‘กรมฝนหลวง’ เตรียมปฏิบัติการทำฝนหลวงในภาคเหนือ  เริ่ม 11 เม.ย.นี้ หวังช่วยชะล้างฝุ่น PM 2.5 กว่า 50%

(9 เม.ย.67) นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือ ในฐานะที่ตนกำกับดูแลกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งมีภารกิจหลักในการแก้ไขปัญหา จึงสั่งการให้กรมฝนหลวงฯ นำเครื่องบินขึ้นทำฝนหลวง เพื่อดัดแปลงสภาพอากาศของภาคเหนือตอนบนทั้งหมด

“สร้างความมั่นใจว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์พื้นที่ภาคเหนือตอนบนทั้งหมด โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ปริมาณฝุ่นจะลดลงอย่างต่ำ 50% ของพื้นที่ และในช่วงเวลาเดียวกันจะมีการวางแผนทำฝนหลวงควบคู่ไปด้วย เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงดังกล่าวเหมาะกับการทำฝนหลวง ซึ่งการปฏิบัติการดังกล่าวเรียกว่าเป็นการลดอุณหภูมิของสภาพอากาศ เพื่อให้ฝุ่นในชั้นล่างลอยขึ้นไปด้านบนได้ วิธีนี้จะช่วยให้ฝุ่นลดความแออัดลงได้ถึง 50% เช่นเดียวกัน” นายไชยา กล่าว

นายไชยา กล่าวว่า การทำฝนหลวงมีอุปสรรคต้องใช้น้ำเย็น ในขณะที่ประสิทธิภาพการทำฝนหลวงจริง ๆ ต้องใช้น้ำแข็งแห้ง แต่น้ำแข็งแห้งสามารถผลิตได้ที่เดียวคือที่ จ.ระยอง ดังนั้นการขนย้ายจาก จ.ระยอง มา จ.เชียงใหม่ จึงเป็นปัญหาอุปสรรค เพราะถ้ามีการขนมาประสิทธิภาพอาจลดลง จึงต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการใช้น้ำเย็น

“ในวันที่ 11 เมษายนนี้ จะขึ้นปฏิบัติการทำฝนหลวงด้วยตนเอง เพราะอยากรู้การทำงานมีขั้นตอนอย่างไร โดยต้องอาศัยเทคนิคการคำนวนทิศทางลม ความชื้นของชั้นบรรยากาศ หากไม่ได้ขึ้นไปด้วยตัวเองก็จะอธิบายกับสังคมไม่ได้ จึงไม่อยากให้ด้อยค่ากรมฝนหลวง เนื่องจากทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีศาสตร์พระราชา และปฏิบัติการฝนหลวงสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้จริง และตอนนี้มีข้อเรียกร้องจากภาคประชาชนหลายพื้นที่ในการทำฝนหลวง” นายไชยา กล่าว

นายไชยา กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมฝนหลวง ขึ้นทำฝนหลวงทุกวันในช่วงสงกรานต์ คาดหวังว่าในช่วงสงกรานต์จะทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เที่ยวกันอย่างมีความสุข ส่วนกรณีที่เกิดข้อสงสัยว่าการทำฝนหลวงจะสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นในระยะยาวได้หรือไม่นั้น ต้นตอของปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นที่หน่วยงานของเรา แต่เรามีหน้าที่สนับสนุน จึงต้องอาศัยการบูรณาการร่วมกัน รวมทั้งให้ความรู้ และขอความร่วมมือไม่ให้เกษตรกรเผาป่า ซึ่งจะสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี

“การทำฝนหลวงไม่ได้ทำให้ฝุ่นทั้งหมดไป เนื่องจากฝุ่นดังกล่าวลอยมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่สามารถลดปริมาณฝุ่นได้อย่างน้อย 50%” นายไชยา กล่าว