Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

การบินไทย ประกาศ 5 เที่ยวบินตรงรับภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์

นายนนท์ กลินทะ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเดือน ก.ค.-ก.ย.64 บริษัทฯ ได้จัด 5 เที่ยวบินตรงสู่ภูเก็ตจาก 5 เมืองในยุโรป ได้แก่ โคเปนเฮเกน แฟรงก์เฟิร์ต ปารีส ลอนดอน และซูริก เพื่อให้เป็นไปตามแผนการกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้โมเดล “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sandbox) ที่เปิดประเทศเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตแบบไม่ต้องกักตัว 

สำหรับรายละเอียดของ 5 เที่ยวบิน ประกอบด้วย

1.) เที่ยวบินที่ทำการบินทุกวันศุกร์ เริ่มเที่ยวบินแรก ในวันที่ 2 ก.ค.64 ได้แก่ เที่ยวบินที่ ทีจี 953 เส้นทาง โคเปนเฮเกน-ภูเก็ต ออกเดินทางจากโคเปนเฮเกน เวลา 14.25 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงภูเก็ต เวลา 06.25 น. ในวันถัดไป, เที่ยวบินที่ ทีจี 923 เส้นทาง แฟรงก์เฟิร์ต-ภูเก็ต ออกเดินทางจากแฟรงก์เฟิร์ต เวลา 14.45 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงภูเก็ต เวลา 07.10 น. ในวันถัดไป และเที่ยวบินที่ ทีจี 933 เส้นทาง ปารีส-ภูเก็ต ออกเดินทางจากปารีส เวลา 15.50 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงภูเก็ต เวลา 08.00 น. ในวันถัดไป 

2.) เที่ยวบินที่ทำการบินทุกวันเสาร์ เริ่มเที่ยวบินแรก ในวันที่ 3 ก.ค.64 ได้แก่ เที่ยวบินที่ ทีจี 917 เส้นทาง ลอนดอน-ภูเก็ต ออกเดินทางจากลอนดอน เวลา 12.30 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงภูเก็ต เวลา 06.10 น. ในวันถัดไป และเที่ยวบินที่ ทีจี 973 เส้นทาง ซูริก-ภูเก็ต ออกเดินทางจากซูริก เวลา 15.20 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงภูเก็ต เวลา 07.45 น. ในวันถัดไป

ศรชล. ร่วมศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล จับ ‘ไอ้โง่’ ในทะเลผิดกฎหมาย

ศูนย์อำนวยการในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชุมพร (ศรชล.จังหวัดชุมพร) บูรณาการร่วมกับ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล จังหวัดชุมพร ภายใต้การอำนวยการของ นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ. / ผอ.ศรชล.จังหวัดชุมพร มอบหมายให้ น.อ.กิตติ พงษ์  พุ่มสร้าง รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดชุมพร ร่วมกับ นาย พงศ์รันย์ รัตนพรหม ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลจังหวัดชุมพร จัดกิจกรรมควบคุมการทำประมงในช่วงประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลาง (ประจวบ ฯ ชุมพร สุราษฎร์ธานี) โดยมี นายนุรัตน์ ขาวสะอาด เจ้าพนักงานเดินเรือปฏิบัติงาน เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติงาน พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 4 นาย นำเรือตรวจประมง 324  ออกตรวจพื้นที่ตามภารกิจที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านที่มีอาชีพเลี้ยงหอย บริเวณชายทะเล อ่าวทุ่งมะขาม อ่าวทุ่งคา และอ่าวสวี ว่ามีการลักลอบนำเครื่องทำการประมงผิดกฎหมายมาใช้ในบริเวณดังกล่าว 

ในการนี้ ตรวจพบลอบพับ(ไอ้โง่) จำนวน 69 ลูก ไม่พบเจ้าของ โดยที่ลอบพับ ดังกล่าวเป็นเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 และพ.ร.ก.การประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมือลอบพับได้หรือไอ้โง่ ที่มีช่องทางเข้าของสัตว์น้ำสลับซ้ายขาวอยู่ทางด้านข้างใช้สำหรับดักสัตว์น้ำ มีความผิดตามมาตรา 67 มีโทษตามมาตรา 147 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จาการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า แต่ไม่พบผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้รื้อถอนและทำการยึดเครื่องมือประมงดังกล่าวนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำชุมพร อ.เมือง จังหวัดชุมพร ส่วนลอบพับ (ไอ้โง่ 69  ลูก) ทั้งหมดนำมาเก็บรวบรวมไว้ ณ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเล จังหวัดชุมพร เพื่อทำการเผาทำลายต่อไป


ภาพ/ข่าว ปชส.ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

นราธิวาส - เลี้ยงจิ้งหรีด 1 เดียวในนราธิวาส สู้ชีวิตเพราะพิษโรค เป็นรายได้เสริมช่วงโควิดระบาด

สำหรับเรื่องราวดังกล่าวเราพาท่านไปยังบ้านเลขที่ 70/1 ม.3 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวยกสูง ที่ปลูกอยู่ใจกลางของสวนยางพารา ซึ่งเราจะพบเห็นกรง 4 เหลี่ยม ที่สร้างด้วยโครงไม้และมีกระเบื้องแผ่นเรียบกรุโดยรอบทั้ง 4 ด้าน ขนาดความกว้าง 1.50 เมตร. ยาว 3 เมตร สูง 0.80 เมตร และมีผ้าพลาสติกสีฟ้าคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง

และเราได้พบกับนายคุณากร อนุพันธ์ อายุ 41 ปี ซึ่งกำลังเดินแบกกระสอบอาหารไก่และเปลือกผลไม้เข้าบ้าน เมื่อสอบถามทราบว่าไปซื้ออาหารกระสอบ และนำเปลือกผลไม้มาให้จิ้งหรีดสายพันธุ์ทองดำที่เลี้ยงไว้ในกรงรับประทาน จึงถือโอกาสสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดสายพันธุ์ทองดำขาย ที่ถือว่าเป็นแห่งเดียวของ จ.นราธิวาส

โดยนายคุณากร ได้พาไปชมขั้นตอนต่าง ๆ ที่เพาะเลี้ยงจิ้งหรีดขาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลก แท้จริงแล้วจิ้งหรีดเป็นอาหารสุดโปรดของคนภาคอีสาน คนภาคใต้จะไม่คุ้นเคยรับประทานมากนัก โดยปัจจัยสำคัญที่หันมาเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดขาย อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ซึ่งตนประกอบอาชีพเร่ขายผลไม้กับรถจักรยานยนต์ 3 ล้อ และในช่วงโควิด-19 ระบาด ส่งผลทำให้รายได้ตกต่ำแถมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

จนกระทั่งรัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชน เมื่อตนได้สิทธิ์คนละครึ่ง จึงได้นำเงินก้อนนั้นมาลงทุนซื้อพันธุ์จิ้งหรีดทองดำจาก จ.ศรีสะเกษ ที่เป็นภูมิลำเนาเกิดจากเพื่อนให้ส่งมา และตนเริ่มเพาะเลี้ยงเพราะคิดว่าอาชีพดังกล่าวนี้ไม่มีคนทำ ซึ่งมันท้าทายดีและมีโอกาสได้เปิดตลาดจิ้งหรีด แถมต้นทุนที่ใช้จ่ายก็ไม่มากนัก

ซึ่งการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดก็ไม่ได้ยากมากนัก เพียงแต่อาศัยการเอาใจใส่ เริ่มแรกต้องไปหาซื้อรังไข่ที่ท้องตลาด ซึ่งขายกิโลกรัมละ 5 บาท มาใส่ไว้ในกรงเรียง 1 แถวจนครบทั้ง 4 ด้าน จากนั้นนำพันธุ์จิ้งหรีดที่ใส่ถาดไว้เรียงบนรังไข่ทั้ง 4 ด้าน โดยให้อาหารกระสอบที่ใช้สำหรับเลี้ยงไก่ รวมทั้งใบหม่อนใบกล้วยที่ปลูกข้างบ้าน และเปลือกผลไม้ที่ตนขายผลไม้เป็นประจำอยู่แล้ว มาใส่ให้จิ้งหรีดกินช่วงเช้าและช่วงเย็น เลี้ยงผ่านไปประมาณ 35 ถึง 40 วัน ก็สามารถจับขายได้ โดยขายกิโลกรัมละ 200 บาท แถมส่วนที่เหลือก็จะแปรรูปนำไปทอดปรุงรส และนำมาแพ็คใส่ถุง ขายถุงละ 20 บาท ตระเวนขี่รถจักรยานยนต์ 3 ล้อ ขายคู่กับผลไม้ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี ที่ถือว่าเป็นรายได้เสริมในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 เป็นอย่างดี

และจากการสอบถามผู้บริโภคครอบครัวหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นขาประจำสำหรับจิ้งหรีดทอดปรุงรส รายหนึ่ง ที่เด็กน้อยวัยประมาณ 2 ขวบ กำลังรับประทานจิ้งหรีดอย่างเอร็ดอร่อย 3 คนแม่ลูก พบว่า เป็นที่ถูกปากของคนทั้งครอบครัวและหาซื้อมารับประทานยากมาก

ด้านนายคุณากร อนุพันธ์ ผู้เพาะเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ทองดำ กล่าวว่า หลังจากได้เกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด ตนได้เงินจากรัฐโครงการคนละครึ่ง ผมจึงได้เงินส่วนนั้นซื้อพันธุ์จิ้งหรีดจาก จ.ศรีสะเกษ มาเพาะเลี้ยงดูเพื่อว่าที่จะเป็นรายได้อีกทางหนึ่งเสริมขึ้นมา เมื่อทำขึ้นมาประสบความสำเร็จ จึงวางขายกฺดลกรัมละ 200 บาท อีกส่วนหนึ่งก็จะนำไปแปรรูปขายในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี จ.นราธิวาส


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

กรุงเทพฯ - พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของจุดบริการฉีดวัคซีนกองบัญชาการกองทัพไทย

วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เวลา 09.00 น. พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของจุดบริการฉีดวัคซีนกองบัญชาการกองทัพไทย ณ อาคาร 15 กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ จากที่รัฐบาลได้มีการกำหนดฉีดวัคซีนป้องกัน covid -19 ให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มผู้ป่วย 7 โรค โดยเริ่มการฉีดพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพลกลุ่มเสี่ยงที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลในการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพล ครอบครัว และประชาชนทั่วไป เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทยมีความพร้อมทั้งในส่วนของสถานที่และบุคลากร สำหรับเป็นพื้นที่ให้บริการในการฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป


ภาพ/ข่าว ทีมข่าว v.13 รายงาน

สมุทรปราการ - “พระครูแจ้” เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง จับมือ นายอำเภอบางพลี ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพภายในชุมชนประสานสัมพันธิ์

ภายในชุมชนประสานสัมพันธิ์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี  พร้อมด้วย ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง นำข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี  ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนภายในชุมชนประสานสัมพันธิ์ พร้อมทั้งนำถุงยังชีพและเงินสดไปมอบแก่ประชาชนที่พักอาศัยอยู่ภายในชุมชนแห่งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือประชาชนที่ขาดรายได้รวมถึงช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง

ด้านท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ด้วยในวันนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วยนาย สมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางพลีและบริเวณใกล้เคียง ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจึงพร้อมด้วยท่านนายอำเภอบางพลี ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน โดยได้นำถุงยังชีพพร้อมเงินอีกจำนวนหนึ่งไปมอบให้กับประชาชน และครอบครัวผู้ยากจนภายในชุมชนประสานสัมพันธิ์แห่งนี้

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ยังกล่าวต่ออีกว่า ถุงยังชีพที่นำมามอบให้กับพี่น้องประชาชนนั้น ประกอบไปด้วย ข้าวสารอาหารแห้ง มาม่า ปลากระป๋อง นม และของใช้ที่จำเป็นเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังได้มอบเงินแก่เด็กที่อยู่ในชุมชนแห่งนี้คนละ 100 บาท และมอบเงินให้ทุกครอบครัวอีกครอบครัวละ 500 บาท เพื่อไว้ใช้จ่ายหรือนำไปซื้อของใช้ที่จำเป็น

จากนั้นได้เดินเท้าเข้าไปภายในชุมชนประสานสัมพันธิ์ นำข้าราชการตำรวจนำถุงยังชีพอีกจำนวนหนึ่งไปมอบให้กับผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ภายในชุมชนแห่งนี้ พร้อมทั้งได้มอบเงินสดอีกจำนวนหนึ่งแก่ผู้ป่วยติดเตียง โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ตลอดจนท่านนายอำเภอบางพลี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางวัดบางพลีใหญ่กลางก็ให้ความอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อเผาศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิดให้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วยและนับว่าผู้เสียชีวิตที่ป่วยด้วยโรคโควิดนั้น ทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้สงเคราะห์เผาให้ฟรีเป็นรายที่ 11 แล้ว จึงขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนอย่าประมาทดูแลรักษาสุขภาพ ดูแลบุคคลในครอบครัว เว้นระยะห่าง และลงทะเบียนฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเราเอง


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top