‘เกาหลีเหนือ’ กร้าว!! พร้อมเปิดศึก หลังส่งดาวเทียมสอดแนมสำเร็จ ด้าน ‘โสมขาว’ โต้กลับ ฉีกข้อตกลง-ยกระดับกองกำลังตามชายแดน

(23 พ.ย. 66) ‘เกาหลีเหนือ’ เปิดเผยว่า จะคืนชีพทุกมาตรการทางทหารที่เคยระงับไปภายใต้ข้อตกลงปี 2018 กับ ‘เกาหลีใต้’ ที่ออกแบบมาเพื่อลดสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนร่วมระหว่าง 2 ชาติ พร้อมประกาศเดินหน้าประจำการกองกำลังที่เข้มแข็งกว่าเดิม และอาวุธใหม่ๆ ไปยังแนวชายแดนติดกับเกาหลีใต้

ถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหมเกาหลีเหนือ มีขึ้น 1 วัน หลังจากเกาหลีใต้ระงับบางส่วนในข้อตกลงทางทหารระหว่าง 2 ชาติเกาหลี เมื่อปี 2018 เพื่อเป็นการประท้วงกรณีที่เปียงยางปล่อยดาวเทียมสอดแนมขึ้นสู่วงโคจร และบอกว่าจะยกระดับสอดแนมทางทหารตามแนวชายแดนที่ติดกับเกาหลีเหนือ ให้มีการป้องกันอย่างหนาแน่นมากยิ่งขึ้น

“นับตั้งแต่บัดนี้ กองทัพของเขาจะไม่อยู่ภายใต้พันธสัญญาของข้อตกลงทางทหารเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 19 กันยายน อีกต่อไปแล้ว” ถ้อยแถลงระบุ “เราจะถอนมาตรการต่างๆ ทางทหาร ที่ใช้ป้องกันความตึงเครียดทางทหารและความขัดแย้งในทุกขอบเขต ทั้งทางภาคพื้น ทะเลและอากาศ และประจำการกองกำลังที่ทรงอานุภาพกว่าเดิม รวมถึงยุทโธปกรณ์ทางทหารชนิดใหม่ๆ ในภูมิภาคตามแนวเส้นแบ่งเขตทางทหาร”

เกาหลีเหนือกล่าวหาเกาหลีใต้ ว่า ‘ฉีกข้อตกลง’ ที่เรียกว่า ‘ความตกลงทางทหารแบบครอบคลุม’ (Comprehensive Military Agreement) และบอกว่าโซลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดทั้งมวล หากเกิดการปะทะที่ไม่อาจย้อนกลับได้ ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้"

ถ้อยแถลงของเกาหลีเหนือ มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากพวกเขายิงขีปนาวุธลูกหนึ่งใส่ทะเลทางตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี เมื่อช่วงค่ำของวันพุธที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ในขณะที่กองทัพเกาหลีใต้ บอกว่าดูเหมือนการยิงดังกล่าวจะประสบความล้มเหลว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่า การตัดสินใจของเกาหลีใต้ ในการระงับข้อตกลงบางส่วน เป็นการตอบโต้ที่รอบคอบและอดทนอดกลั้นแล้ว อ้างถึงกรณีที่เกาหลีเหนือไม่ยึดถือข้อตกลงดังกล่าว

“การระงับข้อตกลงบางส่วนของเกาหลีใต้ จะเป็นการคืนชีพความเคลื่อนไหวในการสอดแนม และลาดตระเวนตามแนวเส้นแบ่งเขตทางทหารในฝั่งของเกาหลีใต้” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าว

‘ความตกลงทางทหารแบบครอบคลุม’ (Comprehensive Military Agreement) เป็นข้อตกลงที่จัดทำขึ้นในยุคของอดีตประธานาธิบดี ‘มุน แจอิน’ แห่งเกาหลีใต้ ซึ่งได้เดินทางไปประชุมซัมมิตทวิภาคีกับผู้นำ ‘คิม จองอึน’ ที่กรุงเปียงยาง เมื่อปี 2018 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติ

แต่มีนักวิจารณ์จำนวนไม่น้อยที่เห็นว่าข้อตกลงฉบับนี้ควรถูกยกเลิก เพราะเป็นการลดทอนศักยภาพของโซล ในการติดตามความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือตามแนวชายแดน อีกทั้งโสมแดงเองมีการละเมิดเงื่อนไขข้อตกลงด้วย

เกาหลีเหนือ ระบุเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ถึงการประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมสอดแนมดวงแรกของประเทศขึ้นสู่วงโคจร ความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงประณามจากนานาชาติ โทษฐานที่ละเมิดมติของสหประชาชาติ ที่ห้ามเปียงยางจากการใช้เทคโนโลยีที่สามารถใช้ได้เพื่อรับโครงการขีปนาวุธ

เกาหลีใต้ เชื่อว่า ดาวเทียมเกาหลีเหนือเข้าสู่วงโคจร แต่ต้องใช้เวลาสักพักสำหรับการประเมินว่า ดาวเทียมดวงนี้ สามารถปฏิบัติการได้ตามปกติหรือไม่

การปล่อยดาวเทียม เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจาก 2 หนแรกประสบความล้มเหลว และมีขึ้นตามหลังจากที่ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เยือนดินแดนรัสเซีย โดยระหว่างนั้น ประธานาธิบดี ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ รับปากว่าจะช่วยเกาหลีเหนือในการสร้างดาวเทียม

พวกเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ บอกว่า การปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนือนั้น มีความเป็นไปได้อย่างที่สุด ว่าจะเกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือทางเทคนิคจากรัสเซีย ภายใต้ความเป็นพันธมิตรที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ระหว่าง 2 ชาติ ที่ได้เห็นเปียงยางจัดหากระสุนปืนใหญ่หลายล้านลูกให้แก่รัสเซีย

ในขณะที่ รัสเซียและเกาหลีเหนือ ปฏิเสธว่าไม่มีข้อตกลงด้านอาวุธใดๆ แต่บอกว่าความร่วมมือระหว่าง 2 ชาติ กำลังแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ