‘อัครเดช รทสช.’ ซัด!! ‘รองอ๋อง’ ควรวางตัวเป็นกลาง หลังถูกเบรกอภิปรายยืดเยื้อ

ย้อนความเดือด!! ‘อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์’ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ฉะ!! ‘ปดิพัทธ์ สันติภาดา’ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในการประชุมสภาฯ พิจารณากระทู้ถามทั่วไป เรื่องติดตามความคืบหน้าการจัดระเบียบสายไฟฟ้า สายสื่อสาร และการบริหารจัดการไฟฟ้าส่องสว่างอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 67 

นายอัครเดช ได้กล่าวถึงการจัดระเบียบสายไฟในจังหวัดราชบุรีสามารถจัดการได้จนได้ฉายาว่า ราชบุรีโมเดล แต่ในจังหวัดอื่นไม่สามารถจัดการได้ อภิปรายวนไปวนมากว่า 10 นาที แต่ยังไม่ได้ถามคำถาม นายปดิพัทธ์ ประธานในที่ประชุมทักท้วงว่า ใช้เวลาเกือบ 10 นาทีแล้วขอให้ถามคำถามได้แล้ว ทำให้นายอัครเดช กล่าวว่า กระทู้ถามทั่วไปไม่ได้ระบุเวลา ตนรู้ข้อบังคับดี ท่านประธานอย่าทำตัวเอียง ต้องวางตัวเป็นกลาง วินิจฉัยอะไรต้องรับผิดชอบ

นายปดิพัทธ์ จึงกล่าวว่า ตนให้โอกาสในการอภิปราย แต่นายอัครเดชพูดวนเวียนแล้ว และคิดว่าเราได้ประเด็นของเนื้อหาจึงอยากให้ช่วยบริหารเวลาเท่านั้น และไม่ได้ห้ามอภิปราย

ทำให้นายอัครเดช กล่าวว่า กระทู้ถามสดมีเวลาถาม และตอบ 15 นาที ตนเพิ่งถามไป 10 นาที ท่านมาเบรกตน ท่านมีอะไรกับตนไหม ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว นายปดิพัทธ์จึงตอบกลับว่า ไม่มี แต่ตนต้องบริหารเวลา วันนี้ตนให้อภิปรายเกิน 10 นาทีได้ เพราะวันนี้มีกระทู้ของนายอัครเดชคนเดียวที่เหลือเป็นการเลื่อนกระทู้ และตนแค่บอกว่าตอนนี้ต้องถามได้แล้ว เพราะเป็นการอภิปรายที่มากพอแล้ว ตนไม่มีอะไรกับนายอัครเดช ขอให้เข้าสู่เนื้อหาเลย คิดว่ามันเสียเวลาของสภาฯ ขอเข้าสู่กระทู้ต่อ

นายอัครเดช กล่าวว่า เป็นสิทธิของส.ส. ตนยังอยู่ในเวลาที่ใช้สิทธิตามระยะเวลาที่มีอยู่คือ 15 นาที เพราะการอภิปรายของตนก็เป็นประโยชน์ต่อรัฐมนตรี ในการให้ข้อมูลรัฐมนตรีไปบริหารประเทศ เพื่อประหยัดงบประมาณเงินภาษีของพี่น้องประชาชน ตนจึงบอกว่า 70 ล้านกับ 10 ล้านมันต่างกัน สิ่งที่ตนอภิปรายดีกว่าที่จะอภิปรายที่ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา แล้วท่านวินิจฉัยกลายมาเป็นประเด็นที่ทะเลาะกัน ตนว่าแบบนั้นเสียเวลามากกว่า ขอให้ทำตามข้อบังคับและเคารพสิทธิของสภาฯ ด้วย

นายปดิพัทธ์ จึงชี้แจงว่า ข้อบังคับระบุว่าต้องไม่เป็นลักษณะการอภิปราย หากนายอัครเดชไม่ถามกระทู้ ขออนุญาตว่าจะไม่ถามก็ได้ แต่ตอนนี้นายอัครเดชใช้เวลามากเกินไปกับสิ่งที่ไม่อยู่ในกระทู้

นายอัครเดช สวนทันควันว่า อยากให้นายปดิพัทธ์ใช้ดุลพินิจอยู่ในข้อบังคับ และรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนด้วย ตนกำลังอภิปรายประเด็นนี้และตนถามกระทู้มาตั้งแต่สมัยที่นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานสภาฯ ตนไม่ได้ถามกระทู้นี้กระทู้แรก และตนไม่เคยมีปัญหาเช่นนี้เพราะตนรู้ข้อบังคับ ทำให้นายปดิพัทธ์ ทักท้วงขึ้นว่า ขอให้เข้าเรื่องได้แล้ว ไม่เช่นนั้นตนไม่อนุญาตให้พูดและคำวินิจฉัยของประธานเป็นที่สิ้นสุด

นายอัครเดช กล่าวว่า หากท่านประธานวินิจฉัยเช่นนี้ ตนขอให้สภาฯ แห่งนี้บันทึกไว้ว่าส.ส.ที่นำปัญหาของพี่น้องประชาชนมาอภิปรายตามข้อบังคับ แต่ท่านใช้ดุลพินิจให้ส.ส.หยุดอภิปราย จึงขอให้สภาฯ บันทึกไว้ว่าตนมีความตั้งใจที่จะถามกระทู้นี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ หากท่านวินิจฉัยเช่นนี้ ตนขอไม่ถามกระทู้ต่อ

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนจำเป็นต้องบริหารเวลาและข้อบังคับให้ชัดเจน ไม่ได้มีเจตนาที่จะเบรกไม่ให้นายอัครเดชถาม ขอให้ท่านอภิปรายและเข้าสู่คำถามเพราะเห็นว่าอภิปรายได้ครบถ้วนแล้ว ซึ่งก็รอคำถามจากท่านอยู่ ตนเคารพท่านและสภาฯ ก็บันทึกไว้ได้ว่าตนวินิจฉัยเช่นนี้

นายอัครเดช ลุกขึ้นทักท้วงอีกรอบว่า ท่านประธานไม่จบ นายปดิพัทธ์ จึงกล่าวขึ้นว่า ตนจบแล้ว และไม่อนุญาตให้พูด ขอบคุณรัฐมนตรี ซึ่งผู้ถามไม่ได้ใช้สิทธิ์ถามแล้ว และเจ้าหน้าที่ที่บันทึกการประชุมว่า นายอัครเดชทำผิดข้อบังคับ ไม่เคารพคำวินิจฉัย ตนไม่สามารถให้อภิปรายตัวตนได้เพราะนี่ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ทำให้นายอัครเดช ลุกขึ้นประท้วงว่า ตนไม่ได้อภิปรายและขอประท้วงว่าประธานทำผิดข้อบังคับ ท่านเป็นประธานต้องวางตัวเป็นกลาง อย่าเอาอารมณ์ เมื่อครั้งที่แล้วมาทำเช่นนี้กับสมาชิก ไม่ถูกต้อง ท่านเป็นประธาน ตนและส.ส.เคารพท่านเพราะตำแหน่งท่านแต่การที่ท่านวินิจฉัยและมาขัดการอภิปรายเช่นนี้ ตนถือว่าเป็นสิ่งที่ประธานไม่ควรทำและไม่สร้างสรรค์อย่างยิ่ง

นายปดิพัทธ์ ได้ย้ำอีกครั้งถึงเรื่องข้อบังคับสภาฯ ในการถามกระทู้และไม่ได้มีเจตนาที่จะเบรกไม่ให้นายอัครเดชถามกระทู้แต่อย่างใด จากนั้นจึงเข้าสู่วาระถัดไป