรุษโยนเผือกร้อนให้ ชัชชาติ ทีตอนประชุม ครม.แก้ปัญหาสีเขียว 

ถามจริงพณฯ ท่านวอคเอ้าท์ทำไม หากจริงใจแก้ไขป่านนี้คนกรุงสบายไปแล้ว ชี้ราคาควรแบ่งเป็น 2 ช่วง ถ้านั่งยาว 50 สถานีเฉลี่ยสถานีละ 1.15 บาท ถูกกว่ารถเมล์ รถแท็กซี่ รถแกร็ปหลายเท่า 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณี ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวของกทม.ว่า
     
ถ้าเป็นรัฐบาลสุภาพบุรุษ เรื่องนี้รัฐบาลก็ไม่ควรโยนเผือกร้อนให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไปแก้ไขปัญหาเพียงคนเดียว แถมยังไปใช้องคาพยพของพรรคการเมืองไปบูลี่ ผู้ว่ากทม.ดูยังไงก็การเมือง เรื่องผลประโยชน์แสนล้าน ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่แฟร์นึกอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาก็ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาทอดเวลา ให้เผือกร้อน มาอยู่ในมือ ผู้ว่า และที่ผ่านมามีประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขปัญหา ก็บอยคอร์ดไม่เข้าประชุม ครม.แทนที่จะเข้าไปเพื่อแก้ไขปัญหาให้สมกับที่ประชาชนเลือกมา กลับปล่อยเรื่องนี้ให้คนอื่นไปแก้ไข เพราะไม่ว่าจะแก้ไขออกมาอย่างไรก็โดนตำหนิ ซึ่งตนเห็นว่ารัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงคมนาคมน่าจะมีปัญหา อย่างกรณีล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีนบุรี บางขุนนนท์ ตนให้เขียนแปะข้างฝาไว้เลยว่าไม่สามารถเปิดให้บริการได้ทัน และคาดว่าจะล่าช้าไม่น้อยกว่า 2 ปีทำให้ประเทศไทยเสียหาย ตามที่สภาพัฒนฯแจ้งไว้ 40,000 กว่าล้านบาทก็ยังไม่เห็นมีใครรับผิดชอบใดๆ ตนจะรอดูคำพิพากษาของศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบที่จะพิจารณาคดีรถไฟฟ้าสีส้มในวันจันทร์นี้ว่าจะมีคนซวยกี่คน ตนจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอย่าลอยตัว โปรดลงมาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top