Thursday, 15 May 2025
ค้นหา พบ 48112 ที่เกี่ยวข้อง

3 คำพยากรณ์ กับ 4 ขุนพลประจัญบาน ในศึกฟุตบอลยูโร 2020

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

โอมมะลึ้กกึ้กกึ๋ย เพี้ยง!! ผ่านมาถึงรอบรองชนะเลิศกันแล้ว สำหรับศึกฟุตบอลยูโร 2020 ขณะนี้ได้ 4 ขุนพลประจัญบานเตรียมลงฟาดฟันกันเพื่อหาคู่ชิงชนะเลิศ คู่แรก อิตาลี vs สเปน และคู่สอง อังกฤษ-เดนมาร์ก 

THE STATES TIMES ขอทำตัวเป็นพ่อหมอพยากรณ์ ทำนายผลที่น่าจะเป็นของทั้งสองคู่ ก่อนอื่น ขออนุญาตตะโกนเรียกใช้งานลูกน้องแป๊บ ‘คริสเตียโน่ ส่งลูกแก้วทำนายชะตา มาให้ข้าที!!’

ทำนายครั้งที่ 1 : มีต่อเวลาแน่นอน โดยเฉพาะคู่ระหว่างอิตาลีกับสเปน เพราะทั้งสองทีมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อเวลา 120 นาทีด้วยกันทั้งคู่ อิตาลีผ่านประสบการณ์มาแล้วตอนเจอออสเตรีย ส่วนสเปนเจอมาทั้งโครเอเชีย และสวิตเซอร์แลนด์ เรียกว่าเตะกันจนขาลาก แถมนี่ยังเป็นรอบรองฯ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งสองทีมน่าจะ ‘ซื้อเกมรัดกุม’ จนทำให้ยืดเยื้อต้องต่อเวลาชัวร์!

ทำนายครั้งที่ 2 : อังกฤษจะทำประตูด้วย ‘ลูกโหม่ง’ อย่างแน่นอน รู้อะไรไหม ถึงตอนนี้ทีมอังกฤษทำประตูด้วยลูกโหม่งไปแล้ว 5 ลูก เป็นศีรษะของราฮีม สเตอร์ลิ่ง 1 แฮร์รี่ แม็คไควร์ 1 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 1 และแฮร์รี่ เคน 2 สาเหตุที่มีโอกาสทำประตูด้วยลูกโหม่งได้บ่อย ๆ เนื่องจากนักเตะด้านกราบสองข้างของอังกฤษ อาทิ ลุค ชอว์, คีแรน ทริปเปียร์ หรือแม้แต่ เมสัน เมาท์ และแจ็ค กรีลิช ฟอร์มกำลังร้อนแรงสุด ๆ เรียกว่าเปิดบอลเป็นเข้าหัว จึงเป็นที่มาของการทำนายว่า อังกฤษได้ประตูด้วยลูกโหม่งชัวร์!

ทำนายครั้งที่ 3 : ส่วนทีมที่จะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ลูกแก้วทำนายว่า เป็นสองทีมที่มีสถิติลงเล่นแล้วมีผลชนะมากที่สุดนับตั้งแต่รอบแรกเป็นต้นมา นั่นคือ อิตาลี (ชนะ 5 นัดรวด) และอังกฤษ (ชนะ 4 เสมอ 1) ฟันธง!!


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สมศักดิ์ รมว.ยุติธรรม เป็นประธานหารือ 6 ประเทศ ตัดเส้นทางสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เข้าแหล่งผลิต 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสภายใต้กรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อยกระดับการสกัดกั้นยาเสพติดภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คณะผู้บริหาร ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่อาวุโสจากหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดประเทศกัมพูชา จีน สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม และผู้แทนจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) เข้าร่วม วัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการป้องกันไม่ให้มีการนำสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เข้าสู่พื้นที่ผลิตยาเสพติดสามเหลี่ยมทองคำและยกระดับการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้ยาเสพติดถูกลักลอบลำเลียงออกสู่อนุภูมิภาคและภูมิภาคอื่น ๆ 

ณ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “การประชุมในครั้งนี้ เป็นไปตามข้อสั่งการของนายสมศักดิ์ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2564 ให้สำนักงาน ป.ป.ส. ประสานกับประเทศกลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ คือ จีน เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ประชุมหารือถึงสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน เพราะถือว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาร่วมกันของทุกประเทศที่จะต้องร่วมกันแก้ไข ซึ่งเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2564 ตนได้หารือกับ นายเจรามี ดักลาส ผู้แทนประจำ UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก และได้ประสานกับประเทศในกลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ โดยจัดให้มีการประชุมร่วมกันในวันที่ 5 ก.ค. 2564 โดยระบบวิดีโอคอนเฟอเร็นซ์ 
จากสำนักงาน ป.ป.ส.ไปยังประเทศดังกล่าว” 

ปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ได้ริเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 2562 ภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัยเพื่อควบคุมยาเสพติด 6 ประเทศ ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2562 - 2565) และได้รับความร่วมมืออย่างดีจากประเทศภาคีมาโดยตลอด มีผลการดำเนินการสามารถจับกุมคดียาเสพติดได้กว่า 13,476 คดี ผู้ต้องหา 16,348 คน ตรวจยึดยาเสพติดได้จำนวนมาก และสามารถยึดสารตั้งต้น หรือเคมีภัณฑ์อื่นๆ ก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต ที่เป็นเป้าหมายสำคัญในการจัดตั้งปฏิบัติการ 1511 ได้กว่า 1,172,267 กิโลกรัม 

สำหรับการประชุมในวันนี้ ทั้ง 6 ประเทศได้ร่วมกันกำหนดมาตรการเพื่อจัดการกับปัญหายาเสพติด ให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทั้งการรับมือกับปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเอง และปัญหาที่ส่งผลกระทบไปยังประเทศอื่น ๆ นอกภูมิภาค โดยประเทศไทยได้เสนอแนวทางให้ทุกประเทศดำเนินการร่วมกัน ดังนี้ 

1.) สกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์มิให้รั่วไหลเข้าไปในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ 

2.) จัดให้มีปฏิบัติการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และปฏิบัติการคู่ขนานระหว่างประเทศร่วมกัน

3.) เฝ้าระวังการลักลอบค้ายาเสพติดออนไลน์และการขนส่งยาเสพติดผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะพัสดุภัณฑ์ และการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทางทะเลที่มีปริมาณและความถี่เพิ่มมากขึ้น 

4.) ขยายความร่วมมือในการสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญอย่างเต็มที่ ทั้งการทำลายวงจรและเครือข่ายการค้า การขยายผลยึดทรัพย์สิน และการติดตามผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้นำแนวคิด Ten X Rule มาบังคับใช้ ซึ่งไทยตั้งเป้าหมายที่จะยึดทรัพย์สินของนักค้ายาเสพติดให้ได้มากขึ้น 10 เท่า จากปีที่แล้วยึดได้ 600 ล้านบาท เป้าหมายในปีนี้จะต้องยึดให้ได้ 6,000 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันสามารถอายัดทรัพย์สินของนักค้ายาเสพติดได้แล้วกว่า 5,658 ล้านบาท

5.) พัฒนากฎหมายในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เป็นมาตรฐานสากล ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยได้ยกร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ขึ้น กำลังอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภาวาระที่ 2 โดยรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมดมาเป็นกฎหมายฉบับเดียวเพื่อให้สะดวกต่อการบังคับใช้ มีการกำหนดให้นำมาตรการยึดทรัพย์สินตามมูลค่าที่นักค้ายาเสพติดได้ผลประโยชน์ หรือ Value-based Confiscation มาใช้ เพื่อที่จะลดทอนศักยภาพของกลุ่มนักค้ายาเสพติดให้ได้มากที่สุด การใช้มาตรการลดอันตราย หรือ Harm Reduction เพื่อป้องกันปัญหาด้านสุขภาพและสาธารณสุขของบุคคลและสังคม 

6.) เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคและนอกอนุภูมิภาคให้มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และจะนำมติที่ประชุมครั้งนี้เสนอให้รัฐมนตรีทั้ง 6 ประเทศ ในการประชุมพบปะกันเพื่อหารือความร่วมมือตามแผนปฏิบัติการร่วมสามเหลี่ยมทองคำ 1511 ซึ่งในปีหน้า ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม MoU

7.) นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ แถลงถึงผลการเข้าเยี่ยมคารวะผู้แทนจากประเทศนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อเมริกาและเกาหลีใต้ ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานด้านยาเสพติด ประจำสถานเอกอัครทูต ผลของการเข้าเยี่ยมคารวะครั้งนี้ ทางคณะผู้แทนได้กล่าวชื่นชมบทบาทนำของประเทศไทยในการผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด ในภูมิภาคร่วมกับกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง และประเทศนอกภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบ ทุกประเทศมีความยินดีที่จะผลักดันความร่วมมือในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในระดับระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคต่อไป และสนับสนุนบทบาทของไทยที่มีจุดยืนที่ชัดเจนและสามารถเป็นผู้นำให้ประเทศอื่น ๆ ยกระดับการแก้ไขปัญหายาเสพติดมากขึ้น 

โดยเฉพาะการปฏิรูปกฎหมายยาเสพติด ซึ่งจะเอื้อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศไทยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การบังคับใช้มาตรการยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติด เพื่อลดทอนศักยภาพของกลุ่มองค์กรอาชญากรรม การควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการปฏิบัติการร่วม ตลอดจนแสดงความพร้อมร่วมขับเคลื่อนปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เช่น Task Force Storm โครงการความร่วมมือสกัดกั้นยาเสพติด ณ ท่าเรือ (SITF) และโครงการความร่วมมือสกัดกั้นยาเสพติด ณ ท่าอากาศยาน (AITF) เป็นต้น 

นายสมศักดิ์ ได้ทิ้งท้ายว่า โดยกล่าวขอบคุณที่ทุกประเทศให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และยินดีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอของประเทศต่าง ๆ เพื่อรวบรวมเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในประเทศต่อไป

ทบ. ยันสนับสนุนทุกภาคส่วนคลี่คลายโควิด พร้อมตั้งกรรมการตรวจสอบหน่วยทหาร ที่ถูกกล่าวถึงไม่ให้ความร่วมมือ

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีที่ นายแพทย์ นิธิพัฒน์ เจียรกุล โรงพยาบาลศิริราช ได้โพสต์ถึงการสนับสนุนจากจัดตั้งโรงพยาบาลสนามดูแลผู้ป่วยโควิดว่า มีบางพื้นที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยทหาร ทั้ง ๆ ที่นโยบายของกองทัพบกพร้อมสนับสนุน

รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบก ได้รับทราบข้อห่วงใยและความกังวลใจของนายแพทย์ นิธิพัฒน์ แล้วได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยทันที พร้อมกับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องประสานสอบถามข้อมูลไปยัง นายแพทย์ นิธิพัฒน์ โดยตรงแล้ว ในขั้นต้นทราบว่าเป็นหน่วยทหารในพื้นที่ จ.สระบุรี คือศูนย์การทหารม้า   ทั้งนี้ กองทัพบกได้การตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับหน่วยดังกล่าว ถึงข้อจำกัดหรือเหตุผลความจำเป็นที่ ไม่สามารถให้การสนับสนุนพื้นที่ตามการร้องขอได้  เพราะการปฎิบัติดังกล่าวไม่เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบก ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมในการสนับสนุนทุกภาคส่วนอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โควิด ทั้งการทุ่มเททรัพยากรที่มี และศักยภาพของ บุคคลากรสายแพทย์ 
      
อีกทั้ง นโยบายของกองทัพบก ไม่ประสงค์ที่จะให้เกิดข้อติดขัดใด ๆ ในการสนับสนุนหน่วยงานอื่น เพราะสถานการณ์โควิดในขณะนี้ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันด้วยความทุ่มเท เสียสละ เพื่อระงับการแพร่ระบาดและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งนี้ในปัจจุบันกองทัพบกได้จัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม สนับสนุนการดูแลผู้ป่วยโควิดของรัฐบาล 14 แห่ง และ โรงพยาบาลสนามของกองทัพบกอีก 37 โรงพยาบาล สามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ 6,108 เตียง

อย่างไรก็ตาม กองทัพบก ขอเป็นกำลังใจให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ทุกส่วนที่กำลังร่วมกันดูแลประเทศชาติและประชาชนในวิกฤตโควิดครั้งนี้

นายกฯ สั่งด่วน เร่ง ควบคุมสถานการณ์ระเบิดโรงงานเม็ดพลาสติก-พร้อมช่วยเหลือประชาชน-สตช.ตั้งศูนย์อพยพ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการด่วนให้เจ้าหน้าที่เร่งควบคุมสถานการณ์และสืบหาสาเหตุการระเบิดที่โรงงานหมิงตี้ เคมิคอล ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 03.10 ของคืนวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง หลังรับทราบรายงานเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 รายเสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งหน่วยงานท้องถิ่นเร่งเข้าช่วยเหลืออพยพประชาชนและผู้ได้รับความเสียหาย

นายอนุชา กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดตั้งศูนย์อพยพ รองรับประชาชน ณ โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ และ วัดสลุด อ.บางพลีใหญ่ โดยขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รัศมีโดยรอบไม่เกิน 5 กิโลเมตรเร่งอพยพออกจากพื้นที่โดยด่วน หากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต้องการขอความช่วยเหลือ หรือสอบถามข้อมูล สามารถโทรมายังสายด่วน 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับให้เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรวมทั้งหน่วยงานท้องถิ่นเร่งเข้าดูแลประชาชนที่ศูนย์อพยพเพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นด้วย

“สงคราม” ชี้ไม่มี “บิ๊กตู่” ปัญหาไวรัสโควิดคลี่คลายแน่ อัด 120 วัน เปิดประเทศแค่ฝันกลางแดด เอกชนเชื่อไทยเปิดประเทศปี 66

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้น รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ในขณะเดียวกันวัคซีนทางเลือกจะเป็นทางออกของประเทศไทยก็ไม่สามารถดำเนินการได้มันต่อความต้องการของประชาชน เพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อวดเก่งรวบอำนาจสั่งการการแก้ปัญหาของสถานการณ์ระบาดของไวรัสไว้เพียงผู้เดียวแต่ทำงานไม่เป็น และไม่พูดความจริงกับประชาชน ดีแต่โกหกไปวัน ๆ จนเอกชนทนไม่ไหว เพราะรัฐไร้น้ำยารักษาชีวิตประชาชน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ประเทศไทยยังไม่พร้อมที่จะเปิดประเทศ เพราะรัฐบาลไม่สามารถจัดการแก้ปัญหาได้ ประชาชนฉีดวัคซีนได้เพียงร้อนละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ ดังนั้น การเปิดประเศทศ 120 วัน คือความฝันกลางแดดของพลเอกประยุทธ์เท่านั้น หากยังแก้ปัญหาล้มเหลว และวัคซีนที่มีอยู่ไม่สามารถจัดการเชื้อไวรัสได้ เพราะมีการกลายพันธุ์หนีวัคซีนไปแล้ว ดังนั้น การเปิดประเทศจึงเป็นไปไม่ได้ สำหรับประเทศไทยหนักกว่า เพราะประชาชนยังไม่ได้ฉีดวัคซีนอีกเกินครึ่งประเทศ ดังนั้นภาคเอกชนมองว่าไทยสามารถเปิดประเทศได้ในปี 2566 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า จึงจะสามารถทยอยเปิดประเทศได้บางส่วน

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องแก้ที่พลเอกประยุทธ์ ควรพูดความจริงกับประชาชน เลิกโกหกรายวันหากต้องการแก้ปัญหาให้ประชาชนจริง กรณีวัคซีนทางเลือกหากภาคเอกชนไม่ออกมาพูดประชาชนก็คงไม่รู้ว่ารัฐบาลกำลัเล่นละครตบตาประชาชนอยู่ เอาความเสียหายของประเทศชาติ และเอาชีวิตประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อสนองอำนาจของพลเอกประยุทธ์ เป้าหมายของพลเอกประยุทธ์ หวังเพียงอยู่ในอำนาจ ให้นานที่สุด รวมทั้ง หวังใช้อำนาจเป็นเกราะปกป้องตัวเองและพวกพ้องเท่านั้น ไม่ใส่ใจว่าประชาชนจะเดือดร้อนแค่ไหน ทุกวันนี้มีแต่คนประจบสอพลอ ไปไหนก็มีแต่ผักชีโรยหน้า
“พลเอกประยุทธ์ต้องเลิกแกล้งโง่ การยกขบวนไปเกิดการท่องเที่ยวภายใต้โครงการการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ท่ามกลางการระบาดไวรัสที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ หากมีการติดเชื้อเพิ่มพลเอกประยุทธ์ จะรับผิดชอบอย่างไร เชื่อว่าคนอย่างพลเอกประยุทธ์คงไม่รับผิดชอบ ดีที่สุดคือการจ่ายเศษเงินเยียวยาให้ผู้ประกอบการเท่านั้น คิดได้แค่นี้ก็ไม่ควรจะเป็นผู้นำประเทศอีกต่อไป เพราะในประเทศไทยมีคนที่เก่งกว่าพลเอกประยุทธ์อีกมาก และหากพลเอกประยุทธ์ลาออกเชื่อปัญหาไวรัสโควิดคลี่คลายแน่ ”นายสงครามกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top