ปัญหานมโรงเรียน ไย 'มหาดไทย' เงียบ ปล่อย 'ธรรมนัส-ปศุสัตว์' เต้นฝ่ายเดียว

"ขณะนี้ทราบข้อมูลว่า มีบริษัทใหญ่บางแห่งกีดกันไม่ให้มีการส่งนมโรงเรียน หลังการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ หากพบเป็นผู้ประกอบการรายใดกระทำผิด จะตัดสิทธิ์โควตานมโรงเรียนทันที พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายกีดกันทางการค้า ส่วนการแก้ปัญหาจัดส่งนมระยะเร่งด่วน สั่งการให้ อสค. ส่งนมไปยังพื้นที่ที่เกิดปัญหา ย้ำว่าวันนี้หรือภายในสัปดาห์นี้ ปัญหาต้องหมด"

นี่คือคำกล่าวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ค่อนข้างกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว หลังทราบว่า เปิดเรียนมาเป็นสัปดาห์ที่สองหลายโรงเรียน เด็กนักเรียนไม่ได้กินนมโรงเรียน ทั้งเชียงใหม่, นครสวรรค์, นครศรีธรรมราช และอีกหลายจังหวัด 

ร.อ.ธรรมนัส พุ่งตรงไปยังองค์การส่งเสริมกิจการโคนม (อสค.) ด้วยการสั่งให้ส่งนมให้กับโรงเรียนภาคในพรุ่งนี้ หรือสัปดาห์หน้า และเหมือนกับรู้ปัญหาบางอย่าง เช่น บริษัทผู้ผลิตนมโรงเรียนเจ้าใหญ่ก่อปัญหา ซึ่งก็เป็นข้อเท็จจริงบางส่วน แต่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด

อคส.แค่เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการจัดสรรพื้นที่ และการแบ่งโซนจำหน่าย และที่ผ่านมา อคส.ก็ถูกกีดกันไม่ให้รับรู้ข้อมูลบางอย่าง เช่น ปริมาณนมดิบที่แต่ละสหกรณ์ผลิตได้ และทำสัญญาขายให้กับโรงนมที่ไหน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการจัดสรรการผลิตและพื้นที่จำหน่าย อคส.มารู้ข้อมูล 3 วันสุดท้ายก่อนการประชุม และ 6 วันก่อนเปิดเทอม

ใครผิดใครพลาดไปว่ากันให้ชัด? ทำไมการประชุมเพื่อแบ่งโควตาจึงมีขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ก่อนเปิดเทอมเพียงสามวัน? ขั้นตอนการปฏิบัติมีปัญหาอะไร? ตรงไหน?

อีกประการหนึ่งนมโรงเรียน จัดซื้อผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ โรงเรียนมีหน้าที่แค่รับไปแจก

อำนาจการจัดซื้ออยู่ที่ท้องถิ่น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่การจำหน่ายตามปริมาณน้ำนมดิม บางพื้นที่จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้จำหน่าย

วัวเคยค้าม้าเคยขี่ "เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้จำหน่าย ผู้บริหารท้องถิ่นบางแห่งจึงยังไม่เซ็นสัญญาซื้อนม เด็กจึงอดกินนม ต้องมีมาเจรจาผลประโยชน์กันใหม่"

ประเด็นนี้ ทางกระทรวงเกษตรฯ จะไปบี้ อสค.อย่างเดียวไม่ได้ มหาดไทยต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง

"มหาดไทยกำกับดูแลท้องถิ่น ต้องถามไปยังท้องถิ่นว่ามีปัญหาอะไร ทำไมไม่เซ็นสัญญาจัดซื้อนมโรงเรียนกับโรงเรียน จนก่อปัญหาเด็กไม่ได้กินนม" แหล่งข่าวกล่าว

ต้องยอมรับความจริงว่าวงการค้านมโรงเรียนคือ แหล่งผลประโยชน์ใหญ่ของผู้ประกอบการรายใหญ่ ไปกดรายเล็ก ทำนอง 'ปลาใหญ่กินปลาน้อย' และมีผู้ประกอบการโรงนมรายใหญ่เป็นคนกำหนดเกม กดดัน

"งานนี้จะโทษกระทรวงเกษตรฯ, กรมปศุสัตว์ และ อสค.อย่างเดียวไม่ได้ มหาดไทยต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ก.เกษตรฯ ก็อย่ามัวแต่ขู่ จัดการให้จริงจังครับ" แหล่งข่าวสำทับ

ทว่า หลังจากรัฐมนตรีเกษตรฯ สั่งการว่านมโรงเรียนต้องจัดการให้เรียบร้อยในสัปดาห์หน้า กรมปศุสัตว์ก็เร่งโทรเช็กไปยังโรงนมอย่างกระตือรือร้น แต่โดนตอกกลับหน้าแตก

"ผมพร้อมส่งนมให้โรงเรียนทุกแห่งในพื้นที่รับผิดชอบ แต่ในเมื่อผู้บริหารท้องถิ่นไม่ยอมเซ็นสัญญา จะจัดส่งได้อย่างไร จะเก็บเงินจากใคร" แหล่งข่าวผู้ประกอบการ กล่าว

เอาเป็นว่า ปัญหานมโรงเรียนอาทิตย์หน้าไม่จบหรอก จนกว่าผลประโยชน์จะลงตัว


เรื่อง: นายหัวไทร