'น้าหงา' เขียนถึงพฤติกรรม ‘ฝรั่งนักล่าอาณานิคม’ รุกราน - ปล้นชิงเอาสิ่งมีค่า ฝากความยุ่งยากถึงทุกวันนี้

เมื่อวันที่ (5 พ.ย.67) ‘น้าหงา สุรชัย จันทิมาธร’ ศิลปินแห่งชาติ โพสต์ข้อความว่า คิด ๆเขียน ๆ ไปงั้นแหละครับ ในยุคล่าอาณานิคมที่คนส่วนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่าคนอารยะ พวกเขาอยู่ในความคิดที่ว่าต้องถือครองโลกเก่า ๆ ใบนี้ไว้ในอุ้งมือ ด้วยพละกำลังศัสตราวุธที่เหนือกว่า จึงเกิดการยึดครองแผ่กระจายไปทั่วทุกทวีปของโลก ไม่เว้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบบประเทศเราและเพื่อนบ้านแวดล้อมเพราะเนื่องมาจากอุดมสมบูรณ์ เขียวชอุ่มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ นิสัยใจคอของผู้มีอำนาจเหล่านี้มักจะภูมิอกภูมิใจตนเองในนาม 'ผู้พิชิต' หรือนักล่า ล่าทาส ล่าสัตว์ล่าคน ปล้นชิงเอาสิ่งมีค่าแร่ธาตุต่าง ๆ นานา

ทรัพยากรธรรมชาติมากมายมหาศาลจึงถูกพิชิตอย่างราบคาบในนามนักทำลายที่มีนามว่ามนุษย์ผู้เจริญกว่ากระทำต่อผู้ที่เจริญน้อยกว่า ซึ่งความจริงที่ถูกต้องที่สุดก็คือเจ้าของบ้าน เจ้าของถิ่นที่อยู่อาศัยทำมาหากินมาจนชั่วลูกชั่วหลานนั่นเอง ยกตัวอย่างคร่าว ๆ ก็จะมีให้เห็นเป็นต้นว่าอเมริกาเหนือ~ใต้ก็จะกลุ่มชนอินเดียนหรือที่เราเรียกว่าอินเดียนแดง ทวีปแอฟริกามีคนพื้นเมืองผิวดำ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีกลุ่มพม่าไทยลาวเวียดเขมรและชนกลุ่มย่อยมากมายหลายหลาก คนที่มาทำแผนที่แบ่งเขตแดนแถบนี้ก็เป็นผู้มีอารยะชาวฝรั่งเศสมากำหนดประเทศใหม่กลายเป็นแผนที่ที่ใช้อยู่จนปัจจุบัน และไทยกลายเป็นประเทศไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเราเสียแผ่นดินหรือราชอาณาจักรไปไม่ใช่น้อยหลายแขวงหลายเมือง แม้กระทั่งแม่น้ำโขงมวลแก่งหมู่เกาะก็หาใช่ของเราไม่

ภาพนี้ก็เป็นเพียงตัวอย่างการพิชิตต้นไม้ซึ่งอาจจะเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเพียงสมมุติฐานเท่านั้น มันเกิดขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.18 ต้น ๆ ที่ทวีปอเมริกาเหนือหรือที่ใดที่หนึ่งก็จำไม่แจ่มชัด เพียงเป็นเรื่องอุทาหรณ์สอนใจว่าการเป็นผู้พิชิตของวีรบุรุษในอดีตอาจเป็นค่านิยมที่ผิดพลาด มีผลกระทบต่อโลกใบนี้อย่างที่พวกเขาไม่ได้คาดการณ์และมองไม่เห็นมาก่อน

สำหรับพวกเขาในตอนนั้น มันเท่ สำหรับเราในตอนนี้ ไม่น่าเลย