Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48202 ที่เกี่ยวข้อง

ขสมก. จัดเดินรถ Shuttle Bus จำนวน 3 เส้นทาง ให้บริการฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เดินทางไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เริ่ม 7 มิ.ย.นี้

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงคมนาคม จะให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แก่ประชาชนทั่วไป ที่ได้ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนฯ ผ่านค่ายโทรศัพท์มือถือ AIS, Dtac, True Move และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ (CENTRAL VACCINATION CENTER : CVC) ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ขสมก. จึงเตรียมจัดเดินรถ Shuttle Bus ให้บริการฟรี จำนวน 3 เส้นทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางมาเข้ารับการฉีดวัคซีนฯ เริ่มให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 08.00-20.00 น. หรือจนกว่าประชาชนจะออกจากพื้นที่หมดโดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.) เส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทูจำนวน 12 คัน ความถี่ในการปล่อยรถ คันละ 5-10 นาที

-เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ฝั่งเกาะพหลโยธิน) ไปตามถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกำแพงเพชร เลี้ยวขวาไปตามถนนโรงปูน ผ่านศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สุดเส้นทางที่สถานีกลางบางซื่อ (ไม่จอดรับ-ส่งระหว่างทาง)

2.) เส้นทางท่าเรือบางโพ-สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 6 คัน ความถี่ในการปล่อยรถ คันละ 10 นาที

-เริ่มต้นจากท่าเรือบางโพ ไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 (จอดรับผู้ใช้บริการที่สถานี MRT เตาปูน) เลี้ยวขวาไปตามถนนเตชะวณิช เลี้ยวซ้ายไปตามถนนประดิพัทธ์ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกำแพงเพชร เลี้ยวซ้ายไปตามถนนโรงปูน ผ่านศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สุดเส้นทางที่สถานีกลางบางซื่อ

3.) เส้นทางเซ็นทรัลลาดพร้าว-สถานีกลางบางซื่อ (เดินรถวงกลม) ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 12 คัน ความถี่ในการปล่อยรถ คันละ 5-10 นาที

-เริ่มต้นจากเซ็นทรัลลาดพร้าว ไปตามถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหอวัง เลี้ยวซ้ายไปตามถนนวิภาวดีรังสิต เลี้ยวขวาไปตามถนนพหลโยธิน (จอดรับ-ส่งผู้ใช้บริการที่สถานี BTS หมอชิต) เลี้ยวขวาไปตามถนนกำแพงเพชร เลี้ยวขวาไปตามถนนโรงปูน ผ่านศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง (จอดรับ-ส่งผู้ใช้บริการที่สถานีกลางบางซื่อ) เลี้ยวขวาไปตามถนนกำแพงเพชร 6 เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกำแพงเพชร 2 (จอดรับ-ส่งผู้ใช้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร)) เลี้ยวขวาไปตามถนนรัชดาภิเษก เลี้ยวขวาไปตามถนนวิภาวดีรังสิต เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธิน สุดเส้นทางที่เซ็นทรัลลาดพร้าว

นอกจากนี้ ขสมก. ได้จัดเดินรถ Shuttle Bus ให้บริการรับ-ส่งประชาชน ณ บริเวณประตูทางเข้าศูนย์ฯ (จุดติดตั้งนาฬิกาประจำสถานี) และบริเวณประตูทางออก (ฝั่งสถานีรถไฟบางซื่อ) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอีกด้วย

ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใช้บริการสอบถามเส้นทางรถเมล์ หรือ แนะนำบริการได้ที่ www.bmta.co.th, facebook : BMTA องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ Call Center 1348 ทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 05.00 - 22.00 น.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แอสตร้าเซนเนก้า รับมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในไทย โดยสยามไบโอไซเอนซ์ล็อตแรกตามแผนที่กำหนด เตรียมส่งมอบกระทรวงสาธารณสุขกระจายต่อ

แอสตร้าเซนเนก้า ประกาศพร้อมทยอยส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศไทย ให้กับรัฐบาลใช้ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่สยามไบโอไซเอนซ์ได้ส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกได้สำเร็จตามแผน โดยพิธีส่งมอบได้รับเกียรติจาก พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ประธานกรรมการ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด และ นายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด

ศูนย์การผลิตวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย เกิดจากความร่วมมือระหว่างแอสตร้าเซนเนก้าและสยามไบโอไซเอนซ์ ผู้ผลิตยาชีววัตถุชั้นนำของไทย เพื่อสนับสนุนให้ประชากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

ทั้งนี้ แอสตร้าเซนเนก้าจะส่งมอบวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยล็อตแรกให้กับกระทรวงสาธารณสุขทันที ตามแผนการส่งมอบและเก็บรักษา เพื่อนำไปดำเนินการฉีดวัคซีนเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนต่อไป และจะเริ่มส่งออกวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังต่อสู้กับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เหตุการณ์ในวันนี้มีความสำคัญและมีความหมายต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่ง การที่ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่มีมาตรฐานด้านคุณภาพได้ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนนั้นถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นจากการมีพันธมิตรด้านการผลิตที่ยอดเยี่ยมอย่าง สยามไบโอไซเอนซ์ ผมขอขอบคุณสยามไบโอไซเอนซ์ที่ร่วมกันผลิตและส่งมอบวัคซีนได้ตามแผนที่กำหนดไว้”

“ในขณะนี้ เมื่อเรามีวัคซีนคุณภาพสูงที่ผลิตในประเทศไทยพร้อมส่งมอบแล้ว ก็จะสามารถสนับสนุนรัฐบาลให้ดำเนินการเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิผลให้กับประชาชนได้โดยเร็วที่สุด”

นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า “สยามไบโอไซเอนซ์ในฐานะผู้รับจ้างผลิต ตระหนักดีถึงหน้าที่สำคัญในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากลให้สำเร็จโดยรวดเร็วที่สุด และรู้สึกภาคภูมิใจที่บริษัทของคนไทยได้รับเลือกจากแอสตร้าเซนเนก้า ให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 และสามารถส่งมอบวัคซีนล็อตแรกให้กับแอสตร้าเซนเนก้าได้ตามกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาระหว่างสยามไบโอไซเอนซ์และแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อจะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพของคนในชาติ รวมถึงประชาชนและเศรษฐกิจไทยจะได้กลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง”

วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ได้รับการอนุมัติให้เริ่มจัดส่งภายในสัปดาห์นี้ โดยได้ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศ รวมถึงผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตร้าเซนเนก้าในต่างประเทศ นับเป็นการยืนยันคุณภาพของวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศไทยว่ามีมาตรฐานในระดับสากล ทั้งนี้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในแต่ละรุ่นการผลิตต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพต่างๆ รวมกันมากกว่า 60 รายการ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล เพราะแอสตร้าเซนเนก้าให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

ผลการทดลองทางคลินิกยืนยันว่า ผู้รับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าสามารถทนต่อผลข้างเคียงของวัคซีนได้ดีและวัคซีนยังช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 ในทุกระดับความรุนแรง นอกจากนี้ จากข้อมูลการใช้วัคซีนในประชากรหลายสิบล้านคนทั่วโลก ยังแสดงให้เห็นว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิผลลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 ในระดับที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้มากถึง 80% หลังจากการฉีดเข็มแรก

แอสตร้าเซนเนก้ามีเครือข่ายการผลิตวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก ประกอบด้วยศูนย์การผลิตเฉพาะ 16 แห่ง และพันธมิตรผู้ผลิตวัคซีนอีก 25 แห่งในกว่า 15 ประเทศ สยามไบโอไซเอนซ์เป็นศูนย์การผลิตวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าแห่งแรกและแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยผลักดันยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาค ที่ผ่านมา แอสตร้าเซนเนก้าได้ร่วมกับสยามไบโอไซเอนซ์ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการผลิตวัคซีนและสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยแอสตร้าเซนเนก้าจะทยอยส่งออกวัคซีนโควิด-19 ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเดือนกรกฎาคม ณ ขณะนี้ แอสตร้าเซนเนก้าได้จัดส่งวัคซีนมากกว่า 500 ล้านโดส ให้แก่ 168 ประเทศทั่วโลก


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

คลังทำหนังสือแจ้งเจ้าหนี้พิโกไฟแนนซ์ ช่วยรายย่อย

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ออกหนังสือขอความร่วมมือผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้กับลูกหนี้ตามความเหมาะสมและตามสมควรที่ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์แต่ละรายจะสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ของตนเองได้

สำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบ แบ่งเป็น

1.) ลดค่างวดหรือขยายระยะเวลาการชำระหนี้

2.) เปลี่ยนประเภทหนี้จากระยะสั้นเป็นระยะยาว

3.) พักชำระค่างวดหรือพักเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน หรือพักเงินหรือพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย หรือวิธีการอื่นใดที่จะสามารถช่วยบรรเทาภาระหนี้กับลูกหนี้ได้ นอกจากนี้ ยังได้ขยายระยะเวลาการส่งรายงานงบการเงินสำหรับรอบปีบัญชี พ.ศ. 2563 ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ออกไปเป็นภายในวันที่ 30 มิ.ย. 2564

ทั้งนี้ หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เป็นลูกหนี้ของกลุ่มธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบให้กับประชาชนได้ เพราะที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เริ่มกลับมาแพร่ระบาดตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ยังไม่บรรเทาเบาบางลง รวมทั้งยังได้มีการแพร่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ การจ้างงาน และสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยในวงกว้าง 

ราเมศ จวก โรม อย่าคิดว่าพรรคอื่น จะเหมือนก้าวไกล แน่จริงโหวตคว่ำ พรบ งบ ไม่ร่วม เป็น กมธ.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นแค่การปาหี่ว่า

คำพูดของนายโรมบ่งบอกถึงความรู้สึกนึกคิด ประสิทธิภาพของการทำหน้าที่ผู้แทนราษฏรเป็นอย่างมาก ที่ยังไม่เข้าใจการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่โดยหลักการสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรสามารถอภิปรายในวาระที่หนึ่งชั้นรับหลักการได้อย่างกว้างขวาง มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแต่คนที่อภิปรายไว้ ติติงไว้ ความเห็นอันมีค่านั้นจะถูกส่งต่อไปยังวาระที่สองในชั้นกรรมาธิการคือในชั้นการพิจารณารายละเอียดต่างๆ คนที่ทำหน้าที่กรรมาธิการของทุกพรรคการเมืองก็จะสามารถปรับปรุงได้อยู่แล้วเพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเกิดความเหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มากที่สุด

นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ดีไม่ต้องกังวลเพราะจะมีคำตอบให้กับประชาชนได้อยู่แล้ว และต้องคิดให้เป็นว่าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศก็ควรมองและทำตามความเป็นจริง ไม่ใช่อยู่ตรงกันข้ามกันแล้วสิ่งที่อีกฝ่ายทำอะไรก็ผิดไปทั้งหมด เรื่องงบประมาณก็เช่นกันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของประชาชนและประเทศ ไม่ควรใช้อารมณ์และความรู้สึกหรือประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ส่วนพรรคมาอยู่เหนือส่วนรวม แต่หากพรรคก้าวไกลคิดว่าเรื่องงบประมาณไม่สำคัญกับประชาชนและประเทศก็ประกาศโหวตไม่รับและไม่ต้องส่งคนไปร่วมเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณ ก็ลองคิดดู

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า ยืนยันการอภิปรายของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นการอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ จริงใจ ตรงไปตรง มีข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ไม่ใช่เป็นการปาหี่อย่างที่กล่าวหา และจะมีมติรับหลักการในวาระที่หนึ่ง ส่วนไหนที่ต้องปรับแก้ กรรมาธิการในส่วนของพรรคก็จะไปทำหน้าที่ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ประชาชนและประเทศต่อไป

รมว. แรงงาน ประชุม คบต. แก้ไขข้อขัดข้องการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวช่วงสถานการณ์โควิด ระลอกใหม่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เตรียมเสนอครม.ปรับเวลาหานายจ้างของแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ เป็น 60 วัน ขยายเวลาตรวจโควิด-19 และยื่นขออนุญาติทำงาน (บต.48) ต่างด้าวกลุ่มมติ 29 ธ.ค. 63 ออกไป และผ่อนผันให้ต่างด้าวตามมติครม. 20 ส.ค. 62 มติครม. 4 ส.ค. 63 และมติครม. 10 พ.ย. 63 อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ชั่วคราว เพื่อดำเนินการตามประกาศที่กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงานกำหนดให้แล้วเสร็จ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน  รับทราบข้อขัดข้องต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ และมีความห่วงใยผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของนายจ้าง/สถานประกอบการ และการทำงานแรงงานต่างด้าว ทั้งสิ้น 2,150,663 คน และเพื่อแก้ไขข้อขัดข้องนี้ วันที่ 2 มิถุนายน 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) ครั้งที่ 4/2564 จึงมีมติเห็นชอบแนวทางแก้ไขข้อขัดข้องฯ เพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ ดังนี้

1.) ขยายระยะเวลาการตรวจคัดกรองโควิด-19 ของคนต่างด้าวที่ได้ดำเนินการตามมติครม. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 63 โดยให้ดำเนินการจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล ถึงวันที่ 16 มิ.ย. 64 และขยายระยะเวลาตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 พร้อมทำประกันสุขภาพ และยื่นขออนุญาตทำงาน (ยื่นบต. 48) กับกรมการจัดหางานผ่านระบบออนไลน์ออกไปตามที่ที่ประชุมคบต.เสนอ สำหรับผลการตรวจโรคต้องห้าม 6 โรค สามารถยื่นได้ถึงวันที่ 18 ต.ค. 64

2.) ขยายระยะเวลาการผ่อนผันให้คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงาน ที่การผ่อนผันให้อยู่และทำงานในประเทศใกล้จะสิ้นสุด แบ่งเป็น

(1.) กลุ่มคนต่างด้าวตามมติครม. 20 ส.ค. 62 และมติครม. 4 ส.ค. 63 ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 17 แห่งพรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และอำนาจตามมาตรา 14 แห่งพรก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้เป็นการชั่วคราวต่อไป โดยที่ต้องยื่นขอก่อนการอนุญาตทำงานตามสิทธิปัจจุบันของแต่ละกลุ่มสิ้นสุด ทั้งนี้ กรณีหนังสือเดินทาง/เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสิ้นอายุ คนต่างด้าวต้องมีเอกสารฉบับใหม่ภายใน 1 ปี เพื่อให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ย้ายตราประทับการอนุญาตให้อยู่ในประเทศต่อไป

(2.) กลุ่มคนต่างด้าวตามมติครม. 10 พ.ย. 63 ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 17 แห่งพรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ผ่อนผันให้คนต่างด้าวที่หนังสือเดินทาง/เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสิ้นอายุ อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษต่อไปอีก 1 ปี เพื่อทำเอกสารประจำตัวฉบับใหม่ และตรวจลงตราวีซ่ากับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

3.) แก้ไขข้อขัดข้องกรณีแรงงานต่างด้าวตาม MoU กลุ่มคนต่างด้าวตามมติครม. 20 ส.ค.62  มติครม. 4 ส.ค.63 มติครม. 10 พ.ย.63 และมติครม. 29 ธ.ค.63 (เฉพาะที่อนุมัติ บต.48 แล้ว) ที่ออกจากนายจ้างเดิมและไม่สามารถหานายจ้างใหม่ได้ทัน แบ่งเป็น

(1.) กลุ่มที่การอยู่สิ้นสุดแล้ว (1 ม.ค. 64 จนถึงก่อนวันที่ ครม.มีมติ) ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 17 แห่งพรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522  และอำนาจตามมาตรา 14 แห่งพรก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ ผ่อนผันให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษถึง 13 ก.พ. 66 และ2.กลุ่มที่การอยู่ยังไม่สิ้นสุด (วันที่ ครม.มีมติ -13 ก.พ. 66) ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 14 แห่งพรก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ ให้ปรับระยะเวลาหานายจ้างจาก 30 วัน เป็น 60 วัน

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า คนต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักร และทำงานในประเทศไทย ที่การผ่อนผันดังกล่าวใกล้จะสิ้นสุด มีจำนวนถึง 2,150,663 คน แบ่งเป็น

1.) กลุ่มคนต่างด้าวถือบัตรชมพู จำนวน 1,364,214 คน แยกตามมติครม. 20 ส.ค. 62 จำนวน 1,162,443 คน และตามมติครม. 4 ส.ค. 63 จำนวน 201,771 คน

2.) กลุ่มคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตาม MoU ซึ่งวาระการจ้างงานครบ 4 ปี จำนวน 131,585 คน และ

3.) กลุ่มคนต่างด้าวที่สิ้นสุดการให้อยู่ในราชอาณาจักรหรือได้รับอนุญาตทำงานตามมติครม.เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 63 จำนวน 654,864 คน คบต.จึงจำเป็นต้องแก้ไขข้อขัดข้องนี้โดยเร็ว เพื่อให้การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวของนายจ้าง/สถานประกอบการด้วย

ทั้งนี้ หากนายจ้าง/สถานประกอบการ และคนต่างด้าว มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่ไลน์ @Service_Workpermit หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694 ซึ่งมีการจัดล่ามในภาษากัมพูชา เมียนมา และอังกฤษ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร และแนะนำวิธีการดำเนินการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top