‘รัสเซีย’ ปักธงชัยเหนือ ‘เมืองวูห์เลดาร์’ ยึดฐานที่มั่นแหล่งพลังงานสำคัญ ‘ยูเครน’

(3 ต.ค. 67) ยูเครน เกินต้าน ยอมถอนกำลังออกจากวูห์เลดาร์ เมืองสำคัญทางตะวันออกในแคว้นโดเนตสค์ให้แก่กองทัพรัสเซียแล้วเมื่อวันพุธ (1 ต.ค 67) ที่ผ่านมา หลังจากที่สู้รบกันมานานหลายเดือน 

สื่อตะวันตกได้ยืนยันชัยชนะของรัสเซียเหนือเมืองวูห์เลดาร์ ด้วยภาพของกองกำลังรัสเซียที่ปักธงชาติบนยอดเขาที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของเมืองที่เคยเป็นแหล่งเหมืองถ่านหิน และเขตเศรษฐกิจที่สำคัญทางภาคตะวันออกของยูเครน 

แต่เมื่อเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน เมืองนี้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของการสู้รบเพื่อชิงเมืองของทั้งสองฝ่ายนานกว่า 2 ปี จนตอนนี้ ทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้างที่เหลือแต่เศษซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือน และในที่สุดเมืองนี้ถูกยึดครองโดยกองทัพรัสเซียได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา 

ด้านกองทัพยูเครนออกมาแถลง ยอมรับความพ่ายแพ้ และประกาศถอนกำลังออกจากพื้นที่เมืองวูห์เลดาร์ เพื่อรักษาชีวิตทหาร และยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น

เมืองวูห์เลดาร์ ตั้งอยู่ในโดเนตสค์ แคว้นที่รัสเซียประกาศผนวกดินแดนไปเป็นของตนในปี 2022 แม้จะยังไม่ได้ยึดครองพื้นที่ทั้งหมดของแคว้นเลยก็ตาม ซึ่งวูห์เลดาร์ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่พยายามต่อต้านการยึดครองของรัสเซียมาตลอด และกลายเป็นสนามรบที่มีการเผชิญหน้าปะทะกันหนักที่สุดจุดหนึ่งของทั้ง 2 ฝ่าย 

ความพิเศษของเมืองนี้ นอกจากจะเป็นเหมืองถ่านหิน แหล่งพลังงานที่สำคัญแล้ว ยังเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมขนส่งที่สำคัญ มีเส้นทางรถไฟสู่ไครเมีย และภูมิภาคดองบาสทั้งหมด ที่ประกอบด้วยโดเนตสค์ และ ลูฮันสค์ ซึ่งทั้งหมดได้ถูกรัสเซียผนวกดินแดนไปแล้ว

ดังนั้น การยึดครองเมืองวูห์เลดาร์ได้ จึงเป็นก้าวสำคัญของรัสเซียในมุ่งหน้าสู่การครอบครองแคว้นโดเนตสค์ในส่วนที่เหลือได้ทั้งหมดที่ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้ออย่างสาหัสเช่นกัน

แน่นอนว่า ความพ่ายแพ้ในวูห์เลดาร์สะเทือนกองทัพยูเครนไม่น้อย หลังจากที่เคยได้เอาคืนรัสเซียด้วยการบุกยึดพื้นที่ในเมืองคูสค์ ดินแดนของรัสเซียได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน ที่ทำให้โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครนกล้าที่จะเดินหน้าขอใช้ขีปนาวุธของพันธมิตรตะวันตกโจมตีดินแดนรัสเซีย

แต่เมื่อวูห์เลดาร์ถูกตีแตกโดยรัสเซีย ทำให้ฝ่ายยูเครนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอีกครั้ง และต้องรวบรวมสรรพกำลังลงมาป้องกันไม่ให้กองทัพรัสเซียขยายเขตยึดครองรุกคืบเข้ามาทางด้านตะวันตกมากขึ้น และยังต้องรับมือกับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง ในวันที่ยูเครนได้สูญเสียเมืองสำคัญที่เป็นแหล่งผลิตถ่านหินให้แก่รัสเซียไปแล้ว

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้ใกล้เคียงกับเลยสิ่งที่เซเลนสกี้เคยกล่าวผ่านสื่อสหรัฐฯ ว่า สงครามในยูเครนนั้นใกล้จบแล้ว สันติสุขจะกลับคืนสู่ยูเครนในไม่ช้า และสิ่งที่กองทัพยูเครนต้องเผชิญต่อจากนี้ อาจหนักกว่าที่คิด 


อ้างอิง : Al jazeera
CNN