‘แคว้นทรานส์นีสเตรีย’ ขอความคุ้มครองจาก ‘รัสเซีย’ อ้าง!! ถูก ‘รบ.มอลโดวา’ กดดันทางเศรษฐกิจอย่างหนัก

เมื่อวานนี้ (28 ก.พ. 67) รัฐบาลท้องถิ่นแคว้นทรานส์นีสเตรีย หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐมอลเดเวียพรีดเนสโตรวี มีมติยื่นคำร้องถึงรัฐบาลมอสโก เพื่อขอความคุ้มครองพิเศษจากรัสเซีย อ้างเหตุหวั่นตกเป็นพื้นที่พิพาทแห่งใหม่จากการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลมอลโดวา

‘ทรานส์นีสเตรีย’ เป็นแคว้นที่ประกาศแยกตัวออกจากประเทศมอลโดวา แต่ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการในระดับสากล ภูมิประเทศเป็นพื้นที่แคบยาวตลอดแนวแม่น้ำนีสเตอร์ และมีชายแดนติดกับยูเครน มีรัฐบาลท้องถิ่นปกครองตนเองซึ่งส่วนใหญ่มีแนวคิดสนับสนุนรัสเซียมาตั้งแต่ยุคหลังสหภาพโซเวียต

แต่ในปัจจุบันสภาแห่งยุโรปยังถือว่าทรานส์นีสเตรีย เป็นส่วนหนึ่งของประเทศมอลโดวา เพียงแต่อยู่ภายใต้การยึดครองโดยกองทัพรัสเซีย ในขณะที่รัฐบาลมอลโดวา กำหนดให้ดินแดนแห่งนี้เป็นหน่วยปกครองดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำนีสเตอร์

แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สมาชิกสภาคองเกรซแห่งทรานส์นีสเตรียได้ลงมติเรียกร้องให้สภาดูมาแห่งรัสเซียพิจารณามาตรการป้องกันให้แก่ทรานส์นีสเตรีย อันเนื่องจากในทรานส์นีสเตรียมีพลเมืองรัสเซียอาศัยอยู่มากกว่า 2.2 แสนคน ที่ควรได้รับการคุ้มครองจากแรงภาวะสงครามในยูเครน และ แรงกดดันจากนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลมอลโดวา 

ข้อพิพาทครั้งล่าสุดระหว่างมอลโดวา และ ทรานส์นีสเตรีย มาจากนโยบายเก็บภาษีใหม่ โดยได้กำหนดให้บริษัทเอกชนในทรานส์นีสเตรียต้องเสียภาษีศุลกากรสินค้าให้กับรัฐบาลกลางมอลโดวา มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา 

ในขณะที่ วาดิม ครานโนสเซลสกี้ ผู้นำของทรานส์นีสเตรีย ได้ออกมาทักท้วงว่าทรานส์นีสเตรียควรได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษีจากข้อตกลงการค้าเสรีมอลโดวา ที่ได้เซ็นไว้ในที่ประชุมสหภาพยุโรปในปี 2013 

แต่ทั้งนี้ มอลโดวากำลังได้รับการพิจารณาเป็นประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป โดยไม่รวมเขตปกครองทรานส์นีสเตรียในข้อตกลงด้วย จึงทำให้รัฐบาลมอลโดวาจำเป็นต้องยกเลิกการผ่อนปรนภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าจากทรานส์นิสเตรียน ทำให้เจ้าของกิจการทรานส์นีสเตรีย มีภาระด้านภาษีเพิ่มขึ้นเพราะต้องจ่ายภาษีให้กับทั้งทรานส์นิสเตรียและมอลโดวา

อีกทั้งสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้รัฐบาลยูเครนต้องปิดชายแดนทางฝั่งทรานส์นิสเตรีย จึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของทรานส์นิสเตรีย ที่ถูกกดดันทั้งจากสถานการณ์ในยูเครน และ จากรัฐบาลมอลโดวา อันเป็นเหตุให้สภาท้องถิ่นทรานส์นิสเตรีย มีมติขอความคุ้มครองจากรัฐบาลรัสเซียในวันนี้ 

สื่อรัสเซียได้อ้างอิง คำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียว่าได้ตอบรับข้อเรียกร้องของทรานส์นิสเตรียแล้ว โดยได้กล่าวว่า การปกป้องดินแดนสีเงิน (ชื่อที่รัสเซียใช้เรียกทรานส์นิสเตรีย) เป็นสิ่งที่รัสเซียให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่ารัสเซียอาจมีแผนในการผนวนดินแดนทรานส์นิสเตรียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในอนาคต

ในขณะเดียวกัน โอเลก เซเรเบรียน รองนายกรัฐมนตรีของมอลโดวา ออกมาปฏิเสธคำแถลงของรัฐบาลทรานส์นิสเตรีย ว่าเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีสถานการณ์อันตรายใด ๆ ในภูมิภาคทรานส์นิสเตรียนที่ต้องขอการคุ้มครองพิเศษ เป็นแค่เพียงการปั่นกระแสเพื่อสร้างความตื่นตระหนกเท่านั้น

โดนัลด์ ทัสค์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ความตึงเครียดในทรานส์นิสเตรียเป็นอันตรายต่อภูมิภาคก็จริง แต่ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ การยั่วยุ และคุกคามจากรัสเซียนั้นมีมานานแล้ว โดยผู้นำโปแลนด์ได้ยกตัวอย่างกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่อยู่ทางภาคตะวันออกของยูเครน ที่ได้ขอการคุ้มครองพิเศษจากรัสเซียเมื่อปี 2022 เพื่อป้องกันการโจมตีจากกองทัพยูเครนเช่นกัน และต่อมาทางรัสเซียก็ได้ผนวกเอาดินแดนทางฝั่งยูเครนตะวันออกส่วนนั้นไปแล้ว

เช่นเดียวกับทางสหรัฐอเมริกา แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนอธิปไตย และการอ้างสิทธิ์ในดินแดนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลของมอลโดวาอย่างเต็มที่ และจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของรัสเซียในทรานส์นิสเตรียอย่างใกล้ชิด ที่อาจมีเป้าหมายเชิงรุกในการทำลายเสถียรภาพและความมั่นคงของชาติสมาชิกในยุโรป

เพราะคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ หากรัสเซียจะเดินกลยุทธ์ ผนวกดินแดนทรานส์นิสเตรียเป็นของตนถาวร และจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันทั้งฝั่งยูเครน และ มอลโดวา ว่าภัยคุกคามจากรัสเซียสามารถแทรกซึมได้ไวกว่าที่คิด 


เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

อ้างอิง: The Guardian / Reuters / Euro News