‘ททท.’ ผนึก ‘Fliggy’ แอปฯ ท่องเที่ยวยอดฮิตของ ‘จีน’ หวังเรียกความเชื่อมั่น นทท.จีน-เสริมภาพลักษณ์เมืองไทย

(23 พ.ย. 66) นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้ร่วมลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (แอลโอไอ) กับ Mr.Tyrion Tong รองประธานบริษัท Zhejiang Fliggy Network Technology ผู้ผลิตแอปพลิเคชัน ‘Fliggy’ แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ยอดนิยมในตลาดจีน บริษัทในเครือ Alibaba กรุ๊ป เพื่อร่วมกันส่งเสริมการขายกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ Mr.Zhuoran Zhuang รองประธานบริหารอาลีบาบา กรุ๊ป และประธานบริหาร บริษัท Zhejiang Fliggy Network Technology เข้าร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามดังกล่าว

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ความคืบหน้าการดำเนินมาตรการฟรีวีซ่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนอาจยังเดินทางมาไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่การใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เรามุ่งหวังไว้ และการร่วมมือครั้งนี้การเป็นการเจาะกลุ่มตลาดใหม่ในจีน ที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงเป็นหลัก ส่วนประเด็นการเข้ามาของชาวจีนที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยว และเข้ามาหาผลประโยชน์ในไทย อาทิ การเข้ามาขอทานนั้น มองว่าเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงยังไม่อยากให้รีบสรุปไปว่าเป็นผลจากการไม่มีวีซ่า ทำให้คนเหล่านี้เข้ามาในไทย โดยมองว่าการตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย ของกลุ่มคนที่เข้ามาหาผลประโยชน์ในไทยแบบผิดกฎหมาย จะไม่กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวแน่นอน

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจากเดิม โดยนักท่องเที่ยว 86% เดินทางมาเที่ยวด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพที่มีกำลังซื้อ มีระยะเวลาพำนักเฉลี่ย 7.88 คืน ยาวนานกว่ากลุ่มทั่วไป และค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 คิดเป็นจำนวน 56,000 บาทต่อทริป ขณะที่ข้อมูลจาก Alipay ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออาลีบาบากรุ๊ป พบว่านักท่องเที่ยวจีนที่ใช้บริการผ่าน Alipay มีค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว โดยยังไม่รวมค่าที่พักสูงถึง 20,000 บาทต่อคนต่อทริป ซึ่งเพิ่มขึ้น 80% เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยจากสถิติของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 22 พฤศจิกายน 2566 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วประมาณ 3 ล้านคน

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท. จะร่วมมือกันนำสมาร์ตเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อยกระดับประสบการณ์ในการท่องเที่ยว นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทยบนแพลตฟอร์ม Fliggy การส่งเสริมและนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มีศักยภาพแก่นักท่องเที่ยวจีน การร่วมผลิตและเผยแพร่เนื้อหาประชาสัมพันธ์สำหรับตลาดจีน จัดแคมเปญส่งเสริมตลาดสำหรับอีเวนต์ รวมถึง Fliggy จะจัดทีมบริการให้ความช่วยเหลือแก่นักท่องเที่ยวจีนตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในรูปแบบออนไลน์และศูนย์ให้บริการข้อมูลข่าวสารในพื้นที่ที่กำหนด โดย ททท. จะสนับสนุนการจัดอบรมและให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่เจ้าหน้าที่ของ Fliggy ด้วย

“การลงนามร่วมกันครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสในการนำเสนอสินค้า และบริการคุณภาพของประเทศไทยในตลาดจีน ผ่านแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพและได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง รวมถึงเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เชิงบวก เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางการท่องเที่ยวไทยในตลาดจีน และเร่งกระตุ้นรายได้ทางการท่องเที่ยวจากกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพของจีน เนื่องจากแพลตฟอร์มบริการด้านท่องเที่ยวออนไลน์ยอดนิยมของจีน ซึ่งมีบัญชีผู้ใช้มากกว่า 500 ล้านบัญชี และมีบริการที่ครบวงจร (One Stop Service) ครอบคลุมตั้งแต่การสำรองบัตรโดยสารเครื่องบิน ที่พัก ทัวร์ส่วนตัว” นางสาวฐาปนีย์ กล่าว