Tuesday, 24 June 2025
ค้นหา พบ 48981 ที่เกี่ยวข้อง

เทคนิคสร้างให้ลูกวัยเติบโตมีวิธีคิดอย่างมีระบบ (ตอน1)

ความสำเร็จของลูกในอนาคตเป็นความคาดหวังสำคัญของคุณพ่อคุณแม่ และเป็นความคาดหวังที่กดดันมิใช่น้อยเลยทั้งตัวคุณพ่อคุณแม่เองและตัวลูก หากเร่งรัดให้เด็ก ๆ อ่านเขียนเพื่อที่ลูกจะได้เก่งการเรียนรู้ หรือสอนลูกอ่านเขียนตั้งแต่วัยอนุบาล อาจไม่ตรงกับพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็ก และอาจเกิดผลเสียต่อลูกมากกว่าผลดีก็ได้นะคะ 

แล้วอย่างนี้คุณพ่อคุณแม่จะทำยังไงให้ลูกเรียนรู้เก่งโดยไม่ต้องอ่านออกเขียนได้ล่ะ มีวิธีค่ะ วันนี้เราจะมาชวนคุณพ่อคุณแม่ ลูก และทุกคนในครอบครัวมาคิดเก่ง เรียนรู้เก่งกันทั้งบ้านโดยไม่ต้องอ่านออกเขียนได้ค่ะ และวิธีนั้นก็คือ Mind mapping นั่นเอง

Mind mapping เกิดมาจากการแกะรูปแบบการบันทึกความคิดของอัจฉริยะหรือผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก  เช่น ลีโอนาโด ดาวินชี นักวิทยาศาสตร์และศิลปินก้องโลก หรือ โทมัส อันวา อดิสัน นักธุรกิจและผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ ถ้าเราได้เห็นสมุดโน้ตของทั้งสอง จะเห็นว่าเต็มไปด้วยรูปภาพ เส้นเชื่อมโยงไปมา มีตัวหนังสือกระจายเป็นกลุ่ม ๆ ทั่วหน้ากระดาษ ไม่ได้เป็นระเบียบตัวบรรจงเต็มบรรทัดแต่อย่างใด

Mind mapping เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมาก หากใครได้คอยลองเขียนด้วยตัวเองแล้วจะทราบดีค่ะ เหมาะกับนำมาสร้างกิจกรรมระหว่างพ่อแม่กับลูก เป็นเครื่องมือในการสอนลูก จัดระบบความคิดและจินตนาการให้ลูกตั้งแต่ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เลยค่ะ

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่คุ้นเคย Mind mapping

การวาด mind mapping อย่างง่าย ๆ ก็คือ วาดรูปหัวข้อที่เราจะชวนคิดกันกลางกระดาษเปล่า หัวข้อนี้เกี่ยวกับอะไรบ้าง แบ่งเป็นอะไรได้บ้าง วาดหรือเขียนไว้รอบ ๆ แล้วลากเส้นเชื่อมกับหัวข้อตรงกลาง ต่อมาก็มาดูเรื่องที่เราแบ่งออกมาว่าเกี่ยวข้องอะไร แบ่งเป็นอะไรไปได้อีก ทำซ้ำเหมือนหัวข้อใหญ่กับเรื่องที่แบ่งมาไปเรื่อย ๆ จะทำเท่าไรก็ได้ วาดรูปประกอบยิ่งดี แล้วแต่จินตนาการเลยค่ะ

หัวใจสำคัญของ Mind mapping สำหรับลูก 4-6 ขวบ

หากลูกของคุณอยู่ในช่วงเตรียมเข้าประถม หรือ 4-6 ขวบ ลูกอาจจะยังจับดินสอไม่เก่ง ฉะนั้น Mind mapping ของวัยนี้ไม่ต้องเน้นสวยค่ะ ให้ลูกได้ฝึกจับดินสอระบายสีไปค่ะ ‘หัวใจสำคัญคือจินตนาการและการเชื่อมโยง’ เน้นที่การร่วมมือกันกับคุณพ่อหรือคุณแม่ ส่วนหัวข้อ ก็นำเรื่องง่าย ๆ ที่ลูกรู้จักคุ้นเคย หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกและสามารถนำมาวาดได้ หากนึกไม่ออก ลองเรื่องในชีวิตประจำวัน เช่น การแปรงฟัน การเก็บของเล่น การกินขนมบนที่นอน หรือหากลูกทำจานแตก ก็นำมาวาด Mind mapping ได้ เช่นว่า ทำไมจานถึงแตก จานแตกแล้วเกิดอะไร ถ้าจานไม่แตกจะเป็นอย่างไร ทำอย่างไรไม่ให้จานแตก ชวนลูกตอบถาม สร้างบทสนนนนนาระหว่างวาดไปด้วยแบบสบาย ๆ ค่ะ

หากลูกคิดต่าง ชื่นชมและชวนถาม

Mind mapping นี้เป็นการบันทึกความคิดจินตนาการของลูกเรา ไม่มีถูกผิดค่ะ หากลูกคิดต่าง วิธีการสำหรับคุณพ่อคุณแม่คือ ชื่นชมและชวนถาม “ดีมากค่ะ/ครับ ทำไมลูกคิดว่าอย่างนั้นล่ะ” เช่น หากเราคุยกันว่า น้องหมาเป็นสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยง ลูกอาจจะตอบว่าสัตว์ป่า คุณพ่อคุณแม่ก็ทำการชื่นชมและชวนถามเลยค่ะ ไม่มีถูกผิด ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่นึกถึงน้องหมาข้างบ้าน ลูกอาจจะมีภาพจำน้องหมากับเมาคลีล่าสัตว์ก็ได้

เข้าใจ เห็นถึงข้างในใจลูก ด้วย Mind mapping

คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจทราบประโยชน์ของ Mind mapping อยู่แล้ว แต่มีประโยชน์หนึ่งที่เราไม่คาดคิดเมื่อนำมาเล่นกับลูก คือ ทำให้พ่อแม่รู้จักบุคลิกของลูกอย่างมาก ว่าลูกเราคิดอย่างนี้นะ ลูกเข้าใจแบบนี้นะ ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะคะ สมมุติว่าเราวาด Mind mapping หัวข้อปาร์ตี้ ลูกนึกถึงอะไรในปาร์ตี้ เด็กบางคนอาจจะนึกถึงอาหาร  ขนมเค้ก เด็กบางคนอาจจะนึกถึงเกม ของเล่น บางคนอาจจะนึกถึงของขวัญ หรือนึกถึงของตกแต่งงาน เด็ก ๆ แต่ละคนมีความคิด ความสนใจ และจินตนาการที่แตกต่างไม่ซ้ำกันเลย คุณพ่อคุณแม่ก็จะเข้าใจโลกของลูกมากขึ้นจากการสร้าง Mind mapping ร่วมกัน ช่วยให้เราสามารถสื่อสารกับลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอีกด้วยค่ะ

ลูกยังเล็ก ใช้ Mind mapping ได้มั้ย

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกยังเล็กแต่ตื่นเต้นอยากนำ Mind mapping ไปเล่นกับลูก เพื่อให้ลูกเรียนรู้เร็ว คิดเก่งบ้าง ทำได้ไหม ทำได้ค่ะ บทต่อไปเราจะมาชวนสร้าง Mind mapping สำหรับลูกขวบครึ่งถึง 4 ขวบกันค่ะ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ที่ลูก 4 ขวบแล้ว ลองนำ Mind mapping ไปเล่นกับลูกดูนะคะ


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก  

หัวข้อ: ไม่ต้องเคี่ยวเข็ญเร่งรัด ลูกก็จัดระเบียบความคิดได้

Link https://www.facebook.com/299800753872915/videos/2774800096137009

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์ 

เทคนิคสร้างให้ลูกวัยเยาว์มีวิธีคิดอย่างมีระบบ (ตอน2)

บทที่แล้วเราได้เรียนรู้การวาด Mind mapping กับลูกวัย 4-6 ขวบ (โตกว่านี้ก็ยังใช้ได้ดีค่ะ) วันนี้ขอเล็กลงไปอีก สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยขวบครึ่งถึง 3 ขวบ โอ้โห เล็กขนาดนี้ก็เริ่มเรียนรู้ได้ มาเสริมสร้างระบบคิดและจินตนาการของลูกกันค่ะ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เพิ่งเข้ามาอ่าน สามารถกลับไปทบทวนว่า Mind mapping คืออะไรกันก่อนได้ในในเว็บไซต์ตอนที่แล้วค่ะ

ลูกเราสร้าง Mind mapping ได้หรือยังนะ? 

ถ้าลูกแบ่ง 2 สิ่งได้ ก็เริ่มสร้าง Mind mapping ได้ เช่น ไดโนเสาร์ใจดี ไดโนเสาร์ใจร้าย ลูกสามารถแบ่งได้ก็เพียงพอค่ะ ไม่มีถูกผิด ถึงลูกยังวาดรูปไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกได้ด้วยวิธีดังนี้ค่ะ

1.) ขึ้นโครงให้ลูก วาดหัวข้อและลากเส้นเชื่อมโยง อาจจะแบ่งเป็นกลุ่มหรือประเภทต่าง ๆ ให้ลูกเติมเอง

2.) ใช้การ์ด สติ๊กเกอร์ แม็กเนต หรือของเล่นต่าง ๆ ได้ แทนการวาดรูป 

เพียงเท่านี้ ลูกก็สามารถฝึกฝนการคิดเป็นระบบและสร้างจินตนาการด้วยความร่วมมือจากคุณพ่อคุณแม่เพียงเล็กน้อย แต่ผลที่เกิดกับลูกนั้น ส่งถึงกระบวนการเรียนรู้ต่อยอดไปเมื่อลูกโตขึ้น หัวใจสำคัญของ Mind mapping ในวัยนี้ คือจินตนาการและความร่วมมือกัน ไม่มีถูกผิด เมื่อลูกคิดต่าง ชื่นชมและชวนถาม การชมลูกทำให้เขาร่วมมือกับคุณพ่อคุณแม่ เป็นทีมเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่คนไหนไม่ค่อยได้ชมลูก ลองชมลูกเยอะ ๆ ค่ะ อยากให้ทำอะไรก็ชมก่อนเลยค่ะ ลูกเป็นงานเป็นการขึ้นมาเลยค่ะ

เสริมสร้างกิจกรรมของครอบครัวใหญ่ต่างวัย

Mind mapping สำหรับเด็กเล็กยังช่วยส่งเสริมกิจกรรมในครอบครัว หากบ้านไหนมีปู่ ย่า ตา ยาย อาม่า อากง มาช่วยหลานสร้าง Mind mapping ได้ด้วยการ์ด แม็กเนต สติ๊กเกอร์ หรือของที่แทนความหมายได้ ไม่จำเป็นต้องวาดรูปหรือเขียนใด ๆ ก็ทำให้ได้รู้จักบุคลิกของลูกมากขึ้น และสร้างความใกล้ชิดในครอบครัวค่ะ

ต่อยอดทักษะ

หลังจากได้ Mind mapping ที่ร่วมสร้างกับอาม่า อากงแล้ว ลูกสามารถต่อยอดทักษะได้ด้วยการให้ลูกเล่า Mind mapping ให้ทุกคนฟัง คุณพ่อคุณแม่อาจจะถามให้ลูกตอบ เป็นการฝึกทักษะการนำเสนอ เสริมสร้างความมั่นใจและการสื่อสารได้อีกทาง เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์มากเลยค่ะ

ทบทวนรวดเร็ว ลูกจำได้

Mind mapping ไม่ใช่เพียงเสริมสร้างระบบการคิดและจินตนาการ แต่ยังช่วยในเรื่องของการทบทวนเนื้อหา การกลับมาดูซ้ำนั้น ใช้เวลาน้อยมาก แถมยังจำได้ดีด้วย ประโยชน์เหลือล้ำจริงๆ

ไม่ต้องเร่งรัดลูกให้อ่านออกเขียนได้ ลูกก็สามารถฝึกการคิดเพื่อการเรียนรู้ได้แม้ในวัยเล็ก ลองนำไปปฏิบัติใช้จริงเท่านั้นจึงจะเกิดผลลัพธ์ การใช้ Mind mapping ในการเรียนรู้ ยังช่วยให้ครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ลูกได้ฝึกพัฒนาการที่สะสมไว้ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องเครียดอีกต่อไปค่ะ


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก  

หัวข้อ: ไม่ต้องเคี่ยวเข็ญเร่งรัด ลูกก็จัดระเบียบความคิดได้

Link https://www.facebook.com/299800753872915/videos/2774800096137009

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์ 

 

เผยวิธีการ ‘โค้ชชิ่ง’ ให้ลูกน้อยกลายเป็นเด็กที่เติบโตอย่างมีคุณภาพ

ตุ๊บ!! เสียงมาจากทิศที่ลูกเราเล่นอยู่ ลูกเราล้ม เพียงเสี้ยววินาที แววตาลูกน้อยพุ่งมาหาแม่ทันที หนูจะร้องหรือหนูจะลุกดี หนูต้องทำยังไง

สำนึกแรกของแม่อยากจะวิ่งไปประคองลูกใจจะขาด แต่แม่กัดฟันยิ้มอย่างสดใส แล้วพูดออกไปว่า “หนูลุกได้มั้ยลูก”

ถ้าศักยภาพของนักกีฬา ถูกดึงออกมาด้วยมือของโค้ช ศักยภาพของลูกก็ต้องถูกดึงออกมาด้วยมือของพ่อและแม่ นักกีฬาเก่ง ๆ ที่ขาดโค้ชที่ดี ยากที่จะไปถึงจุดมุ่งหมายหรือชัยชนะ ลูกของเราก็เช่นกัน วันนี้จะมาชวนคุยเรื่อง การโค้ชลูกกันค่ะ

ศาสตร์การโค้ช หรือ โค้ชชิ่ง เริ่มต้นมาจากอุตสาหกรรมกีฬานี่แหละค่ะ จุดมุ่งหมายของโค้ชนักกีฬานั้น คือการดึงศักยภาพของนักกีฬาออกมาใช้ได้สูงสุดและเหมาะสม ค้นพบจุดแข็งจุดอ่อน เพื่อเดินไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งต่อมาศาสตร์การโค้ชถูกนำไปใช้ในวงการอื่น ๆ อย่างแพร่หลาย รวมถึงศาสตร์การเลี้ยงลูก หรือที่เรียกทับศัพท์ว่า Parenting

จำเป็นไหมที่ต้อง ‘โค้ชลูก’ เรามาลองอ่านประโยคนี้ดูค่ะ

“จุดมุ่งหมายของพ่อแม่นั้น คือการดึงศักยภาพของลูกของมาใช้ได้สูงสุดและเหมาะสม ค้นพบจุดแข็งจุดอ่อน เพื่อเดินไปสู่ความสำเร็จ”

ถ้าคุณพ่อคุณแม่เห็นด้วยกับประโยคนี้แล้วล่ะก็ มาเป็นโค้ชให้ลูกของเรากันดีกว่า อันที่จริง คุณพ่อคุณแม่โค้ชให้ลูกกันอยู่แล้วตามสไตล์ของเราเอง แต่มันมีกลเม็ดเทคนิคที่โค้ชมืออาชีพเขาใช้กัน การเป็นโค้ชให้ลูกนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ขอเพียงมีความตั้งใจ และมีวินัยในการปฏิบัติค่ะ

มีศาสตร์การโค้ชศาสตร์หนึ่งที่นิยมนำมาโค้ชลูก เรียกว่า NLP 

NLP ย่อมาจาก Neuro Linguistic Programming เป็นศาสตร์ที่ศึกษาภาษาสมองและสร้างกลยุทธ์ทางภาษา เพื่อนำพาบุคคลนั้นไปถึงเป้าหมาย ตัวอย่างศาสตร์ NLP ที่ถูกนำมาใช้ในการเลี้ยงลูก เช่น NLP พบว่า การใช้คำว่า “ไม่” หรือ “อย่า” ในการสอน มักจะไม่ได้ผลและอาจจะได้ผลตรงข้าม ไม่เชื่อลองดูนะคะ “อย่านึกถึงหมูอ้วนสีชมพูผูกโบว์สีแดง” สมองคุณเห็นอะไรคะ หมูผูกโบว์ลอยมาเลยหรือเปล่า

มาดูเทคนิคการโค้ชลูกอย่างง่าย ที่เริ่มทำได้ทันทีกันค่ะ

เล่านิทานก่อนนอน 

ช่วงก่อนเข้านอนเป็นช่วงที่สำคัญมากสำหรับเด็ก เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่สมองของลูกจะซึมซับข้อมูล เพราะช่วงก่อนนอนเป็นช่วงที่คลื่นสมองมีความถี่ต่ำ ลูกจะรับข้อมูลทันที หรือพูดอีกอย่างคือเป็นช่วงโปรแกรมสมอง การเล่านิทานให้เด็กฟังเป็นประจำก่อนนอนนั้น คือช่วงเวลาสอนเด็กที่เกิดประสิทธิภาพที่สุด คุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกรู้อะไร หรือบอกรักลูก ให้คุยกับลูกก่อนนอนจะได้ผลดีค่ะ

คุยกับลูกหน้ากระจก 

นึกถึงฉากในหนังเวลาคุณแม่นั่งหวีผมหรือแต่งตัวให้ลูกหน้ากระจก และเปลี่ยนบทพูดเป็นคำพูดอวยพร เช่น วันนี้จะต้องมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกับลูกอย่างแน่นอน วันนี้ต้องมีอะไรสนุกที่โรงเรียนแน่นอน ใส่ชุดความคิดที่ดีต่อลูกหน้ากระจก ลูกก็จะตามหาสิ่งดี ๆ เหล่านั้นที่เราได้บอกเขาไปค่ะ

เขียนจดหมายคุยกับคุณครู

คุณครูทำหน้าที่ดูแลลูกของเราที่โรงเรียนอย่างเต็มที่ แต่คุณครูต้องดูแลลูก ๆ ของคุณพ่อคุณแม่คนอื่นอีกหลายคนพร้อม ๆ กัน คนที่รู้จักลูกของเรามากที่สุดก็ต้องเป็นเราอยู่แล้วใช่ไหมคะ เราสามารถช่วยให้คุณครูดูแลลูกเราได้ดียิ่งขึ้นโดยการสื่อสารกับคุณครูผ่านการเขียนจดหมายแนะนำไปเลยว่า “คุณครู ลูกเราเป็นคนขี้อายนะ ลูกเรารู้คำตอบแต่ไม่ชอบยกมือ คุณครูช่วยเรียกชื่อน้องให้ตอบหน่อยนะคะ” ถามไถ่ครูว่าลูกเราอยู่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง สื่อสารกับคุณครูเพื่อที่คุณครูจะเข้าใจบุคลิกนิสัยของลูกเรามากขึ้น ทำให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณครูได้ร่วมมือกันติดตามและปฏิบัติต่อลูกเราได้อย่างเหมาะสม

ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยเสริมสร้างลูกให้เติบโตเป็นเด็กที่มีอนาคตสดใสและมีความสุขได้ ติดตามบทความจากเรา ใน The States Times Family เราจะนำเทคนิคการเลี้ยงดูลูกอีกเพียบ ความรู้ใหม่ๆ อีกพรึ้บ คุณพ่อคุณแม่ได้ติดอาวุธลูกน้อยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีความสุขกันอย่างแน่นอน เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนนะคะ


สามารถย้อนไปฟังการ LIVE หัวข้อที่น่าสนใจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ เพจดีต่อลูก  

หัวข้อ: ติดอาวุธให้พ่อแม่กับแม่เก่ง 

Link https://www.facebook.com/foryourchildz/videos/?ref=page_internal

เขียนและเรียบเรียงเรื่องโดย: พิมพ์นารา สุวรรณไตรย์ 

 

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เลื่อนโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า หลังสถานการณ์ของโรคโควิด-19 กลับมาระบาดหนัก คาดจะเสนอครม.พิจารณาและคิกออฟโครงการฯ ให้เริ่มเดินทางได้ในเดือน มี.ค.นี้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จำเป็นต้องเลื่อนโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า ออกไปก่อน ซึ่งเดิมเตรียมเสนอให้ที่ประชุมครม. พิจารณาตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค.2563 แต่เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องจับตาแรงกระเพื่อมว่าจะยุติลงเมื่อใด

ทั้งนี้หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในเดือน ก.พ.2564 คาดจะเสนอให้ ครม.พิจารณาและคิกออฟโครงการฯ ให้เริ่มมีการเดินทางได้ในเดือน มี.ค.นี้ และน่าจะได้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นตัวกระตุ้น ซึ่งเท่ากับว่าโครงการนี้ล่าช้าจากแผนเดิมร่วม 5 เดือนจากที่เคยต้องการให้คิกออฟในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.2563

สำหรับโครงการนี้ เป็นการกระตุ้นตลาดการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มสูงวัย อายุตั้งแต่ 55 - 75 ปี จำนวน 1 ล้านคน วางเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมายว่าต้องมีการเดินทาง 2 คนขึ้นไปในวันอาทิตย์ถึงพฤหัสบดี โดยใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยว เดินทาง 3 วัน 2 คืนขึ้นไป สนับสนุนค่าใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน

โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กำลังคุยกับกระทรวงการคลังว่าจะยิงเงินตรงเข้าที่ตัวบุคคลซึ่งเป็นคนเที่ยว หรือยิงเงินตรงเข้าบริษัทนำเที่ยว เพื่อความรอบคอบสูงสุดและป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตซ้ำรอยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เนื่องจากโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋าเป็นการเหมาจ่ายค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวแก่ผู้สูงวัยถึง 5,000 บาทต่อคน

กรมธนารักษ์ ยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุ พื้นที่ใช้ประโยชน์ที่อยู่อาศัย และการเกษตร ตลอดปี 2564 บรรเทาผลกระทบโควิด-19 พร้อมเปิดทางลดค่าเช่าให้ผู้ประกอบการ ในเชิงพาณิชย์ที่ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน

นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ยกเว้นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับพื้นที่ใช้ประโยชน์ที่อยู่อาศัย และเพื่อการเกษตรตลอดทั้งปี 2564

เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่า การดำเนินการครั้งนี้ ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากยกเว้นค่าเช่าประมาณ 5-6 แสนราย คิดเป็นค่าเช่าที่ยกเว้นประมาณ 300 - 400 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ยังได้เปิดให้ผู้ประกอบการที่เช่าที่ราชพัสดุเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้แจ้งความเดือดร้อน โดยสามารถส่งงบการเงินว่ามีรายได้ และยอดขายได้รับผลกระทบอย่างไร หากลดลงกรมฯ ยินดีบรรเทาช่วยเหลือ เช่น การลดค่าเช่าให้บรรเทาความเดือดร้อน เป็นต้น

ส่วนการพิจารณาราคาประเมินที่ดิน ของรอบปีบัญชี 59 - 63 จะไม่มีการปรับราคาประเมินเพิ่มขึ้น ส่วนการใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ในปี 2565 กรมฯ จะนำบัญชีประเมินราคาที่ดินเดิมที่เคยทำเสร็จแล้วมาทบทวนใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและราคาซื้อขายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าภาพรวมราคาประเมินที่ดินจะต่ำกว่าของเดิมที่มีราคาเพิ่มขึ้น 7-8%


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top