Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48205 ที่เกี่ยวข้อง

ตลท. เล็งยกระดับ “Settrade Streaming” เป็นแพลตฟอร์มกลางซื้อขายทุกสินทรัพย์ "หุ้น- คริปโต-ดิจิทัลแอสเสท ฯลฯ" เพิ่มความสะดวกนักลงทุน ลดความซ้ำซ้อน เปิดบัญชี-ส่งออเดอร์ผ่านหลายตลาด ตอบโจทย์นักลงทุนรุ่นใหม่

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในโลกสมัยใหม่นักลงทุนหันมาทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 สะท้อนจากยอดเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่ที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสัดส่วนมูลค่าซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างพัฒนาระบบ Settrade Streaming เพื่อให้สามารถซื้อขายสินทรัพย์การลงทุนได้ทุกประเภท ทั้งหุ้น, สินทรัพย์ลงทุนรูปแบบดิจิทัล (Digital Asset), สกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี), กองทุน, ตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ (DR) สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ฯลฯ ในที่เดียว

“นักลงทุนไม่ควรต้องเปิดบัญชีซ้ำซ้อน หรือซื้อขายสินทรัพย์ลงทุนผ่านตลาดหลายแห่ง เราจึงมุ่งพัฒนาระบบ Settrade เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขาย เพื่อรองรับการลงทุนทั้งสินทรัพย์ลงทุนรูปแบบเดิม (Traditional), Digital Asset รวมถึงคริปโตเคอเรนซี แม้ในอนาคตอันใกล้ตลท. จะยังไม่ถึงขั้นเปิดให้ซื้อขายคริปโตเคอเรนซี แต่เราจะมีช่องทางเชื่อมต่อให้ซื้อขายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนอย่างแน่นอน”

นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์ลงทุนใหม่ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของนักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นใหม่ที่นิยมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะเข้าถึงได้ง่าย ซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง และใช้เงินลงทุนไม่สูง โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนนำหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีศักยภาพแต่มีราคาต่อหุ้นสูง เช่น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือ บมจ.ปตท. (PTT) มาออกเป็น DR เพื่อให้สามารถซื้อขายเศษส่วนของหุ้น (Fractional Shares) ได้ด้วยเงินหลักร้อยบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างทำการสำรวจตลาด (Market Survey) กับบริษัทหลักทรัพย์สมาชิก โดยคาดว่าจะสามารถซื้อขายได้จริงภายในปีนี้

นายภากร กล่าวว่า วานนี้ (24 มิ.ย.) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เข้าร่วมงาน Maybank Kim Eng's Invest ASEAN 2021 ในหัวข้อเสวนา The ASEAN investor : Where are the next opportunities? ร่วมกับผู้บริหารตลาดหุ้นอาเซียนอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ตลาดหุ้นมาเลเซีย ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และตลาดหุ้นสิงคโปร์ ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยในภูมิภาคอาเซียนเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นมากขึ้น โดยตลาดหุ้นไทยพบว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2564 มียอดเปิดบัญชีใหม่สูงถึง 1.03 ล้านบัญชี ทำให้จำนวนบัญชีรวมเพิ่มเป็น 4.54 ล้านบัญชี สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดังนั้นการพัฒนาตลาดทุนในระยะถัดไปจะเน้นอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้ามาซื้อขายได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ผ่านการพัฒนาระบบเปิดบัญชีออนไลน์ที่สามารถยืนยันตัวตนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) เป็นต้น นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือการให้ความรู้เพื่อให้นักลงทุนสามารถลงทุนในตลาดทุนได้อย่างยั่งยืน โดยมองว่าหากนักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างยั่งยืนแล้ว จะส่งผลให้ตลาดทุนไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน และสุดท้ายคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์นักลงทุนมากขึ้นตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น

ในส่วนการสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดหลักสูตรให้ความรู้ (Education) แก่ผู้ประกอบการรายย่อยมาอย่างต่อเนื่อง เพราะมองว่าสตาร์ทอัพและยูนิคอร์นของไทยมีแนวคิดทางธุรกิจที่น่าสนใจ แต่ยังขาดความรู้ทางการเงินที่จะเข้ามาหนุนการเติบโต ตลอดจนการจับคู่ให้บริษัทที่ต้องการระดมทุนและผู้ลงทุนมาเจอกัน (Glooming) และสุดท้ายอยู่ระหว่างสร้างแพลตฟอร์มเพื่อเป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจขนาดเล็ก จากปัจจุบันที่มีแหล่งเงินทุนค่อนข้างจำกัด เช่น ครอบครัว หรือสถาบันการเงิน เป็นต้น

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องความยั่งยืน (ESG) โดยในปี 2563 ที่ผ่านมาได้สนับสนุนให้ บจ.รายงานข้อมูลด้านความยั่งยืนเพิ่มเติมในรายงานที่ต้องส่งให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

 

 

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/945308


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“The Roof Koreans” เมื่อชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ต้องจับปืนป้องกันตัวบนดาดฟ้า จากการจลาจลครั้งใหญ่ใน LA

Roof Koreans หรือที่เรียกว่า Rooftop Koreans เป็นศัพท์สแลงที่หมายถึงเจ้าของธุรกิจชาวเกาหลี-อเมริกันที่ปกป้องอาคารร้านค้าของพวกเขาในระหว่างการจลาจลในนครลอสแองเจลิส ในปี พ.ศ. 2535 ภาพของเจ้าของธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีที่ยืนถืออาวุธปืนอยู่บนหลังคาถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในสื่อต่าง ๆ ทำให้พวกเขาได้กล่าวถึงในความกล้าและห้าวหาญ โดยคนอเมริกันเชื้อสายเกาหลีพร้อมอาวุธปืนขึ้นไปตั้งหลักบนหลังคาดาดฟ้าอาคารที่พวกตนประกอบธุรกิจอยู่ เพื่อป้องกันอาคารร้านค้าตลอดจนทรัพย์สินให้พ้นจากการปล้นโดยผู้ก่อการจลาจล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน และชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสปานิก จากเหตุการณ์จลาจลกรณีตำรวจผิวขาวของกรมตำรวจแห่งนครลอสแองเจิลลิส (LAPD) 4 นายรุมทุบตี Rodney King ชายผิวสี และมีการการจลาจลในนครลอสแอนเจลิส ในปี พ.ศ. 2535 อันเป็นการก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่เทศมณฑลลอสแอนเจลิส ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2535 

โดยความไม่สงบเริ่มขึ้นในวันที่ 29 เมษายน เมื่อมีคำพิพากษาให้ตำรวจ 4 นายพ้นผิดจากข้อหากระทำการเกินกว่าเหตุและทำร้ายร่างกายขณะจับกุม Rodney King ชายผิวสีที่ก่อเหตุเมาแล้วขับ การจลาจลดำเนินอยู่ 6 วันก่อนจะจบลงในวันที่ 4 พฤษภาคม มีผู้เสียชีวิต 63 คน ทรัพย์สินเสียหายคิดเป็นมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ (มูลค่าในขณะนั้น)

ภาพเหตุการณ์ที่ตำรวจผิวขาวของ Los Angeles Police Department (LAPD) 4 นายรุมทุบตี Rodney King ชายผิวสี จนทำให้เกิดการการจลาจลในนครลอสแอนเจลิส ในปี พ.ศ. 2535

Latasha Harlins (ซ้าย) เด็กสาวผิวสีวัย 15 ปี เสียชีวิตหลังจากถูก Soon Ja Du (ขวา) ยิง

การจลาจลในลอสแอนเจลิส ปี พ.ศ. 2535 เป็นผลพวงมาจากหลายสาเหตุ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2534 ความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันกับชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเพิ่มสูงขึ้นเมื่อ Soon Ja Du เจ้าของร้านค้าผู้มีเชื้อสายเกาหลียิง Latasha Harlins เด็กสาวผิวสีวัย 15 ปีจนเสียชีวิตหลัง Soon Ja Du กล่าวหาว่า Harlins พยายามขโมยของในร้าน เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2534 คณะลูกขุนมีความเห็นให้ดูมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา (Voluntary manslaughter) มีโทษสูงสุดคือจำคุก 16 ปี แต่จอยซ์ คาร์ลิน ผู้พิพากษาตัดสินให้ Soon Ja Du ถูกคุมประพฤติ 5 ปี บำเพ็ญงานสาธารณประโยชน์ 400 ชั่วโมง และปรับ 500 ดอลลาร์สหรัฐ

ในเดือนเดียวกันกับที่ Soon Ja Du ก่อเหตุ Rodney King และเพื่อนอีก 2 คนถูกตำรวจจับกุมจากหลังเมาแล้วขับและพยายามหลบหนีการจับกุม King และเพื่อนถูกตำรวจรุมทำร้ายระหว่างการจับกุม ซึ่งมีผู้บันทึกวิดีโอเหตุการณ์ไว้ได้แล้วส่งไปให้สำนักข่าวท้องถิ่น KTLA เดือนเมษายน พ.ศ. 2535 หลังอัยการเขตเทศมณฑลลอสแอนเจลิสตั้งข้อหาตำรวจ 4 นายว่ากระทำการเกินกว่าเหตุและใช้กำลังประทุษร้าย คณะลูกขุนที่ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันผิวขาวมีความเห็นให้ตำรวจทั้ง 4 นายไม่มีความผิด หลังจากตีความเหตุการณ์ในวิดีโอว่า King พยายามขัดขืนการจับกุม

ตำรวจ 4 นายที่ร่วมกันทำร้าย King โดย 2 นายได้รับโทษจำคุก 30 เดือน ฐานละเมิดสิทธิพลเมือง ส่วนอีก 2 นายถูกไล่ออกจากกรมตำรวจลอสแอนเจลิส

หลังมีคำพิพากษาในวันที่ 29 เมษายน จึงเกิดการชุมนุมที่หน้ากรมตำรวจลอสแอนเจลิส และชาวผิวสีบางกลุ่มที่โกรธแค้นเริ่มไล่ทำร้ายชาวอเมริกันผิวขาวในนครลอสแอนเจลิสโซนใต้ ก่อนที่วันต่อมามีการประกาศเคอร์ฟิว และความรุนแรงแผ่ขยายไปเป็นการวางเพลิงและปล้นทรัพย์ในนครลอสแอนเจลิสโซนกลาง รวมถึงการปะทะกันระหว่างชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันกับชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเมื่อมีผู้ก่อการจลาจลบุก Korea Town 

วันที่ 1 พฤษภาคม Rodney King เรียกร้องให้มีการยุติการจลาจล มีการเคลื่อนกำลังทหารจากรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐบาลกลางรวมกว่า 10,000 นาย เข้ามาในเมือง วันที่ 4 ของการจลาจล (2 พฤษภาคม) มีการเพิ่มกำลังเสริมรวมเป็น 13,500 นาย ทำให้ลอสแอนเจลิสกลายเป็นเมืองที่ถูกกองประจำการสหรัฐยึดครองมากที่สุดนับตั้งแต่การจลาจลในวอชิงตัน ดี.ซี. พ.ศ. 2511 การจลาจลจบลงในวันที่ 4 พฤษภาคม เมื่อกองกำลังรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และมีการยกเลิกเคอร์ฟิว แต่ให้คงกำลังทหารไว้จนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม

หลังเหตุการณ์สงบ มีผู้เสียชีวิต 63 คน บาดเจ็บ 2,383 คน และถูกจับกุม 12,111 คน อาคารบ้านเรือนถูกเผาทำลายกว่า 3,767 แห่ง กรมตำรวจลอสแอนเจลิสถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาทในการควบคุมและจัดการสถานการณ์ที่ผิดพลาด จน แดริล เกตส์ ผู้บัญชาการของกรมตำรวจลอสแอนเจลิสต้องประกาศลาออก ส่วนคดี Rodney King ได้รับการพิจารณาใหม่ในปี พ.ศ. 2536 นำไปสู่การตัดสินโทษตำรวจ 4 นายที่ร่วมกันทำร้าย King โดย 2 นายได้รับโทษจำคุก 30 เดือนฐานละเมิดสิทธิพลเมือง ส่วนอีก 2 นายถูกไล่ออกจากกรมตำรวจลอสแอนเจลิส ส่วน King ได้รับเงินชดเชย 3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Korea Town นครลอสแอนเจลิส

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิด The Roof Koreans (The Rooftop Koreans) ด้วยนครลอสแอนเจลิสเป็นที่พำนักอาศัยของชาวเกาหลีกว่า 300,000 คน เป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ของผู้อพยพชาวเกาหลี หลายคนมาถึงในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 เมื่อสภาพทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในขณะนั้นมีความแตกต่างอย่างมากกับเกาหลีใต้ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากขาดโอกาสในการทำงานและเงินทุนที่จำกัด ชาวเกาหลีจำนวนมากจึงซื้อร้านค้าในพื้นที่ของคนผิวสีเป็นส่วนใหญ่ มักจะมาจากเจ้าของสีขาวย้ายออก นอกจากนี้ราคาค่าเช่าในพื้นที่เหล่านี้ยังถูกมากจนสามารถที่จะเปิดทำธุรกิจได้ด้วยเงินทุนไม่มากนัก

นครลอสแอนเจลิสกลายเป็นอนาธิปไตยอย่างรวดเร็ว มีทั้ง การลอบวางเพลิง การฆาตกรรม และการอาละวาดปล้นสะดม ตำรวจนครลอสแอนเจลิสละทิ้งย่าน Korea Town ตลาดแคลิฟอร์เนีย นครลอสแอนเจลิส ในระหว่างการจลาจลในปี 1992

เมื่อเกิดการประท้วงในเรื่องของการพ้นผิดของตำรวจที่รุมทำร้าย Rodney King นครลอสแอนเจลิสกลายเป็นอนาธิปไตยอย่างรวดเร็ว มีทั้งการลอบวางเพลิง การฆาตกรรม และการอาละวาดปล้นสะดม ความตึงเครียดทางชาติพันธุ์เริ่มก่อตัวขึ้นในชุมชนเกาหลี ชาวเกาหลีจำนวนมากถูกทำร้ายจนบาดเจ็บตายล้มตายระหว่างการปล้นตามร้านค้าต่าง ๆ และการจลาจลในนครลอสแอนเจลิสเริ่มเลวร้ายลง ชาวเกาหลีรู้แล้วว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรบางอย่าง สถานีวิทยุเกาหลีในนครลอสแอนเจลิสเริ่มเรียกร้องให้อาสาสมัครชาวเกาหลีออกมาช่วยเจ้าของธุรกิจชาวเกาหลี ซึ่งไม่นานก็นำไปสู่กลุ่มอาสาสมัครที่บรรทุกทุกอย่างตั้งแต่อาวุธทำเองไปจนถึงปืนเล็กยาวจู่โจม ในช่วงเริ่มต้นของการจลาจล กรมตำรวจลอสแอนเจลิสได้รับคำร้องเรียนจากเจ้าของธุรกิจชาวเกาหลี โดยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใด ๆ และตำรวจส่วนใหญ่ล่าถอยออกจากทุกเรื่องเมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ เลวร้ายลงเรื่อย ๆ และเมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้น ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เจ้าของธุรกิจชาวเกาหลีที่ถูกปิดล้อมจะได้เห็นการบังคับใช้กฎหมายทุกรูปแบบ พวกเขาจึงเริ่มมาตรการปกป้องตนเอง ดังนั้นเรื่องของ The Roof Koreans จึงถือกำเนิดขึ้น

หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดของหลังคาของชาวเกาหลีอยู่ที่ย่าน Korea Town ตลาดแคลิฟอร์เนียในนครลอสแอนเจลิส นักธุรกิจเจ้าของร้าน เสริมความแข็งแกร่งให้อาคารร้านค้าของเขา ด้วยการติดอาวุธปืนให้พนักงานครบทั้ง 20 คนผูกผ้าคาดหัวแบบเกาหลี ภาพลักษณ์นี้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของ The Roof Koreans

Chang Lee ชาวเกาหลี-อเมริกัน กำปืนและตะโกนใส่ผู้ลักขโมยข้าวของจากดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าเล็ก ๆ ที่เขายืนอยู่ ชายวัย 35 ปีคนนี้ไม่เคยถือปืนมาก่อนการจลาจลในนครลอสแอนเจลิส Lee ได้กลิ่นไฟที่ลุกโชนในย่าน Korea Town ของนครลอสแอนเจลิส "ตำรวจอยู่ที่ไหน ตำรวจอยู่ที่ไหน" Lee กระซิบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากหลังคาร้านของเขา Lee จะไม่เห็นการบังคับใช้กฎหมายเป็นเวลาสามวัน มีเพียงเพื่อนชาวเกาหลี-อเมริกันเท่านั้นที่ถูกสำนักข่าวถ่ายภาพไว้ ซึ่งดูเหมือนทหารที่ติดอาวุธดูราวกับเป็นสงครามกองโจรบนท้องถนน วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2535 เมืองแห่งทูตสวรรค์ได้ถูกโหมกระหน่ำด้วยการปล้นสะดม เป็นวันที่สองของการโจมตีด้วยอาวุธและการลอบวางเพลิง ภายหลังการพ้นผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจของกรมตรวจนครลอสแอนเจลิสผิวขาวสี่นาย เนื่องจากใช้ความรุนแรงด้วยการทุบตี Rodney King ระหว่างการจับกุม

เพื่อนบ้านของ Chang Lee ออกมาช่วยเขาทำความสะอาดหลังจากที่ปั๊มน้ำมันของเขาถูกไฟไหม้

การจลาจลที่กินเวลานานเกือบสัปดาห์และคร่าชีวิตผู้คนไป 63 คน บาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน และสร้างความเสียหายประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งเป็นธุรกิจที่ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเป็นเจ้าของ ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมที่คุกรุ่นมายาวนานระหว่างเจ้าของธุรกิจชาวอเมริกัน-เกาหลีผู้อพยพและลูกค้าชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่มีอำนาจเหนือกว่า คำตัดสินของ Rodney King และการจลาจลที่ตามมามักถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับการบังคับใช้กฎหมายและชุมชนชาวแอฟริกัน-อเมริกัน Edward Taehan Chang ศาสตราจารย์ด้านชาติพันธุ์ศึกษา และผู้ก่อตั้ง Young Oak Kim Center for Korean American Studies แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ กล่าวว่า งานดังกล่าวยังเป็นงานสมัยใหม่ที่สำคัญที่สุดเพียงงานเดียวสำหรับชาวเกาหลี-อเมริกัน “แม้ว่าพ่อค้าชาวเกาหลี-อเมริกันจะตกเป็นเหยื่อ แต่ไม่มีใครได้รับการดูแล เพราะขาดทั้งการมองเห็นและอำนาจทางการเมืองของเรา” Chang กล่าว “ผู้อพยพชาวเกาหลีจำนวนมากที่มาถึงในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 80 ได้เรียนรู้ความสำเร็จทางเศรษฐกิจเพียงลำพัง แต่จะไม่รับประกันตำแหน่งของพวกเขาในสังคมอเมริกัน เมื่ออะไรเริ่มเปลี่ยนไป อัตตลักษณ์ของเกาหลี-อเมริกันจึงถือกำเนิดขึ้น” และ “การจลาจลแอลเอคราวนั้น กลายเป็นเสียงปลุกอย่างโหด ๆ ให้ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีตื่นจากการหลับใหลและตื่นตัวขึ้นจากการนิ่งเฉยรอ

Richard Rhee เจ้าของร้านถือปืนพกและพกโทรศัพท์มือถือ ยืนเฝ้าระวังบนหลังคาร้านขายของชำของเขาในย่าน Korea Town ของนครลอสแองเจลิสเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2535

การจลาจลทำให้ย่าน Korea Town ตกเป็นเป้าของถูกทั้งเหล่าพวกแก๊งอันธพาลและพวกก่อการจลาจลในนครลอสแองเจลิสเล็งเอาไว้อย่างเจาะจง ด้วยหวังจะเข้าปล้นชิงฉกฉวยหาประโยชน์ระหว่างที่เกิดความวุ่นวายโกลาหล ในสภาพที่เวลานั้นทั้งกรมตำรวจนครลอสแองเจลิส (Los Angeles Police Department : LAPD) และทหารกองกำลังพิทักษ์ชาติต่างปฏิบัติภาระหน้าที่กันจนสุดกำลังอยู่แล้ว ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเหล่านี้ซึ่งถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ต้องหาทางป้องกันพวกเขากันเอง พวกเขาจึงใช้สิทธิของพวกเขาตามที่ระบุเอาไว้ในบทแก้ไขที่ 2 (Second Amendment) ของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ด้วยการจัดตั้งกองกำลังอาสาสมัคร (Militia) ขึ้นมา โดยจัดวางกำลังคนติดอาวุธเข้ายึดที่มั่นเพื่อการป้องกันตัวตามยอดตึกดาดฟ้าหลังคาอาคาร ตลอดจนบริเวณรอบ ๆ อาคารห้างร้านอันเป็นที่ตั้งธุรกิจทั้งหลายของพวกเขา และได้สมญานามว่า “Roof Koreans” (ชาวเกาหลีบนดาดฟ้า/หลังคา/ยอดตึก)

ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลียืนหยัดรักษาที่มั่น ณ ลานดาดฟ้าบนตึกของพวกเขาเอาไว้ และเริ่มต้นยิงตอบโต้กลับไปในทันทีที่พวกแก๊งอันธพาลและพวกก่อจลาจลเริ่มบุกเข้ามาปล้นชิงข้าวของ

พลเมืองในพื้นที่ 150 ช่วงตึกของ Korea Town แม้จะถูกปล่อยทิ้งโดยกรมตำรวจนครลอสแองเจลิส (Los Angeles Police Department : LAPD) และทหารกองกำลังพิทักษ์ชาติ ซึ่งพวกเขาได้รับแจ้งให้ขนข้าวของต่าง ๆ และอพยพออกจากพื้นที่ไปเสีย และผู้อพยพจำนวนมากซึ่งหลบหนีจากไปภายหลังก็พบว่า ธุรกิจของพวกเขาถูกเผาจบราบเรียบไปเสียแล้ว แต่ยังมีชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีอื่น ๆ ที่ปฏิเสธไม่ยอมตกเป็นเหยื่อรับเคราะห์ และตัดสินใจที่จะอยู่จับอาวุธขึ้นมาปกป้องทรัพย์สินของพวกเขา และ “ปกป้องและรับใช้” กันและกันภายในชุมชนของพวกเขา ถึงแม้มีจำนวนน้อยกว่าพวกก่อจลาจลที่ติดอาวุธ ซึ่งพยายามเข้าปล้นชิงข้าวของจากธุรกิจต่าง ๆ ของ Korea Town แต่ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเหล่านี้ก็ยังคงยืนหยัดรักษาที่มั่น และลานดาดฟ้าบนตึกของพวกเขาเอาไว้ และเริ่มต้นยิงตอบโต้กลับไป ในทันทีที่พวกแก๊งอันธพาลและพวกก่อจลาจลเริ่มบุกเข้ามาปล้นชิงข้าวของสมาชิกของ Roof Koreans ก็เริ่มต้นยิงปืนใส่ทันที

ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลียืนหยัดรักษาที่มั่นบนตึกของพวกเขาเอาไว้ จนกลายเป็นตำนาน Roof Koreans

ชายอเมริกันเชื้อสายเกาหลีสมาชิกของ Korea Town เหล่านี้จำนวนมากทีเดียวเคยเป็นทหารผ่านศึกที่ประจำการอยู่ในกองทัพสหรัฐฯ หรือไม่ก็เป็นอดีตทหารเกณฑ์ในกองทัพเกาหลีใต้ ทั้งนี้เกาหลีใต้กำหนดให้ชายทุกคนต้องรับราชการเป็นทหารเป็นเวลา 2 ปี รวมทั้งชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีด้วย ด้วยสภาวะขาดแคลนกำลังคน อาวุธปืนที่ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีเหล่านี้มีอยู่ในครอบครองมีทั้งพวกปืนเล็กยาวในรูปลักษณ์แบบปืนเล็กยาวแบบ AK-pattern, ปืนพก Glock 17, ปืนเล็กยาว Ruger Mini-14, ปืนเล็กสั้นแบบ SKS carbines, ปืนเล็กยาว AR-15, ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ TEC-9, ปืนพกกึ่งอัตโนมัติแบบปืนกลมือ Uzi-pattern, ปืนลูกซอง Remington 870, ปืนเล็กยาวแบบ Bolt-action, ปืนพกนานาชนิด, และปืนเล็กสั้นกึ่งอัตโนมัติแบบ Daewoo K-1 ซึ่งเป็นอาวุธปืนประจำกายของทหารเกาหลีใต้ในสมัยนั้น

Charles Whitman มือปืนชาวอเมริกันที่เป็นฆาตกรสังหารหมู่ 18 ศพ (รวมทั้งตัว Whitman เอง) ซึ่งได้รับฉายาอันไม่น่าอภิรมย์ว่า “นักฆ่าแห่งตึกสูงของเท็กซัส” (Texas Tower Sniper)

ถึงแม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า พวกชาวบ้านซึ่งเป็นอเมริกันเชื้อสายเกาหลีของ Korea Town ถูกทอดทิ้ง โดยตำรวจของกรมตำรวจนครลอสแองเจลิสที่ทำตัวเหนียมราวกับลูกแกะเชื่อง ๆ แต่สื่อมวลชนกลับเสนอข่าวเกี่ยวกับกองกำลัง Roof Koreans ในเชิงวิพากษ์โจมตี โดยการกระทำของพวกเขาถูกระบุว่าเป็น “การก่อกวนความสงบเรียบร้อย” รวมทั้ง Roof Koreans ยังถูกนำไปเปรียบเทียบกับ Charles Whitman มือปืนชาวอเมริกันที่เป็นฆาตกรสังหารหมู่ซึ่งได้รับฉายาอันไม่น่าอภิรมย์ว่า “นักฆ่าแห่งตึกสูงของเท็กซัส” (Texas Tower Sniper) แต่ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้ก็คือ เมื่อในที่สุดกำลังตำรวจของ กรมตำรวจนครลอสแองเจลิสกลับเข้ามาหลังจากเรื่องราวต่าง ๆ สงบเงียบเรียบร้อยลงแล้ว ตำรวจได้จับกุมคุมขังสมาชิก Roof Koreans เอาไว้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยึดอาวุธปืนต่าง ๆ ของพวกเขาไปด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากยังคงยกย่องชมเชยสมาชิก Roof Koreans ในเรื่องความกล้าหาญและความยืดหยุ่นในระหว่างที่เกิดการจลาจลโกลาหลอลหม่านครั้งนั้น และภาพของกลุ่มชายถืออาวุธบนดาดฟ้ายอดอาคารห้างร้านต่าง ๆ ก็กลายเป็นภาพหนึ่งที่ได้รับการเชิดชูให้เป็น ICON อย่างถาวรของการจลาจลในนครลอสแองเจลิส ปี พ.ศ. 2535 และ Roof Koreans ยังคงเป็นที่รู้จักจดจำในคนรุ่นต่อ ๆ มา ทั้งถูกนำไปใช้ผลิตเป็นสินค้าที่ระลึกมากมาย

Roof Koreans ยังคงเป็นที่รู้จักจดจำในคนรุ่นต่อ ๆ มา ทั้งถูกนำไปใช้ผลิตเป็นสินค้าที่ระลึกมากมาย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อำเภอแม่ลาน้อย บูรณาการกำลัง สภ.แม่ลาหลวง จับกุมผู้ต้องหาชาย ตัดตอนเครือข่ายรายย่อย พร้อมของกลางยาบ้า 83 เม็ด และฝิ่น

ดร.ชูชาติ คำมา นายอำเภอแม่ลาน้อย และ นายล้อมเดช ยาใจ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มบริหารงานบริหารงานปกครอง มอบหมายให้ นายวัชรพงศ์ จันทิมา ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่ลาน้อยที่ 5 จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ บูรณาการร่วมกับ สภ.แม่ลาหลวง ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย ในพื้นที่ ตำบลขุนแม่ลา อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 

เพื่อเป็นการตัดตอนเครือข่ายยาบ้าในพื้นที่ชุมชน ซึ่งจากการตรวจค้น พบผู้ต้องหาชาย 1 ราย พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 83 เม็ด, ฝิ่นดิบจำนวน 714.50 กรัม และ อุปกรณ์การเสพ ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อหาและนำตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาหลวง เพื่อดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

หมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos) ดินแดนสัตว์หายากที่ต้องมาเยือนสักครั้ง

กาลาปากอสเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวที่ต้องจ่ายแพงกว่าปกติ ค่าที่ขึ้นชื่อระดับโลกเรื่องสัตว์แปลก ๆ รวมถึงความงดงามมหัศจรรย์ของภูมิทัศน์ ผนวกเข้ากับเรื่องราวของ ชาลส์ ดาร์วิน ผู้เคยร่วมโดยสารเรือหลวงอังกฤษเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว เขาได้ผ่านไปเยือนหมู่เกาะแห่งแปซิฟิกซึ่งห่างจากฝั่งราวพันกิโลเมตรเหล่านี้ แล้วเขียนหนังสือท้าทายความเชื่อของคริสตศาสนจักรว่าด้วยทฤษฎีวิวัฒนาการ นี่ยิ่งกระพือความอยากของใครต่อใครให้ไปเยือนกาลาปากอส

คนมีเงินเป็นถุงเป็นถังคงไม่กระไร แต่สำหรับผมผู้ซึ่งเป็นนักเดินทางทุนต่ำจำเป็นต้องคิดแล้วคิดอีกหลายตลบกว่าจะตัดสินใจจัดทริปนี้ให้กับตัวเอง เริ่มตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน ซึ่งคนต่างชาติต้องจ่ายแพงกว่าคนเอกวาดอร์ราวสองเท่า ไหนจะค่าเข้าเขตพิเศษ ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ ค่าที่พักอาหารและจิปาถะต่าง ๆ ระหว่างที่อยู่บนเกาะ รวม ๆ แล้วเพียงสิบวันผมต้องควักเงินจ่ายไปเท่ากับค่าใช้จ่ายในการเดินทางปกติสองเดือน ถือว่าโหดมาก

ผมตั้งต้นที่เมืองวายากิล ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศเอกวาดอร์ (หรือจะขึ้นเครื่องที่สนามบินเมืองหลวงกีโตก็ได้เช่นกัน) เครื่องบินเทคออฟจากรันเวย์ ใช้เวลาราวชั่วโมงก็ลดระดับความสูงลงเพื่อจะร่อนลงรันเวย์ของสนามบินเซย์มอร์บนเกาะบัลตราอันเป็นหน้าด่านแรก น้ำทะเลสีครามน้ำเงินปรากฎขึ้น เห็นผืนแผ่นดินสีน้ำตาลเห็นจากมุมสูงก็รู้ทันทีว่านั่นต้องเป็นหมู่เกาะกาลาปากอสแน่นอน ผู้โดยสารส่วนใหญ่ออกอาการตื่นเต้นกันอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเครื่องจอดสนิทแล้วผู้คนก็ออกมาสู่อาคารผู้โดยสาร เดินตาม ๆ กันไป เจ้าหน้าที่ประทับตราการเข้าสู่เกาะลงในพาสปอร์ตเสร็จก็ไปขึ้นรถบัสซึ่งอยู่ด้านนอกอาคาร นักท่องเที่ยวบางส่วนที่มากับทัวร์ก็มีไกด์คอยอำนวยความสะดวกให้ ส่วนคนที่มาเองก็ต้องช่วยเหลือตัวเองเพื่อจะไปยังเกาะซานตาครูซ รถบัสพามาถึงท่าเรือ เกาะบัลตราและซานตาครูซอยู่ใกล้กันมาก นั่งเรือเล็กไม่ถึงห้านาทีก็ข้ามมาอีกฝั่งแล้ว จากนั้นก็ต้องนั่งรถบัสอีกหนึ่งต่อเพื่อไปยังปวยร์โตอโยราอันเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเกาะ 

เนื่องจากผมไม่ได้จองที่พักล่วงหน้า จึงต้องใช้เวลาเดินหาเกสต์เฮาส์ที่ราคาไม่โหดเกินไปนัก เสียเวลาราวสองชั่วโมงก็ได้ห้องเดี่ยวในราคา 15 เหรียญต่อวัน (ประเทศเอกวาดอร์ใช้เงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐ) อาจจะถูกสุดในเมืองแล้ว ภารกิจต่อไปคือการหาร้านเช่าจักรยาน เมืองนี้เล็กเท่าปาย เดินเที่ยวก็ได้ แต่จะสะดวกกว่าหากอยากออกนอกเมืองไปยังจุดท่องเที่ยวอื่น ๆ เสร็จจากการเช่าจักรยานก็มาจัดการเรื่องปากท้องบ้าง ร้านอาหารทั้งหลายเน้นขายนักท่องเที่ยว ซึ่งราคาแพงกว่า วิธีลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็คือการจับจ่ายในร้านชำหรือซูเปอร์มาร์เก็ตหรือกินอาหารที่ตลาดสดแทน

ตัวเมืองปวยร์โตอโยราไม่ได้ต่างจากเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ในแง่ที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร บริษัททัวร์ และอะไรต่อมิอะไรพรักพร้อมรองรับคนจับจ่ายซื้อหาในสิ่งที่ตนต้องการ แต่สิ่งที่แตกต่าง ก็คือสัตว์เชื่อง ๆ ทั้งหลายที่ไม่ค่อยกลัวมนุษย์ บริเวณตลาดปลามีแมวน้ำกระดึ๊บตามแม่ค้าต้อย ๆ ชายชาวประมงต่างทำการแล่ปลาบนเรือเล็กก็มีนกพิลิแกนมะรุมมะตุ้มอ้าปากกว้างคอยรับเศษอาหาร นกหน้าตาประหลาดก็บินเล่นแถวนั้น ตามโขดหินมีปูแดงขี้ตกใจมากมาย นกฟินช์ตัวเล็กเท่านกกระจอกก็เชื่องมากพอที่จะเข้าไปใกล้เพื่อทักทายและถ่ายรูปพวกเขา ในวันแดดดีเจ้าอิกัวน่าทะเลทั้งหลายต่างพากันขึ้นมาผึ่งแดด พวกมันชื่นชอบการดำน้ำและเป็นนักดำน้ำที่เก่งกาจ เมื่อขึ้นฝั่งมาอาบแดดก็พ่นน้ำออกทางจมูก หน้าตาพวกมันคล้ายกับก๊อตซิลล่ามาก พื้นที่บนหาดเล็กใกล้ท่าเรืออีกแห่งก็มีสิงโตทะเลพากันนอนขี้เกียจขึ้นอืดอย่างไม่แคร์สายตานักท่องเที่ยว เข้าใกล้มากอาจจะโดนขู่บ้าง แต่พวกมันก็ไม่น่าเข้าใกล้เท่าไหร่เพราะกลิ่นตัวแรงมาก เวลาบ่ายแก่ เด็ก ๆ ชาวเกาะพากันปั่นจักรยานมาท่าน้ำเพื่อกระโดดน้ำเล่น

ในระยะเดินทอดน่องสามารถไปเที่ยวสถานีวิจัยดาร์วิน เป็นสถานที่เรียนรู้ระบบนิเวศกาลาปากอส รวมถึงการพยายามสอดแทรกจิตสำนึกด้านการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอันทรงคุณค่าทว่าเปราะบางเหล่านี้ เมื่อเข้าไปในศูนย์ จะมีฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ นักท่องเที่ยวเดินเป็นวงกลม นับว่าเป็นห้องเรียนที่ดีเยี่ยมทั้งสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก ๆ ด้วย นอกจากสิ่งที่จัดแสดงแล้ว ทางศูนย์ยังทำงานวิจัยหลายอย่างด้วย เช่นการขยายพันธุ์เต่าบกยักษ์ เป็นต้น

อีกด้านของปวยร์โตอโยรามีหาดตอร์ตูกาทรายขาวน้ำใส เหมาะสำหรับเดินเล่น อาบแดด ว่ายน้ำ และพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนอิกัวน่าทะเลจะมีปริมาณมากกว่านักท่องเที่ยวเสียอีก นกบู๊บบี้ตีนฟ้าน่าจะเป็นอีกไฮไลต์ พวกมันก็เชื่องมากเช่นกัน ท้ายหาดมีเวิ้งอ่าว นักท่องเที่ยวบางส่วนเช่าคายักพายเล่นกัน บ้างหลบใต้ต้นไม้นอนอ่านหนังสือ คนที่มากันเป็นครอบครัวก็จัดปิกนิคกัน สังเกตว่าไม่มีขยะเกลื่อน น่าจะเพราะทุกคนรู้ว่าจะต้องช่วยกันอนุรักษ์เพื่อให้ความงดงามคงอยู่นานเท่านาน

ยังมีอีกหาดทรายงามซึ่งอยู่ห่างจากย่านชุมชนค่อนข้างมาก คือการ์ราปาเตโร นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้วิธีเช่าแท็กซี่ให้ไปส่ง แต่ผมปั่นจักรยานไป ระหว่างทางผ่านบ้านเรือนเรือกสวน กาลาปากอสมีประชากรอยู่ราวสามหมื่นคน ประกอบอาชีพเกษตรและด้านการท่องเที่ยว เมื่อปั่นผ่านหมู่บ้านเบยาวิสตา รู้ว่ามีถ้ำลาวาจึงแวะชมเสียหน่อย ผมไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา จึงไปแค่ให้ได้เห็นและเป็นประสบการณ์เท่านั้น ออกจากถ้ำก็ปั่นต่อไปจนถึงหาดการ์ราปาเตโร ซึ่งพบว่าสงบเงียบมาก ทางเดินลงสู่หาดสร้างไว้เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวออกนอกเส้นทาง ลมพักโบกโกรกเย็นเกือบหนาวในวันที่เมฆห่มคลุมท้องฟ้า บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้ชวนให้ลงไปแหวกว่ายเล่นน้ำ แต่เหมาะสำหรับเดินทอดน่องเล่นตามชายหาด โดยมีเจ้านกนางนวลโฉบดิ่งลงสู่ทะเลเพื่อจับปลาเป็นอาหาร เป็นภาพเพลินตาเพลินใจดี ความพิเศษของหาดโดดเดี่ยวแห่งนี้ คือสามารถพักแรมได้ โดยจะต้องนำเต็นท์มากางนอนได้ในจุดที่บริการไว้ให้ เสียดายที่ผมไม่ได้นำเต็นท์มาด้วย เพราะก่อนมาที่นี่หาข้อมูลเรื่องแคมป์ปิ้งจากอินเตอร์เน็ตไม่ได้เลย

ไฮไลท์ตื่นตาตื่นใจอีกแห่งบนเกาะซานตาครูซคือศูนย์อนุรักษ์เต่าบกยักษ์เอลชาโต นี่ก็ต้องอาศัยแรงขาในการปั่นจักรยานไป เพราะอยู่ห่างจากตัวเมืองร่วมสิบกิโลเมตร ดีที่การจราจรบนเกาะไม่คับคั่ง จึงปั่นช้า ๆ อย่างเพลิดเพลินทั้งไปและกลับ นักท่องเที่ยวต้องเปลี่ยนใส่รองเท้าบู๊ตเมื่อจะเข้าไปในศูนย์ และต้องเว้นระยะห่าง ไม่เข้าไปใกล้เต่ายักษ์ทั้งหลายมากจนเกินไป จากข้อมูลบอกว่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อนยังมีประชากรเต่าบกยักษ์นับแสน ปัจจุบันลดจำนวนลงไปมาก สาเหตุหนึ่งคือฝีมือการล่าของมนุษย์นั่นเอง 

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยและเป็นเหตุผลหลักอย่างหนึ่งของการลงทุนมาเยือนกาลาปากอส ก็คือกาแฟ ซึ่งนับเป็นพืชเศรษฐกิจอย่างหนึ่งของที่นี่ การได้มาเยือนเพื่อเรียนรู้เข้าใจเกี่ยวกับกาแฟมากขึ้นจึงมีความหมายกับผมมากทีเดียว ผมใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งไปกับการสืบเสาะแหล่งปลูกกาแฟ พูดคุยกับทั้งบาริสต้าและเจ้าของโรงคั่ว ชิมรสชาติกาแฟที่ปลูกในพื้นที่แล้วเปรียบเทียบกับกาแฟที่มาจากแหล่งอื่น ๆ สำหรับผม ถ้ากาลาปากอสไม่มีสัตว์ประหลาด แต่มีแค่กาแฟแล้วผมมาเยือนที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวผมก็เห็นว่าคุ้มค่ามากแล้ว 

ขึ้นชื่อว่าหมู่เกาะย่อมไม่ได้มีแค่ซานตาครูซ แต่ยังมีเกาะน้อยใหญ่กระจุกกันอยู่อีกนับสิบ แต่ผมไม่มีโอกาสไปเยือน แค่สิบวันกระเป๋าสะตังก็จะฉีกอยู่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ ก็นับว่าคุ้มค่ามาก เพราะไม่แน่ใจว่าชีวิตนี้จะยังมีโอกาสได้กลับมาเยือนเกาะห่างไกลในมหาสมุทรแปซิฟิกนี้อีกหรือไม่ 


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กอ.รมน.สตูล นำกำลังเข้าตรวจยึดป่าชายเลนคืน กว่า 14-0-88 ไร่

วันนี้ 25 มิถุนายน 2564 กอ.รมน.จังหวัด ส.ต.ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 ,เจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดสตูล สทช.7 , เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัด ส.ต,เจ้าหน้าที่กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, หน่วยปฏิบัติการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้สนธิกำลังเข้าปฏิบัติการ “เพิ่มและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน” (ทวงคืนพื้นที่ป่าชายเลน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564

ในเขตป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี ตรวจยึดพื้นที่ จำนวน 2 แปลง คือ แปลงที่ 1 ท้องที่บ้านป่าฝาง หมู่ที่ 9 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล เนื้อที่ 6-0-92 ไร่ และแปลงที่ 2 ท้องที่บ้านป่าฝาง หมู่ที่ 9 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล เนื้อที่ 7-3-96 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 14-0-88 ไร่ โดยในการนี้ ได้มอบเรื่องราวให้นายจรงค์  คงระวะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดสตูล รับไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรละงู เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top