Wednesday, 9 July 2025
ค้นหา พบ 49301 ที่เกี่ยวข้อง

‘เอกเมธ’ ผู้สมัคร ส.ก.บางซื่อ ชู ‘สร้างแรงงานทักษะเฉพาะทาง’ ปรับถนนสายไม้เป็นแหล่งเรียนรู้งานฝีมือช่างไม้ ผ่านระบบออนไลน์

นายเอกเมธ กมลวรานนท์ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางซื่อ หมายเลข 1 พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่รับฟังความต้องการและเสนอแนวทางผลักดัน คอร์สเรียน “งานฝีมือช่างไม้” ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยความร่วมมือกับชุมชน ซอยประชานฤมิตร เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ

นายเอกเมธ กล่าวว่า ภูมิปัญญา งานฝีมือของช่างไม้ ในซอยประชานฤมิตร หรือ ถนนสายไม้บางโพ เขตบางซื่อ กำลังจะหายไปเนื่องด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามามีบทบาท ในอุตสาหกรรมงานไม้ ประกอบกับ ความต้องการของพี่น้องในชุมชนซอยประชานฤมิตร ที่อยากจะให้ ถนนสายไม้ เป็นเสมือนแหล่งรวมองค์ความรู้และผู้เชี่ยวชาญเรื่องไม้ของประเทศไทย จึงได้นำเสนอ คอร์สการสอนงานฝีมือช่างไม้ ของชาวประชานฤมิตร ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเป็นการนำภูมิปัญญาความรู้เรื่องไม้สู่โลกออนไลน์ ให้แก่ผู้ที่มีความสนใจทั่วประเทศและนำมาซึ่งชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในนามถนนสายไม้แห่งเดียวในประเทศไทย

‘พิธา’ นำทีม ‘แรงงานก้าวไกล’ ร่วมขบวนหน้าทำเนียบ ชี้!! 136 ปีมีเเต่ความล้าหลัง คุณภาพชีวิตเเรงงานไม่คืบ

‘พิธา’ นำทีม ส.ส.สัดส่วนแรงงาน พรรคก้าวไกล ร่วมเดินขบวนหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องสิทธิ ‘วันเเรงงานสากล’ ประกาศ ‘ก้าวไกล’ พร้อมต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้ใช้เเรงงานและผลักดันรัฐสวัสดิการ พร้อมเชิญชวนร่วมแสดงความเห็นร่างกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ ฉบับก้าวไกล เพื่อสนับสนุนสิทธิการรวมตัว ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้เเรงงานทุกระบบ  

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย สุเทพ อู่อ้น, ทวีศักดิ์ ทักษิณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ จรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี เขต 6 ซึ่งทั้งหมดเป็น ส.ส.ที่ขับเคลื่อนเรื่องสิทธิเเรงงาน พรรคก้าวไกล ร่วมกันเดินขบวนไปพร้อมกับกลุ่มสหภาพแรงงานที่มารวมตัวกันหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องสิทธิ เนื่องในวันเเรงงานแห่งชาติ และวันเเรงงานสากล 1 พฤษภาคม 2565 

พิธา กล่าวว่า ถึงเวลาที่พวกเราต้องสู้ในเรื่องรัฐสวัสดิการ ซึ่งจะไปสู่จุดนั้นได้ต้องเริ่มจากการลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลง ไม่ว่างบประมาณด้านความมั่นคง หรืองบที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ตรวจสอบไม่ได้ เพื่อนำมาสร้างรัฐสวัสดิการให้กับประเทศไทย พรรคก้าวไกล เสนอให้มีเบี้ยบำนาญเพื่อคนหลังวัยเกษียณถ้วนหน้า 3,000 บาท เสนอให้มีการจ้างงานและระบบพัฒนาคนทำงานเพื่อไปดูเเลผู้สูงอายุ เพราะด้วยงบประมาณก้อนนี้ ทำให้คนอีกจำนวนมากที่ต้องยอมออกจากงานไปดูแลพ่อแม่หรือผู้สูงอายุที่บ้านได้รับศักยภาพของเขากลับคืนมาแล้วออกไปทำงานได้อีกครั้ง 

'สหรัฐฯ' วางแผนใช้วีซ่าดึงดูด 'หัวกะทิรัสเซีย' เชื่อ!! หากสำเร็จจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

เอเจนซีส์ - รัฐบาลสหรัฐฯ วางแผนที่จะใช้วีซ่าเข้าอเมริกาเพื่อดึงดูดบรรดานักวิทยาศาสตร์รัสเซียเชี่ยวชาญสาขาอวกาศและสาขาไอที คณิตศาสตร์ เซมิคอนดักเตอร์เข้ามาทำงานในสหรัฐฯ ท่ามกลางสงครามยูเครนที่เห็นคนรุ่นใหม่รัสเซียอพยพออกนอกประเทศเป็นจำนวนมาก

บลูมเบิร์ก สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (30 เม.ย.) ว่า สหรัฐฯ กำลังวางแผนต้องการได้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ อวกาศ และทางไอทีจากรัสเซียเข้ามาทำงานในสหรัฐฯ มากขึ้น โดยทำให้ข้อกำหนดวีซ่าเข้าสหรัฐฯ สำหรับคนเหล่านี้ง่ายขึ้น

อ้างอิงบลูมเบิร์กที่ได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนทางยุทธศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐฯ โจ ไบเดน เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ วางแผนต้องการปล้นมันสมองของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในสาขาวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ทั้งอวกาศ เซมิคอนดักเตอร์ คณิตศาสตร์ และไอที โดยต้องการได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการไหลออกของพลเมืองรัสเซียที่มีการศึกษาท่ามกลางเศรษฐกิจรัสเซียเกิดปัญหาจากการถูกโลกตะวันตก รวมสหรัฐฯ คว่ำบาตรเนื่องมาจากสงครามยูเครน

ไบเดนต้องการใช้วีซ่าสหรัฐฯ เป็นตัวดึงดูดความสนใจคนเหล่านี้ด้วยการกำหนดให้เงื่อนไขการออกวีซ่าเข้าประเทศของคนกลุ่มนี้มีความยากลำบากลดลง สำหรับพลเมืองรัสเซียที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก สาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อวกาศความมั่นคงทางไซเบอร์ คณิตศาสตร์ เซมิคอนดักเตอร์ และปัญญาประดิษฐ หรือ AI

แผนการให้วีซ่าแก่กลุ่มสมองไหลรัสเซียจะมีระยะเวลา 4 ปี โดยทีมยุทธศาสตร์ไบเดนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะได้รับอานิสงส์จากแผนนี้ในระยะยาว

ด้านนักเศรษฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย นิโคไล รุสซานอฟ (Nikolai Roussanov) แสดงความเห็นว่า “ในระยะยาวแล้วภาวะสมองไหลอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับรัสเซียเมื่อพิจารณาจากทางด้านเศรษฐกิจในอนาคต”

ครบรอบ 39 ปี การถึงแก่อสัญกรรม ‘ปรีดี พนมยงค์’ ณ บ้านอองโตนี ชานกรุงปารีส สิริอายุ 82 ปี

ปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้นำคณะราษฎรสายพลเรือน ผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยามจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 และเป็นผู้ให้กำเนิดรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย 3 สมัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่าง ๆ อีกหลายสมัย เป็นผู้ก่อตั้งและผู้ประศาสน์การ (อธิการบดี) คนแรกของมหาวิทยาลัย ของมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารชาติไทย (ปัจจุบัน คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย)

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ปรีดีเป็นผู้นำขบวนการเสรีไทยต่อต้านกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นผู้แพ้สงคราม นอกจากนี้เขายังได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในรัชกาลที่ 8 และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ยกย่องในฐานะ "รัฐบุรุษอาวุโส"

เกษตรฯ ทำไวทำจริง ตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นแล้ว 2,600 องค์กร ใน 50 จังหวัด

เกษตรฯ ทำไวทำจริง ตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นแล้ว 2,600 องค์กร ใน 50 จังหวัด พร้อมพัฒนาหมู่บ้านประมงท่องเที่ยวฟิชเชอร์แมนวิลเลจ รีสอร์ต 53 โครงการ ตั้งเป้าอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน 

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย เปิดเผยวันนี้ (1 พ.ค) ภายหลังการประชุม

คณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2565ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนประมงให้เกิดการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืนและเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอาชีพเพิ่มรายได้ให้ครอบครัว 

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมประมงจึงได้ดำเนินการโครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนประมงระหว่างปี 2563-2565 โดยจัดตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นแล้ว จำนวน 2,600 องค์กร มีการบริหารจัดการร่วมกัน ส่งเสริมการอนุรักษ์ ฟื้นฟู การบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม เพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้กับชุมชน การส่งเสริมการแปรรูปสัตว์น้ำ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สินค้าประมงและส่งเสริมด้านการตลาดเพื่อจำหน่ายสินค้า รวมถึงพัฒนาต่อยอดกิจกรรมจากอาชีพการประมงทำให้เกิดมั่นคงในการประกอบอาชีพประมง ชุมชนเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้  

โดยในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้อนุมัติโครงการพัฒนาอาชีพและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนประมง ปีงบ 2565 (องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น) เพื่อสร้างรายได้ความมั่นคงในการประกอบอาชีพการทำประมง ให้กับองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในพื้นที่ 50 จังหวัด (พื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเล และในพื้นที่ 28 จังหวัดแหล่งน้ำจืด) รวม 200 ชุมชน ซึ่งผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกรมประมงตามเป้าหมายที่ได้รับจัดสรรครบเรียบร้อยแล้ว เป็นองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น ด้านชายฝั่ง 81 องค์กร ด้านประมงน้ำจืด 83 องค์กรและด้านแปรรูป 36 องค์กรๆ ละ 100,000 บาท เพื่อให้ชุมชนนำไปดำเนินการพัฒนาอาชีพด้านประมงตามความต้องการและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละชุมชน กิจกรรมประกอบด้วย 

1.) กิจกรรมพัฒนาอาชีพประมง อาทิ การปรับเปลี่ยนเครื่องมือที่เหมาะสมและถูกกฎหมาย การสนับสนุนอุปกรณ์ซ่อมแซมเครื่องมือทำการประมงและเรือประมง การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การผลิตอาหารสัตว์น้ำเพื่อจำหน่าย การเลี้ยงปลาในกระชังเพื่อจำหน่ายและแปรรูป 

2.) กิจกรรมเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ อาทิ การพัฒนาแหล่งอาศัยสัตว์น้ำ การสร้างแปลงอาคารสัตว์น้ำธรรมชาติ การจัดตั้งและพัฒนาธนาคารสัตว์น้ำ (ธนาคารปูม้า) การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ การจัดตั้งโรงเพาะฟักพันธุ์สัตว์น้ำเคลื่อนที่ (Mobile hatchery) จัดสร้างกระชังอนุบาลสัตว์น้ำก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ 

3.) เพิ่มมูลค่าสัตว์น้ำ อาทิ การพัฒนารูปแบบการแปรรูปสัตว์น้ำตามมาตรฐานและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค การส่งเสริมการตลาดเพื่อจัดจำหน่ายสินค้า 

4.) การถ่ายทอดเทคโนโลยีและเพิ่มทักษะการทำการประมง อาทิ การอบรมให้ความรู้การทำการประมงถูกกฎหมายและศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากพื้นที่ต้นแบบ 

และ 5.) กิจกรรมอื่นๆ เช่น ซ่อมแซมอาคารที่ทำการประมง ปรับปรุงแพชุมชน เป็นต้น ซึ่งเมื่อนับรวมการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2563 - ปี 2565 ได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณในการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านประมงให้กับชุมชนประมงท้องถิ่น รวม 594 ชุมชน คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 22 จากองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นทั้งหมด เป็นเงินอุดหนุนทั้งสิ้น 59,400,000 บาท 

ซึ่งผลจากการดำเนินงานพัฒนาอาชีพด้านประมงและส่งเสริมด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยการบริหารจัดการร่วมกันของชุมชน เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังดำเนินการ พบว่า ชาวประมงมีความพึงพอใจกับทรัพยากรสัตว์น้ำที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยในปี 2563 ชาวประมงท้องถิ่นสามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.71 และปี 2564 สามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.13 และจากการสนับสนุนการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ ทำให้ต้นทุนในการประกอบอาชีพลดลง ศักยภาพในการทำประมงเพิ่มขึ้น และสามารถต่อยอดกิจกรรมในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพประมงได้ ส่งผลให้องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น เกิดความเข้มแข็ง และมีรายได้จากการประกอบอาชีพการทำประมงได้มั่นคงยิ่งขึ้น 

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม คณะกรรมการฯ ยังได้รับทราบรายงานอื่นๆ ดังนี้ 

1.) ความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน6คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการพัฒนาประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ ประมงนอกน่านน้ำ และประมงเพาะเลี้ยงเช่น แนวทางช่วยเหลือโดยการอุดหนุนน้ำมันให้กับประมง, แนวทางการจัดสรรวันทำการประมง, การเตรียมความพร้อมระบบการขนส่งทางรถไฟของสินค้าสัตว์น้ำ เป็นต้น 

2.) การฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้ได้ผลผลิต 4 แสนตัน ภายในปี 2566 การรับรองการปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกระบวนการผลิตเพื่อส่งออก 

โดยประธานการประชุมฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ นัดหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สมาคมผู้เพาะเลี้ยง อุตสาหกรรมประมง และหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อประชุมหารือในแนวทางการจัดระบบสินเชื่อและแหล่งทุน เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้ได้ผลผลิต 4 แสนตัน ภายในปี 2566 

3.) ความก้าวหน้าโครงการฟิชเชอร์แมนวิลเลจรีสอร์ต (Fisherman’s Village Resort) มีการส่งเสริมชุมชนประมงชายฝั่งที่มีศักยภาพ 22 จังหวัด สามารถสร้างแหล่งท่องเที่ยวได้ 53 แห่ง เป็นการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งชุมชนประมงด้วย โดยให้นำแนวทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (wellness tourism) มาประยุกต์ใช้ และให้ส่งเสริมการตลาดแบบออนไลน์ (Online Market) เพื่อช่วยสนับสนุนการขายและการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับหมู่บ้านประมงมากขึ้น 

4.) ความก้าวหน้าของคณะทำงานส่งเสริมและพัฒนาการกระจายสินค้าประมงจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค ในการขยายช่องทางการกระจายสินค้าประมงผ่านศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ และการเพิ่มช่องทางการค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ 

5.) ความก้าวหน้าโครงการนำเรือออกนอกระบบ 

6.) การสาธิตเรือฝึกปลาลัง ณ ท่าเทียบเรือศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia Fisheries Development Center : SEAFDEC) 

7.) ความก้าวหน้าการดำเนินการจัดทำร่างกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 65 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top