'อีเลคโทรลักซ์' เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ตั้งเป้า 'เพิ่มกำลังการผลิต-ขยายตลาด' ดึงดูดลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยม
(2 ก.ย. 67) เมื่อไม่นานมานี้ นายอเล็กซิส ริชาร์ด ผู้จัดการทั่วไป อีเลคโทรลักซ์ประเทศไทย กล่าวว่า อีเลคโทรลักซ์ กรุ๊ป ประกาศเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตะวันออกกลางแอฟริกาอย่างเป็นทางการที่กรุงเทพมหานคร เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นตลาดหลักของอีเลคโทรลักซ์กรุ๊ปในภูมิภาค ทำให้สำนักงานใหญ่แห่งใหม่นี้มีบทบาทสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัท ในฐานะประตูสู่การดำเนินธุรกิจการค้าต่างๆ ของเอเชีย อีกทั้งยังตั้งอยู่ใกล้โรงงานผลิตที่ระยองและตลาดอื่นๆ ในเอเชียที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีศูนย์วิจัย R&D ที่สิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจอีเลคโทรลักซ์ ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ได้อย่างรวดเร็ว
โดยในปี 2567 อีเลคโทรลักซ์ เปิดตัวสินค้าใหม่ถึง 85 ชนิดในปีนี้ ครอบคลุมเครื่องใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะตลาด premium โดยปัจจุบัน มีสินค้า highlight คือ เครื่องซักผ้าฝาหน้าขนาด 9-11 กิโลกรัม โดยตั้งเป้า market share ตลาดเครื่องซักผ้าฝาหน้าอยู่ที่ 25% ภายในปีนี้ ส่วนเครื่องดูดฝุ่นตั้งเป้า market share อยู่ที่ 15% ภายในปีนี้ สำหรับตู้เย็นเน้นจำหน่ายตู้เย็นหลายประตู หรือ multi door โดยตั้งเป้า market share อยู่ที่ 5% ของตลาดตู้เย็นทั้งหมด ตั้งเป้าว่าจะขยายฐานลูกค้าตู้เย็นหลายประตูและเครื่องใช้ไฟฟ้าบิ้วท์อินในครัว การเปิดสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตะวันออกกลางแอฟริกา อีเลคโทรลักซ์มองว่าประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญและมีความพร้อมเป็นอย่างมาก ด้วย location เป็นศูนย์กลางของเอเชีย ทั้งการมีความพร้อมในด้านฐานการผลิต โรงงานที่จังหวัดระยอง ศูนย์วิจัย Global R&D และยังเป็นประเทศที่เป็นศูนย์รวมของนานาชาติ มีศักยภาพในการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถหลากหลายสัญชาติให้มาทำงานที่ประเทศไทยได้ และทำให้พนักงานของเราทั้งจากโรงงานที่ระยอง ศูนย์วิจัย Global R&D และสำนักงานใหญ่ ทำงานได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกด้วย
นายวิเทอร์ มายอา รองประธานฝ่ายการขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตะวันออกกลางแอฟริกา อีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป กล่าวว่า จังหวัดระยองเป็นฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับอีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป และตลาดในประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่ที่อันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการทำตลาดในประเทศไทยมานานกว่า 47 ปี ถือว่ามีรากฐานที่มั่นคงแข็งแรงมากเมื่อเทียบกับแบรนด์จากประเทศอื่นๆ การก่อตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในกรุงเทพฯจะช่วยให้ใกล้ชิดกับโรงงานผลิตได้มากขึ้น และสามารถมองโอกาสการเติบโตในด้านของทรัพยากรบุคคลด้วย
ปัจจุบัน โรงงานที่ระยองสามารถผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ 1.5 ล้านหน่วยต่อปี โดยมีสัดส่วนในการส่งออก 70% ไปยัง 56 ประเทศทั่วโลกและภายในปี 2026 มีการวางแผนขยายการผลิต โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 20% โดยแผนการเติบโตของอีเลคโทรลักซ์ คือ การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีเป้าหมายในการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีอยู่เดิม และดึงดูดลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าใน premium market และลูกค้าที่สนใจด้านความยั่งยืน และลูกค้าที่ต้องการใช้สินค้าที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
“การเปิดสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคของเราในกรุงเทพฯ ถือเป็นก้าวสำคัญของกลยุทธ์สร้างการเติบโตทางธุรกิจของอีเลคโทรลักซ์ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนอันยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าและผู้บริโภคตอกย้ำถึงความสำคัญของประเทศไทยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งประเทศไทยมีอัตราการแข่งขันสูง สามารถดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพในการทำงานหลากหลายสัญชาติ เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมกับการตั้งสำนักงานและใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น” ทั้งนี้ อีเลคโทรลักซ์กรุ๊ปที่ได้ร่วมสร้างการเติบโตให้ประเทศไทยมายาวนานตลอด 47 ปี โดยจะช่วยให้เกิดการสร้างงานหรือเพิ่มพนักงานที่ทำงานในระดับภูมิภาคมากถึง 130 ตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นสายงานการตลาด สายงานบริหารผลิตภัณฑ์ หรือสายงานฟังก์ชั่นสนับสนุนการดำเนินงาน อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย ส่งมอบนวัตกรรมจากสวีเดนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของชีวิตผู้คนมากมาย ด้วยความทุ่มเทของพนักงาน 2,800 คน จาก 26 ประเทศ ซึ่งมาประจำการอยู่ที่กรุงเทพฯ และโรงงานผลิตของบริษัทที่ระยอง
นอกจากความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง อีเลคโทรลักซ์ยังเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ตามแนวคิด ”Shape living for the better” ให้กับผู้คนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยผ่านการดำเนินงานในหลายมิติ อาทิ
• โรงงานที่ระยองเป็นหนึ่งในฐานการผลิตเชิงกลยุทธ์ของอีเลคโทรลักซ์ ผลิตเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ตู้เย็น และเตาประกอบอาหาร เพื่อส่งออกไปยัง 56 ประเทศทั่วโลก โดยจัดจำหน่ายภายใต้ 10 แบรนด์ ซึ่งรวมถึงแบรนด์ อีเลคโทรลักซ์ (Electrolux) เวสติ้งเฮ้าส์ (Westinghouse) และฟริจิแดร์ (Frigidaire)
• ในปี 2566 ร้อยละ 25 ของพลังงานที่โรงงานระยองใช้มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนจากพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ โรงงานยังได้การรับรองจากสถาบันระดับสากล “การบริหารจัดการของเสียไปสู่การฝังกลบเป็นศูนย์” (Zero Waste to Landfill) ซึ่งหมายถึงการส่งของเสียไม่เกินร้อยละ 1 จากโรงงานไปสู่การฝังกลบ
• โรงงานระยองได้เปลี่ยนรถโฟล์คลิฟท์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซลหรือก๊าซแอลพีจี เป็นรถโฟล์คลิฟท์ระบบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จำนวนมากถึง 133 คัน ซึ่งถือว่าช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 500 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 21,000 ต้น
อีเลคโทรลักซ์ตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้นำด้านการดูแลเสื้อผ้าอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ Electrolux UltimateCare รุ่นใหม่ล่าสุด นอกจากนี้ยังมีเครื่องดูดฝุ่นรุ่นด้ามจับน้ำหนักเบาผลิตจากวัสดุรีไซเคิล
• โครงการจัดอบรมเยาวชนเพื่อให้เป็นฮีโร่ด้านอาหาร หรือ “Food Heroes” ของมูลนิธิอีเลคโทรลักซ์ฟู้ด ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในแต่ละประเทศในการเลือกทำและทานอาหารตามแนวทางยั่งยืนม
“การตั้งสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคแห่งใหม่นี้ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญของอีเลคโทรลักซ์กรุ๊ป มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพและความเชี่ยวชาญของพนักงานระดับภูมิภาคที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานระดับโลก และสนับสนุนโอกาสเติบโตในการทำงาน” นายวิเทอร์ กล่าว
ที่มา : Thansettakij