Thursday, 26 June 2025
ค้นหา พบ 49037 ที่เกี่ยวข้อง

รัฐเล็งตั้ง ‘กระทรวงน้ำ’ ยกระดับบริหารจัดการ ‘วิกฤต-ความมั่นคงน้ำ’ แบบก้าวกระโดด

รัฐเล็งตั้ง ‘กระทรวงน้ำ’ เร่งยกระดับการบริหารจัดการน้ำภาพรวมแบบก้าวกระโดด มุ่งตอบความต้องการประชาชน รับการเผชิญวิกฤตและความมั่นคงน้ำที่ยั่งยืน 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ครั้งที่ 2 / 65 โดยที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาให้ความเห็นและข้อเสนอแนะ ต่อผลการศึกษาโครงการวิจัยการศึกษานวัตกรรมเชิงระบบ โครงสร้างและกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ จาก สอวช.ที่ร่วมจัดทำกับ TDRI โดยสรุปภาพรวม แนวโน้มบริบทของน้ำในอนาคต มีความต้องการน้ำสูง ปริมาณมีความแปรปรวนสูงจากปัญหาสภาพอากาศ การใช้น้ำมีผลิตภาพต่ำ ใช้น้ำสิ้นเปลืองและน้ำต้นทุนไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำ ปัญหาการบริหารจัดการน้ำ ยังขาดเอกภาพและการบูรณาการที่เชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ ทั้งอำนาจหน้าที่ แผนงาน โครงการและงบประมาณ มีหน่วยงานรับผิดชอบด้านน้ำมากเกินไป 

 



ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐ ยังเน้นแก้ปัญหาด้วยการลงทุนก่อสร้าง และไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการด้านความต้องการ พร้อมเสนอ การออกแบบ Roadmap การพัฒนานวัตกรรมเชิงระบบ เพื่อการบริหารจัดการน้ำ ที่ประชุมจึงเห็นชอบหลักการ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ สทนช. (สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ) ให้สามารถขับเคลื่อนภารกิจ เพื่อนำไปสู่การพัฒนา เป็นการจัดตั้ง ‘กระทรวง’ ในอนาคตต่อไป โดยขยายบทบาทให้ครอบคลุมทั้งมิติอุปสงค์และอุปทาน

'พิธา' เคือง 'บิ๊กตู่’ หนีตอบปัญหาปากท้อง ชี้!! คนเดินดินกินข้าวแกงรอฟังอยู่

'พิธา' ตั้งกระทู้ถามสดปัญหาเศรษฐกิจฟุบเฟ้อ ชี้!! ‘ของแพง-ค่าแรงถูก’ เป็นเรื่องใหญ่และด่วน จี้!! นายกต้องตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนด้วยตัวเอง ด้าน 'รองประธานสุชาติ' เห็นด้วย ฟาดแรง อย่าสั่งเหมือนทหาร สั่งแล้วไม่มีคนมาตอบสภาถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดกรณีปัญหาเศรษฐกิจฟุบเฟ้อต่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า เป็นเรื่องใหญ่และกระทบกับพี่น้องประชาชนแต่ตัวนายกรัฐมนตรี กลับไม่ยอมมาตอบคำถาม เมื่อมอบหมายให้ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมาตอบแทน แต่ก็มีการทำหนังสือขอเลื่อนตอบคำถามจากรัฐมนตรีช่วยอีก ทั้งที่ข้อบังคับสภาที่ 151 ระบุว่านายกรัฐมนตรีต้องเข้าร่วมประชุมสภา เพื่อตอบกระทู้ด้วยตนเอง เว้นมีเหตุจำเป็นนั้นให้แจ้งต่อประธาน และต้องกำหนดว่าจะมาตอบได้เมื่อใด และข้อกำหนดว่า 156 การตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจามีเงื่อนไขว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่เร่งด่วน และเป็นเรื่องที่มีผลกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งเรื่องค่าครองชีพผันผวน รายได้ประชาชนหดหายเป็นเรื่องที่เข้ากับเงื่อนไขที่นายกต้องมาตอบ

“พี่น้องเกษตรกรลำบาก เติมน้ำมันดีเซลสองพันไม่กี่วันก็หมดถัง รถพุ่มพวงก็ได้รับผลกระทบโดยตรง นี่จึงเป็นเรื่องที่คนเดินดินกินข้าวแกงกำลังรออยู่ เรื่องของแพงค่าแรงถูก เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรี จำเป็นที่จะต้องมาตอบคำถามทุกครั้ง”

จากนั้น สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานสภาในขณะนั้น กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อหารือของ พิธา และมองว่ามีเหตุผล เพราะตนเองก็เคยท้วงติงเรื่องนี้ไปยังนายกฯ และคณะรัฐมนตรีมาแล้วว่า การมอบหมายให้ใครมาตอบคำถามแทนต้องตรวจสอบว่ารัฐมนตรีมีความพร้อมหรือไม่

ในหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรี เชิญสิ่งของพระราชทานมอบผู้ประสบอัคคีภัย

ในหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีเชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบอัคคีภัยชุมชนบ่อนไก่



พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบอัคคีภัย ณ ศูนย์เยาวชนชุมชนบ่อนไก่ เขตปทุมวัน 
 

24 มิถุนายน พ.ศ.2475 วันเปลี่ยนการปกครองประเทศไทย ครบ 90 ปี การอภิวัฒน์สยาม สู่ ประชาธิปไตย

วันที่ (24 มิถุนายน พ.ศ. 2475) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของประเทศไทย เพราะเป็นวันที่คณะราษฎรได้ทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเช่นทุกวันนี้

สำหรับกลุ่มที่ทำการยึดอำนาจและเปลี่ยนการปกครอง หรือ คณะราษฎรนั้น เกิดจากการประชุมของคณะผู้ก่อการ ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนและนักเรียนทหารที่ศึกษางานที่ทวีปยุโรป ที่หลายคนคุ้นชื่อก็จะมี ปรีดี พนมยงค์ ,ประยูร ภมรมนตรี ,แปลก ขีตตะสังคะ ทั้งหมดได้วางแผน ร่วมมือกันเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง โดยตกลงว่าจะใช้วิธีการ ยึดอำนาจโดยฉับพลัน หลีกเลี่ยงการนองเลือดแบบที่เคยเกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส 

วันที่ (24 มิถุนายน 2475) แผนการก็ได้เริ่มขึ้น คณะราษฎรได้นำกองกำลังทหารบก ทหารเรือ มารวมตัวกันบริเวณรอบพระที่นั่งอนันตสมาคม โดยอ้างว่าเป็นการสวนสนาม หลังจากนั้นให้ พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา อ่านคำประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 

โดยเนื้อหาหลักก็เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ประโยคหนึ่งที่เรามักเห็นตามข่าวบ่อย ๆ ก็มาจากเหตุการณ์นี้ ประโยคนั้นคือ

 “ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่หลอกลวง”

โดยใจความหลักก็เป็นการอธิบายถึงหลักการของคณะราษฎรในครั้งนี้ ว่าทำเพื่ออยากให้บ้านเมืองดีขึ้น และให้บ้านเมืองบรรลุเป้าหมาย 6 ประการได้แก่

1. จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชในทางการเมือง ในทางศาล ในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง
.
2. จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก

3. จะต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก

4. จะต้องให้ราษฎรได้มีสิทธิเสมอภาคกัน ไม่ใช่ให้พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็นอยู่

5. จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก 4 ประการดังกล่าวข้างต้น

6. จะต้องให้มีการศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร

รมว.สุชาติ ส่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรี เปิดติวเข้มทีมสหวิชาชีพ มุ่งขจัดค้ามนุษย์ด้านแรงงานให้หมดสิ้นทุกมิติ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมาย ผู้ช่วยรัฐมนตรี 'สุรชัย' เปิดอบรมเจ้าหน้าที่รัฐผู้บังคับใช้กฎหมาย มุ่งยกระดับการทำงานร่วมกันเป็นทีมสหวิชาชีพ เพิ่มศักยภาพบังคับใช้กฎหมาย คุ้มครองสิทธิลูกจ้าง มุ่งขจัดปัญหาการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานทุกรูปแบบ 

วันที่ 23 มิถุนายน 2565 เวลา 09.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ รุ่นที่ 2 ภาคบนบก โดยมีนายสุทธิ สุโกศล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย  ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร 

นายสุรชัย กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญและมีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและขจัดการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการบังคับใช้แรงงานให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงและมีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น 

นายสุรชัย กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้ประกาศให้การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติและกำหนดเป้าหมายหลักให้ประเทศไทยสามารถป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ได้อย่างยั่งยืน โดยได้จัดสรรงบประมาณตั้งแต่ปี 2560 - 2564 ยอดรวมทั้งสิ้นกว่า 4 พันล้านบาท เพื่อให้ผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ และกลุ่มเสี่ยงให้ได้รับการคุ้มครองช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ การปรับปรุงและพัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องและเพิ่มขีดความสามารถการบังคับใช้กฎหมายอย่างบูรณาการ ซึ่งถือเป็นกลไกหนึ่งที่จะผลักดันให้นโยบายดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์ โดยการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการยกระดับการบูรณาการการทำงานร่วมกันในรูปแบบทีมสหวิชาชีพ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยในทุกมิติ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top