Monday, 7 July 2025
ค้นหา พบ 49244 ที่เกี่ยวข้อง

สหรัฐฯ ใช้โอกาสสถานการณ์ทหารในยูเครนเร่งยอดขายอาวุธตัวเองให้ไต้หวัน เพื่อป้องกันการรุกรานจากจีน 

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานวานนี้ (7 พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ กดดันให้ไต้หวันเพื่อสั่งซื้ออาวุธอเมริกันเพิ่มอีกล็อตใหญ่ อ้างอิงจากแหล่งข่าวอดีตและปัจจุบันเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ และไต้หวัน 9 คนที่รู้ในเรื่องนี้ โดยระบุว่า อาวุธล็อตใหม่มีเพื่อทำให้มั่นใจว่าไต้หวันจะสามารถมีศักยภาพขับไล่การรุกรานทางทะเลจากจีนได้

ในรายงานกล่าวว่า ประธานาธิบดีไต้หวัน ไช่ อิง-เหวิน พยายามที่จะทำการปรับปรุงยุทโธปกรณ์ของตัวเองเพื่อให้สามารถใช้ได้กับสถานการณ์สู้รบแบบอสมมาตร (asymmetrical warfare ) จากข้าศึกที่ใช้ในกรณีที่ขนาดกำลังและความสามารถของ 2 ฝ่ายแตกต่างกันมาก

ไช่ได้มองไปที่สหรัฐฯ เพื่อต้องการสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความสามารถการทำลายล้างและเคลื่อนที่ได้เป็นจำนวนมาก

นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า นับตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มต้นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ล่าสุด สหรัฐฯ ได้เพิ่มความพยายามในการปรับปรุงการป้องกันประเทศให้แก่ไทเปอย่างรีบด่วนเพราะสหรัฐฯ และไทเปถูกทำให้เชื่อว่าสงครามยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้อาจเกิดขึ้นกับไต้หวันโดยฝีมือปักกิ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านั้นกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญ และเชื่อว่าสงครามที่เล็กกว่าพร้อมกับอาวุธที่เหมาะสมถูกใช้ในยุทธศาสตร์การทำสงครามแบบอสมมาตร ซึ่งตั้งเป้าไปที่ความสามารถในการเคลื่อนที่สูงและการโจมตีแบบแม่นยำนั้นจะมีความสามารถต้านกลับไปกองกำลังข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าได้สำเร็จ และในรายงานระบุว่า เฮลิคอปเตอร์ ซีฮอว์ก MH-60R (MH-60R Seahawk) ของบริษัท ไชกอร์สกี แอร์คราฟ (Sikorsky Aircraft) ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทล็อกฮีดมาร์ตินโดยที่ระบุว่าไม่มีความเหมาะสมในสถานการณ์รบกับการรุกรานจีน

ซึ่งการศึกระหว่างจีนและไต้หวันนั้นคาดว่าจะแตกต่างจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และเชื่อว่าจะเป็นสงครามที่มีความยากลำบากมากกว่า ซึ่งคำสั่งซื้อจากไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้นั้นสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การรบแบบอสมมาตร แต่ทว่ามีผู้เชื่ยวชาญทางการทหารในไต้หวันบางส่วนไม่เห็นด้วยและต้องการให้ไทเปเตรียมพร้อมทางการทหารสำหรับการรบแบบปกติมากกว่าซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมที่ใช้กับ "จีน" เช่นกัน

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงกรุณาเสด็จบำเพ็ญกุศลส่วนพระองค์ ณ วัดจำปาสะเอิง  ตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม

วันนี้ (8 พฤษภาคม 2565) เวลา 10.00 น. หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงกรุณาเสด็จบำเพ็ญกุศลส่วนพระองค์ ณ วัดจำปาสะเอิง  ตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โดยมีนายอำเภอท่าตูม ผู้กำกับ สภ.อ.ท่าตูม หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่สำนักงาน ข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน เฝ้ารับเสด็จ ร่วมสมทบทำบุญถวายจตุปัจจัยสร้างวิหารหลวงพระพุทธจักพรรดิ์ ทรงกล่าวถวายผ้าป่าบังสุกุล แล้วทรงกรุณาประทานให้ นายอำเภอท่าตูมเชิญพาดยังต้นผ้าป่า โดยมี พระครูปลัดสุธิเมธี ปิยสีโล เจ้าอาวาสวัดจำปาสะเอิง พิจารณาผ้าป่าบังสุกุล เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุนทร์ ขอประทานอนุญาตเบิกผู้ร่วมทำบุญถวายเงินในการนี้ เมื่อเบิกผู้ร่วมทำบุญถวายเงินครบแล้ว ทรงกรุณาให้นายอำเภอท่าตูม เชิญเงินทั้งหมดประเคนถวายแด่ พระครูปลัดสุธิเมธี ปิยสีโล เจ้าอาวาสวัดจำปาสะเอิง จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ ขอประทานอนุญาต เบิกผู้ทำคุณประโยชน์แด่วัดจำปาสะเอิง เข้ารับมอบประทานเหรียญพระประจำองค์ จำนวน 50 คน และชาวบ้านผู้นำของพื้นเมืองเข้าถวายของที่ระลึก ตามลำดับ ทรงทอดเนตรชมนางรำถวายต่อหน้าพระพักตร์ในชุดนาคบารมี ตรีชาติพันธุ์ ทรงกรุณาให้ร่วมฉายพระรูป เสร็จแล้วเสด็จกลับโดยรถยนต์ที่นั่ง
นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ กล่าวประวัติวัดจำปาสะเอิง ตั้งอยู่เลขที่ ๑ หมู่ ๕ ตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ สืบเนื่องเมื่อประมาณ ๑๕๐ ปีก่อน ดินแดนแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้พืชพันธุ์ และเป็นพื้นที่ราบลุ่มเหมาะสมสำหรับการทำการเกษตร ประกอบกับมีบึงน้ำกุดมะโนเป็นแหล่งน้ำสาขาใหญ่ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำมูล ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของอีสานใต้ ความสมบูรณ์ของผืนดินและแหล่งน้ำเหมาะแก่การบริโภคอุปโภค ทำให้มีคนสามกลุ่มเข้ามาจับจองพื้นที่อยู่อาศัย สร้างบ้านเรือน และทำมาหากิน ประกอบด้วย

กลุ่มแรก นำโดยหลวงอุดม ไตรโสม อพยพจากอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ผู้สืบเชื้อสายเขมร

กลุ่มที่สอง นำโดยพระอธิการสุภา อพยพจากอำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด สืบเชื้อสายจากลาว

กลุ่มที่สาม นำโดยพ่อพัด หมื่นฤทธิ์ อพยพมาจาก อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ผู้สืบเชื้อสายลาว

ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๓๓ พระอธิการสุภา หลวงอุดม ไตรโสม และพ่อพัด หมื่นฤทธิ์ ได้ร่วมกันสร้างวัดจำปาสะเอิง และได้ร่วมกันก่อสร้างอุโบสถขึ้น โดยนำเอาดินแถบทุ่งกุลา อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เรียกว่า ขี้นกอินทรีย์ ซึ่งเป็นวัสดุที่มีส่วนผสมของเปลือกหอยทะเลด้วย นำมาตำผสมกับดินในพื้นที่บ้านสะเอิง ทำเป็นอิฐดินเผา เพื่อเป็นเครื่องก่ออุโบสถ

เมื่อครั้งที่เริ่มสร้างวัด มีเนื้อที่ ๑๒ ไร่ และปัจจุบันได้ขยายเนื้อที่เพิ่มอีก ๑๓ ไร่ รวมเป็นเนื้อที่ ๒๕ ไร่ โดยการดำเนินการของ พระครูปลัดสุธิเมธี ปิยสีโล (เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน) และด้วยศรัทธาของชาวบ้านในหมู่บ้านและประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันสร้างเสนาสนะภายในวัดเพิ่มเติมจากเดิมดังที่เห็นได้ในปัจจุบัน

‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ เตือนรัฐบาลระวังอิทธิฤทธิ์พรรคเล็ก ชี้ หากคุมเสียงไม่ดี มีสิทธิ์พัง

8 พ.ค.2565-นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ‘อิทธิฤทธิ์พรรคเล็ก’ โดยระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้สนับสนุนให้เกิดพรรคเล็กขึ้นมามากมาย บางพรรคมีคนเดียว บางพรรคมี 3-4 คน ถึงแม้จะเป็นพรรคการเมือง แต่การบริหารจัดการตกอยู่กับคนที่เป็น ส.ส. ในสภาเท่านั้น คุณค่าของพรรคเล็กขึ้นอยู่กับ ‘คะแนนของรัฐบาล’ ว่า หากมีเสียงมากเกินครึ่ง จะต้องไปพึ่งเสียงนกเสียงกา เล็กๆ น้อยๆ ทำไม? เพราะไม่มีผลสั่นสะเทือนใดๆ ต่อสถานะรัฐบาล

ในยุคสมัยก่อน คะแนนของ ส.ส. ซีกรัฐบาลมีเสียงเกินครึ่งไปมาก พรรคเล็กจึงไม่มีความหมาย แต่เมื่อคะแนนฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านไม่ได้ห่างกันมากในยุคนี้ พรรคเล็กพรรคจิ๋วจึงรวบรวมกำลัง ผนึกจับมือกัน ทำให้มีพลังต่อรองขึ้นมามากทันที

ความปวดเศียรเวียนเกล้ากับการบริหารจัดการพรรคเล็ก จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ 1. ต่างคนต่างมา พรรคละ 1-4 คน ทุกคนจึงใหญ่หมด คุมกันไม่ได้ 2. ทิศทางการเมืองไม่แน่นอน อุดมการณ์ไม่มี แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยมากน้อย 3. ส.ส. แต่ละคนในพรรคเล็ก บางคนคิดว่าไหนๆ ก็ได้เป็น ส.ส. แค่สมัยเดียวแล้ว ต้องได้คุ้มก่อนจาก  4. การตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค หรือนโยบายพรรค แต่ขึ้นอยู่กับความพอใจของตนเองเป็นหลัก ยิ่งเป็น ส.ส. สมัยแรกยิ่งหนัก 5. ไม่สนใจการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงไม่พะวงกับคะแนน จะทำอะไรก็ไม่แคร์สายตาประชาชน เพราะเป็น ส.ส. ครั้งนี้ครั้งเดียว

ทั้งผสมโรงจาก ส.ส. ที่ฟลุ๊คได้มาในบางพรรคใหญ่ แล้วแปรสภาพกลายเป็น ‘งูเห่า’ ย้ายพรรคจนจำไม่ได้ หรือการโหวตสวนกับมติพรรคตลอด ชื่ออยู่พรรคหนึ่ง แต่ใจไปอยู่อีกพรรค เป็น ‘ชู้’ กันให้เห็นไม่เกรงใจ ‘รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ’ หากคุมไม่ดี หรือพรรคเล็กทำท่าทีเข้าข้างฝ่ายค้าน มีโอกาสล้มรัฐบาลได้ รัฐบาลจึงต้องโอ๋สุดๆ ได้โก่งราคากันสุดโต่ง ยิ่งใกล้หมดเวลา ยิ่งได้เห็นอิทธิฤทธิ์ของพรรคเล็กชัดเจนขึ้น ใครว่าใกล้หมดเวลาไม่มีราคาให้ ผมกลับเห็นว่ายิ่งต้องจ่ายไม่อั้น เพราะมีผลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าจะมีโอกาสกลับมาหรือไม่ ?

‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’ หัวหน้าครอบครับเพื่อไทย ลงพื้นที่ตลาดคลองลัดมะยม หาเสียงช่วยส.ก.พรรคเพื่อไทยเป็นครั้งแรก อ้อนคนกรุงขอโอกาสส.ก.ของพรรคเข้าไปผลักดันนโยบาย ปลื้มคนทัก “ไม่เจอพ่อ เจอลูกก็ยังดี”

เมื่อเวลา 14.05น. วันที่ 8 พ.ค. ที่ตลาดคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชน และช่วยผู้สมัครหาเสียง สนามเลือกตั้ง กทม. โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนมาขอถ่ายรูปกับน.ส.แพทองธาร เป็นจำนวนมาก ขณะที่แม่ค้าพ่อค้าแม่ค้าบางคน ทักทายว่า “ไม่เจอพ่อ เจอลูกก็ยังดี” ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก ได้รับการต้อนรับอย่างดี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกคนของพรรคเพื่อไทยตั้งใจทำงาน เราพยายามที่จะถามทุกข์สุขของประชาชนให้มากที่สุด แต่สุดท้ายแล้วอยู่ที่ประชาชนจะให้โอกาสมากน้อยแค่ไหน ที่ตนมาพบประชาชนวันนี้ก็อยากขอโอกาสชาวกรุงเทพฯ ให้เลือกส.ก.ของพรรคเพื่อไทย เข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน เราจะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เเละยืนยัน ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย ทำงานได้กับทุกคนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. เพื่อไทยก็เคารพอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะมาเป็น แต่เราอยากได้ส.ก.จำนวนมาก เพราะจะได้ผลักดันนโยบายต่างๆของพรรคเพื่อไทยให้เป็นจริงตามที่จะเสนอออกมา

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะได้เห็นน.ส.แพทองธาร ลงพื้นที่หาเสียงอีกหรือไม่ น.ส.แพรทองธาร กล่าวว่า ตนอยากลงพื้นที่ให้ได้เยอะที่สุด เพราะเมื่อไปแต่ละที่ก็มีความอบอุ่นจากพี่น้องประชาชนที่ให้กำลังใจ และถ้ามีโอกาสก็อยากจะลงพื้นที่อีก

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้เดินตาม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหาเสียง วันนี้ต้องมาเดินหาเสียงเองรู้สึกอย่างไร น.ส.แพรทองธาร กล่าวว่า เป็นความคุ้นเคย คุ้นชิน ตนเคยทำมาบ่อยมากๆช่วงหนึ่งในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยคุณพ่อพาไป ตนจำบรรยากาศเดิมๆได้ แต่รอบนี้เราคนเป็นเดินเอง

เมื่อถามถึงกรณีเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้รับคำแนะนำอะไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “คุณพ่อให้คำปรึกษามาตลอด ตอนแรกก็แนะนำเรื่องเรียน แต่ตอนนี้แนะนำให้เรามั่นใจกับสิ่งที่เราทำไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าเราคิดดีทำดีก็ขอให้เราประสบความสำเร็จ โดยคุณพ่อจะให้กำลังใจและบอกแนวทางว่าให้เราเข้มแข็งในจุดยืนของเรา ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรเราก็จะไม่เสียหลักของเรา”

เมื่อถามว่าช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ผู้สมัคร ส.ก.พรรคเพื่อไทยจะมีไม้เด็ดอะไรออกมา น.ส.แพทองธาร ตอบว่า มีมุขอีกเยอะที่เก็บไว้โชว์ แต่สิ่งที่แน่นอนและจริงจังที่เราตั้งใจคิดและทำเป็นนโยบายขึ้นมาก็เพื่อพี่น้องประชาชน เป็นสิ่งที่แน่นอนและมั่นคง

ผู้ว่าฯหนองคาย เซ็นหนังสือยกเลิกคำสั่งห้ามเดินรถยนต์ข้ามประเทศลาว หลังต้องปิดช่วงโควิดระบาดหนัก 3 ปี เริ่ม 8 พ.ค.นี้  ขณะที่รัฐบาลลาวอนุญาตให้คนไทยและคนต่างชาติเข้าประเทศได้ 9 พ.ค.

8 พ.ค.2565 – นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้ลงนามในประกาศจังหวัดหนองคาย เรื่องเปิดจุดผ่านแดนถาวร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางบกจังหวัดหนองคายและยกเลิกประกาศการระงับการเดินทางเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 1 จุดผ่านแดนถาวรท่าเรือหนองคาย และด่านตรวจคนเข้าเมืองสถานีรถไฟหนองคาย

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.2563 จ.หนองคายได้ประกาศการระงับการเดินทางเข้าออกประเทศทั้งบุคคลและยานพาหนะเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ จ.หนองคาย แม้ว่าจะมีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทุกวัน แต่ประชาชนมากกว่าร้อยละ 90 ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ประกอบกับมีความต้องการให้เปิดด่านพรมแดนถาวรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคาย โดยก่อนหน้านี้มีการอนุญาตให้เฉพาะรถบรรทุกสินค้าเข้าออกประเทศเท่านั้น ดังนั้นเมื่อทุกฝ่ายมีความพร้อม ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายจึงได้ยกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางเข้าออก อนุญาตให้บุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ เข้าออกประเทศทางบกที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว 1 อ.เมืองหนองคาย, จุดผ่านแดนถาวรท่าเรือหนองคาย และด่านตรวจคนเข้าเมืองสถานีรถไฟหนองคาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.65 เป็นต้นไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top