Sunday, 27 April 2025
ค้นหา พบ 47686 ที่เกี่ยวข้อง

'นักวิชาการอิสระ' ชี้ ไม่มีคำสั่งจับตาชาวอิหร่าน ย้ำ!! 'ไทย-อิหร่าน' เป็นมิตรที่ดีต่อกัน

เมื่อไม่นานมานี้ ดร.โญธิน มานะบุญ นักวิชาการอิสระ ด้านความมั่นคง และประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ ครับ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า คำสั่งลับ สตช. ให้ตร.เฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของชาวอิหร่านเป็นข่าวปลอม (Fake news)

ตามที่มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งลับ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของบุคคลสัญชาติอิหร่านนั้น 

กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย และขอชี้แจงว่ารายงานข่าวดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมิได้ให้ข้อมูลข่าวดังกล่าว

กระทรวงการต่างประเทศขอยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและอิหร่านเป็นความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่ดียิ่งมาตลอดเวลาช้านาน และเป็นความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนความเคารพซึ่งอธิปไตยและศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน 

รัฐบาลอิหร่านได้ให้คำมั่นกับประเทศไทยว่า จะดูแลอย่างดียิ่งที่จะไม่ให้มีสิ่งใดมาเป็นปัจจัยทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันได้ทั้งสิ้น ข่าวที่มีการนำเสนอโดยมิได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ และนำไปสู่ความเสียหายในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ที่มา นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ (โฆษกกระทรางการต่างประเทศ)

'รองฯ รอย' รุดสอบ 3 ผตห. 'แก๊งค้ายา' ใช้รถกู้ภัยยิงสู้ ซิ่งหนี ขณะขนยาบ้า 2.4 ล้านเม็ด หลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 2 รวบตัวคาห้องเช่า ที่เขาชะเมา จว.ระยอง

(8 มิ.ย.65) เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 1, บก.ทล. และ ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. (ปป.) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.ตร.)  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2, พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2, พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี, พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1

ได้ร่วมกันแถลงข่าว การจับกุมตัว...
1) นายจิรายุทธ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1424 ลาดพร้าว 87 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เป็นคนคนขับรถตู้กู้ภัย
2) น.ส.ทิพวรรณ หรือทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/40 ซ.คู้บอน 27 แขวงท่าแล้ง เขตบางเขน กรุงเทพ เป็นภรรยานายจิรายุทธฯ คนนั่งมาด้วย
3) นายชาญณรงค์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 ซ.โพธิ์แก้ว 3 แยก 2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นขับรถกู้ภัยมารับพาหลบหนี 

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอันก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสืบสวน ภาค.2 สามารถจับกุม นายจิรายุทธฯ และ น.ส.ทิพวรรณฯ จับกุมได้ที่ห้องเช่า เลขที่ 13 ม.3 ต.ซ้ำฆ้อ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง ส่วน นายชาญณรงค์ฯ จับกุมได้ที่ อ.เมือง จว.ฉะเชิงเทรา ซึ่ง พล.ต.อ.รอย ได้เดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 รายด้วยตัวเอง


 
คดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันนี้ 5 มิ.ย.65 เวลาประมาณ 14.00 น. มีเหตุผู้ขับขี่รถยนต์ตู้พยาบาล สีขาว ทะเบียน 1 นข 4280 กรุงเทพมหานคร ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจจุดตรวจในเขตพื้นที่ จว.สระบุรี และ จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเปิดทางหลบหนีมุ่งหน้าเข้าเขตกรุงเทพมหานคร มีคนร้ายบนรถยนต์ตู้คันดังกล่าว จำนวน 2 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน เมื่อเข้าเขตกรุงเทพมหานคร ได้ขับขี่หลบหนีเข้าไปภายในซอยวัดแป้นทอง บริเวณจุดทิ้งขยะ ซ.หนองระแหง 5 ถ.ไทยรามัญ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ได้นำยาบ้าบรรจุเป็นห่อใหญ่จำนวน 6 ห่อ จำนวน 2,400,000 เม็ด ไปทิ้งพงหญ้าภายในซอยดังกล่าว หลังจากนั้นได้ขับขี่รถยนต์ตู้คันดังกล่าวไปทิ้งไว้ท้ายซอยราษฎร์อุทิศ 44/1 ถ.ราษฎร์อุทิศ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร แล้วหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า ผู้ที่นำยาบ้าไปทิ้งไว้คือ นายจิรายุทธฯ และ น.ส.ทิพวรรณฯ สองสามีภรรยา โดยหลังเกิดเหตุ ได้มี นายชาญณรงค์ฯ เป็นคนขับรถมารับพาหลบหนีไป  

'รองฯ รอย' นำทีมบุก ยึดยาไอซ์ กว่า 200 โล ซุกซ่อนอยู่ในรูปปั้นโมอาย ในลานจอดรถ ท่าเรือแหลมฉบัง

(8 มิ.ย.65) ที่บริเวณลานจอดรถ ท่าเรือแหลมฉบัง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร,พล.ต.ท สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว. ยะลา ได้ร่วมกันแถลงข่าวว่า เมื่อประมาณช่วงเดือนมีนาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จว.ยะลา ร่วมกับ สตม., บช.ปส., ภ.2 และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ได้รับแจ้งเบาะแสขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ในเครือข่ายของคนจีนไต้หวัน นาย PUN สงวนนามสกุล ชาวไต้หวัน และได้ตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ในการพยายามลักลอบนำเฮโรอีนและเคตามีนออกนอกประเทศไทย โดยนาย PUN มีแฟนเป็นหญิงไทย ทราบชื่อว่านางสาวจู นามสมมุติ จึงได้ทำการสืบสวนติดตามพฤติกรรมพบว่ามีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยไปประเทศไต้หวันอยู่บ่อยครั้ง และพบพฤติกรรมน่าสงสัยในการติดต่อเช่าโกดังสินค้าในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและลงพื้นที่เข้าทำการตรวจสอบโกดังสินค้าดังกล่าว พบว่าภายในโกดังสินค้ามีรูปปั้นโมอายอยู่ภายใน ซึ่งเชื่อว่าภายในรูปปั้นน่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่

จากการสืบสวนพบว่ามีการส่งรูปปั้นเข้ามาจากประเทศไต้หวัน และนำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2565 โดยสำแดงผ่านพิธีทางศุลกากรว่านำเข้ามาในประเทศเพื่อจัดนิทรรศการ แสดงโชว์แต่เมื่อนำเข้ามาในประเทศไทยแล้วได้นำเอารูปปั้นดังกล่าวมาก็บไว้ในโกดังสินค้าและไม่ได้นำออกไปจัดนิทรรศการ หรือแสดงโชว์ที่อื่นแต่อย่างใด โดยมี นางสาวกัญญาภัค สงวนนามสกุล ทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อและจ่ายค่าใช้จ่ายในการเช่าโกดังและว่าจ้างเคลื่อนย้ายรูปปั้นจากท่าเรือแหลมฉบังไปเก็บไว้ในโกดังสินค้าดังกล่าว

ซึ่งจากการติดตามพฤติกรรมของ นางสาวจู พบว่ามีการโอนเงินให้แก่ นางสาวกัญญาภัคฯ จำนวนหลายครั้งโดยที่ นางสาวจู และ นางสาวกัญญาภัคฯ ไม่พบว่าประกอบอาชีพและมีรายได้ที่แน่นอน แต่พบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีเป็นจำนวนหลายสิบล้านบาท

ต่อมาประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่ามีการเตรียมการที่จะขนย้ายรูปปั้นดังกล่าวกลับไปยังประเทศไต้หวัน โดย นางสาวกัญญาภัคฯ ทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อว่าจ้างบริษัทโลจิสติกส์ ในพื้นที่ อ.แหลมฉบัง ให้ทำการขนย้ายรูปปั้นเพื่อทำการส่งรูปปั้นดังกล่าวกลับไปที่ประเทศไต้หวันและได้มีการขนย้ายรูปปั้นดังกล่าวจากโกดังสินค้าในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร นำมาเก็บรักษาไว้ที่บริษัทฯ พื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ระหว่างที่รอคิวการขนส่งลงเรือเพื่อเดินทางไปยังประเทศไต้หวันต่อไป ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มชาวจีนไต้หวันกลุ่มนี้มีพฤติกรรมในการนำเอารูปปั้นเข้ามาในประเทศไทย โดยสำแดงว่านำมาใช้จัดนิทรรศการหรือแสดงโชว์ จากนั้นจะ ซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในรูปปั้นดังกล่าวแล้วนำออกนอกประเทศไทย โดยจะสั่งการให้กลุ่มของผู้หญิงไทยทำหน้าที่ในการจัดหาสถานที่ เป็นโกดังสินค้าทำการเก็บรูปปั้นและเมื่อนำเอายาเสพติดซุกซ่อนไว้เรียบร้อยแล้วก็จะจัดส่งรูปปั้นดังกล่าวออกนอกประเทศ

'อลงกรณ์' แจงปัญหาทุเรียนไทยไร้คุณภาพส่งออกไปจีนหลังมีคลิปแชร์ว่อนโลกโซเชียล

'อลงกรณ์' แจงปัญหาทุเรียนไทยไร้คุณภาพส่งออกไปจีนหลังมีคลิปแชร์ว่อนโลกโซเชียล ยอมรับส่งออกทุเรียน 120 ล้านลูก 4 แสนตันใน 4 เดือนย่อมมีผิดพลาดบ้าง ยืนยันฟรุ้ทบอร์ดแก้ไขปัญหาจนสถานการณ์ดีขึ้น ทำให้ไทยครองแชมป์ส่งออกทุเรียนไปจีนเป็นอันดับหนึ่งทะลุแสนล้านเป็นครั้งแรก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ (เฉพาะกิจ) โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับประเด็นคลิปทุเรียนไทยไร้คุณภาพส่งออกไปจีนที่แชร์กันในโลกโซเชียลโดยบทความที่นายอลงกรณ์คีย์แมนคนสำคัญของฟรุ้ทบอร์ดเขียนมีสาระน่าสนใจดังข้อความต่อไปนี้

…เพื่อนแชร์คลิปของสุภาพสตรีท่านหนึ่งพูดถึงประเด็นทุเรียนไทยไร้คุณภาพส่งออกไปจีน”จึงคิดว่าควรเขียนทำความเข้าใจในประเด็นที่เกี่ยวข้องครับ

ปัญหาทุเรียนไร้คุณภาพเช่นทุเรียนอ่อนทุเรียนแก่มีจริงเพราะ 4 เดือนมานี้มีทุเรียนที่ส่งออกกว่า 4 แสนตันหรือกว่า 120 ล้านลูก ย่อมเกิดผิดพลาดจากมือตัด มือคัดและผู้ประกอบการโดยเฉพาะมือใหม่ที่เข้ามาค้าขายทุเรียนในช่วงปี 2 ปีนี้เนื่องจากราคาดีตลาดโต

แต่ปัญหาทุเรียนอ่อนทุเรียนแก่ทุเรียนสวมสิทธิ์ในฤดูกาลปีนี้ลดลงและมีแนวโน้มดีขึ้นมาก

เพราะ 2-3 ปีมานี้ ทางราชการเข้มงวดกวดขันจับกุมไปหลายราย ลองไปดูตัวอย่างแถวระยอง จันทบุรีและตราด เจ้าหน้าที่ ชาวสวนและล้งร่วมมือกันเข้มแข็งมากๆ เพื่อรักษาคุณภาพทุเรียน ตั้งแต่ในสวนจนถึงตลาด มีชุดตรวจพิเศษจับเอาโทษหนักทั้งจำคุก-ปรับและถอนใบอนุญาต รวมทั้งการป้องกันทุเรียนต่างชาติมาสวมเป็นทุเรียนไทยเพื่อส่งออกเป็นไปตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ และภายใต้ 18 มาตรการของฟรุ้ทบอร์ด ซึ่งมาตรการลำดับที่ 1 คือ มาตรการรักษาคุณภาพและมาตรฐานทุเรียน สวนทุเรียนและล้ง

ในแต่ละปีมีสวนที่ส่งออกทุเรียนและผลไม้ไปจีนต้องมีใบรับรอง GAP เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 แสนแปลง โดยในปี 2565 เพิ่มเป้าหมายเป็น 120,000 แปลง และ GMP plus สำหรับล้ง ซึ่งยังไม่มีประเทศใดในโลกที่พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานได้แบบนี้ 

ด้วยมาตรฐานเช่นนี้ ประเทศไทยจึงเป็นประเทศเดียวที่จีนยอมให้ส่งทุเรียนสดไปขายในจีนได้

ส่วนทุเรียนประเทศอื่นต้องแช่เย็น แช่แข็งหรือแปรรูปถึงจะส่งออกไปจีนเพราะสวนทุเรียนไม่ผ่านมาตรฐานของจีนครับ

วันนี้ทุเรียนไทยสามารถครองตลาดจีนเป็นที่หนึ่งแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำเงินเข้าประเทศจากการส่งออกทะลุกว่าแสนล้านบาทในปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากไม่กี่หมื่นล้านเมื่อ 4 ปีก่อน



ถ้ารวมผลไม้ทั้งหมด ไทยครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาดจีนกว่า 40% เป็นอันดับ 1 ส่วนอันดับ 2 คือ ชิลี 14% อันดับ 3 ได้แก่ เวียดนาม 6% ทั้งที่เวียดนามมีพรมแดนติดจีน

เรียกว่าทุเรียนไทยผลไม้ไทยครองตลาดและครองใจคนจีนแบบแน่นหนามั่นคง

อย่างไรก็ตาม การส่งออกด้วยปริมาณมากๆและภายในเวลาที่จำกัดย่อมมีผิดพลาดบ้างแม้จะช่วยกันดูแลเข้มข้นแค่ไหนก็ตาม เพราะมีปริมาณการส่งออกทุเรียน 4 แสนกว่าตันหรือกว่า 120 ล้านลูกในช่วง 4 เดือนแรกของฤดูกาลผลิตผลไม้ปี 2565

นี่คือความจริงและความยากในการค้าขายทุเรียนสด

ยิ่งกว่านั้นยังมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นคือผู้ค้ารายใหม่ทั้งไทยและจีนที่เห็นตลาดโตราคาดีเข้ามาค้าขายเพิ่มขึ้นแต่ขาดประสบการณ์จึงมักเกิดปัญหาเรื่องการตัดการคัดทุเรียน กรมวิชาการของกระทรวงเกษตรจึงต้องจัดหลักสูตรฝึกอบรมบ่มเพาะพัฒนาฝีมือมือตัดและมือคัดทุเรียนและล้งเช่นสวพ.6ที่จันทบุรี

นอกจากนี้ทุเรียนกว่า 120 ล้านลูก ต้องขนส่งไปจีนข้ามน้ำข้ามเขาข้ามลาวข้ามเวียดนามด้วยระยะทางกว่า 2 พันกิโลเมตร บางครั้งติดด่าน 10 วัน 20 วันย่อมมีโอกาสบอบช้ำหรืองอมมากไปบ้าง ซึ่งพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่คงไม่มีใครอยากขายครั้งเดียวแล้วเลิกจากการขายทุเรียนอ่อนหรือทุเรียนแก่นอกจากคนเห็นแก่ตัวบางส่วน ซึ่งมีการนำระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เป็นอีกหนึ่งมาตรการที่นำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น รวมทั้งการพัฒนาระบบแปลงใหญ่ (Big Farm) การใช้เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมใหม่เช่นเครื่องมือตรวจเปอร์เซ็นต์เนื้อแป้งแบบดิจิตอล ระบบความเย็น (cold chain system) แบบไนโตรเจน ฟรีซเซอร์ (Nitrogen Freezer) ซึ่งติดตั้งแล้วหลายยูนิตที่ภาคตะวันออกและภาคใต้มีคุณภาพเหนือกว่าระบบแช่แข็งแบบเดิมที่ใข้ในเวียดนามและมาเลเซีย

ผู้ประกอบการ 19 องค์กรใน จ.สงขลา เสนอโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ต่อ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมหารือแนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยว

(8 มิ.ย.65) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมพบผู้ประกอบการ นักธุรกิจในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และจังหวัดสงขลา เพื่อหารือแนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยวพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และสงขลา โดยมีนายธนวัฒน์ พูนศิลป์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา นำตัวแทนผู้ประกอบการ อาทิ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา สมาคมธนาคารไทยจังหวัดสงขลา คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันจังหวัดสงขลา และกรรมการร่วมภาคเอกชนรวม 19 องค์กร อาทิ หอการค้าจังหวัดสงขลา สภาอุตสาหกรรมจังหวัดส งขลา ชมรมธนาคารจังหวัดสงขลา สมาคมไทย-จีนจังหวัดสงขลา ,สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา,สมาคม SME จังหวัดสงขลา ,สมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดสงขลา ,สมาคมการค้าธุรกิจยานยนต์, สมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา ,ชมรมร้านทองหาดใหญ่ YEC จังหวัดสงขลา,สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวสงขลา,สมาคมโลจิสติกส์และขนส่ง ภาคใต้ เข้าร่วมในการประชุม เพื่อระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในส่วนของการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และสงขลา พร้อมกันนี้ทางผู้ประกอบการได้ร่วมกันยื่นหนังสือต่อ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต โดยมีสาระสำคัญคือ ผู้ประกอบการทั้ง 19 องค์กรได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการคำเนินการ โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่ประชุมมีมติสนับสนุนโครงการดังกล่าว ด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้

1. โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากการลงทุนทั้งอุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมผลิตอาหารทะเลแปรรูปอุตสาหกรรมอาหาร ฮาลาล อุตสาหกรรมยางพารา , ปาล์มน้ำมัน อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าสะอาด อุตสาหกรรมศูนย์รวมและกระจายสินค้า ท่าเรือน้ำลึก อุตสาหกรรมต่อเนื่องกับกิจกรรมหลังท่าเรืออุตสาหกรรมศูนย์รวมการขนส่งและกระจายสินค้า ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จและแหล่งที่พักอาศัย

2. โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจขอปประชากรในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจังหวัดอื่นๆ ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งประกอบอาชีพด้านการประมง การเกษตร ทั้งด้านการจำหน่าย และการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร อุตสาหกรรมยางพารา ปาล์มน้ำมัน ที่มีอยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออก การยกระดับผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตร การผลิตเพิ่มมูลค่าสินค้า และยกระดับเศรษฐกิจด้วยอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต

3. โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และแก้ไขปัญหาการว่างงานของประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยสร้างงานให้กับเยาวชน ประชาชนและผู้สำเร็จการศึกษาในหลายสาขาวิชาชีพ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ช่วยลดปัญหาความยากจน และแก้ไขปัญหาการเดินทางไปหางานทำของคนในพื้นที่ ที่ต้องเดินทางไปทำงานต่างพื้นที่ และในประเทศใกล้เคียง นอกเหนือจากการจ้างงานตามตำแหน่งงานที่เกิดขึ้นในโครงการแล้ว ยังสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ในการทำการเกษตร การปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ การประมง สามารถส่งวัตถุดิบและการกระจายสินค้า ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมการแปรรูป รวมถึงการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ได้สะดวก รวดเร็ว อีกด้วย

4. โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต เป็นโครงการที่ภาคเอกชนลงทุน รัฐบาลเป็นผู้อำนวยความสะดวก โดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งนอกเหนือจากอุตสาหกรรมที่ลงทุนแล้ว ยังเปิดโอกาสให้เอกชนมีการลงทุนที่สอดคล้องกับพื้นที่ เช่น อาหารฮาลาลครบวงจร การลงทุนด้านเทคโนโลยี และอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย ด้วยเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน พลังงงานแสงอาทิตย์ พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ และการลงทุนด้านอื่นๆ อีกมากมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top