‘ครู รร.ชื่อดัง’ ฉาว!! ตบ ‘นร.ชาย’ จนหน้าหัน เพราะไม่ยอมเรียก ‘แม่’ ล่าสุดโดนสั่งพักงาน-ตั้ง กก.สอบวินัยแล้ว รับทำจริง พร้อมชี้แจงยิบ

จากกรณีที่ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปแฉพฤติกรรมคุณครูผู้หญิงรายหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า…

“หลานชายเราโดนครูตบหน้าอย่างแรง ด้วยเหตุผลที่ครูให้เรียกว่า ‘แม่’ แต่หลานตอบว่า ผมมีแม่คนเดียว หลานได้ขอโทษแล้วครูยังตบซ้ำ มันเกินไปไหมคะ รร.สาธิตชื่อดังย่านรามคำแหง”

จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก อาทิ
“ครูทำเกินไปมาก”
“เด็กยกมือไหว้ขนาดนั้นยังไม่หยุดตบอีก”
“เป็นครูได้ยังไง”
“แบบนี้มันเข้าข่ายทำร้ายร่างกายแล้วครับ ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนี้ ครูคนนี้ต้องรับผิด ทั้งวินัยของหน่วยงาน ทั้งกฎหมายอาญา และเยียวยาทางแพ่ง ที่สำคัญ ยังมีครูที่ใช้อำนาจ ความรุนแรงทางวาจาและร่างกาย กับนักเรียนอีกมาก ที่ไม่ถูกพบเห็น ไม่กล้าแจ้ง แจ้งแต่ไม่คืบหน้า… ทำลายทรัพยากรมนุษย์ของประเทศตั้งแต่ในโรงเรียน”

ล่าสุด วันนี้ (28 ก.ย. 66) ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝ่ายมัธยม อ.ดร.ธัชพล พลรัตน์ รองคณบดีฝ่ายโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝ่ายมัธยม ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนเพิ่งมารับตำแหน่ง ผอ. เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เห็นคลิปแล้ว และยอมรับว่าเป็นครูของโรงเรียนจริง ซึ่งเป็นครูวิชาแนะแนวของชั้นมัธยมศึกษาชั้นที่ 2 และนักเรียนคู่กรณีก็เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นที่ 2 ส่วนห้องเรียนตนขอสงวน ไม่เปิดเผย

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ผู้บริหารชุดเก่า ประมาณเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางผู้ปกครองของนักเรียนดังกล่าว ซึ่ง 1 ในผู้ปกครองเป็นคุณครูของโรงเรียนเช่นเดียวกัน และมาพบตน พร้อมบอกว่าถูกครูแนะแนวคนดังกล่าวใช้วาจาหยาบคาย ไม่เหมาะสม ทำให้รู้สึกไม่ดี อีกทั้งยังบอกว่าก่อนหน้านี้มีประเด็นกันมาก่อน จากนั้นผู้ปกครองได้ให้ตนเองดูคลิป ตนจึงขอรวบรวมข้อมูลจากทางครูก่อน

แต่เนื่องด้วยครูแนะแนวคู่กรณีลาวันศุกร์กับวันจันทร์ ตนจึงได้พูดคุยกับครูแนะแนวดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และได้ข้อมูลมาว่าระหว่างการเรียนการสอน ได้มีการสอบถามข้อมูลกับนักเรียนคู่กรณี และเกิดการใช้วาจาไม่เหมาะสมดังกล่าว

อ.ดร.ธัชพล กล่าวต่อว่า เบื้องต้นตนจะต้องรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งให้กับงานวินัยของมหาวิทยาลัย จึงจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย ตนจึงได้เรียกมาพูดคุยเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ข้อมูลระหว่างครูและผู้ปกครองนั้นไม่เหมือนกัน ก่อนที่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ย. คลิปจะถูกปล่อยออกมา

อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางเบื้องต้น ตนได้สั่งให้ครูแนะแนวดังกล่าวหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีการสอบวินัยเสร็จสิ้น ซึ่งครูดังกล่าวมีอาการเคร่งเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนนักเรียนคู่กรณี เปิดเผยว่าตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นมากแล้ว เนื่องจากได้กำลังใจจากเพื่อน ๆ ทั้งระดับชั้น รวมถึงครอบครัว และตนก็ได้ติดตามตลอดว่านักเรียนรู้สึกอย่างไร

อ.ดร.ธัชพล กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ ทางงานวินัยจะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่คาดว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะกำลังเป็นที่จับตามองของสังคม อย่างไรก็ตาม ตนได้พูดคุยกับผู้บริหารชุดเก่า ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่าเรื่องนี้ได้ดำเนินการเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกันเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งเรื่องก็เงียบไปนานแล้ว จนมาเกิดเรื่องดังกล่าว ส่วนประเด็นที่ว่าครูท่านนี้เคยมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมาก่อนนั้น ตนขอให้เป็นเรื่องของงานวินัยดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ สำหรับแนวทางการลงโทษ มีด้วยกัน 5 ขั้น ได้แก่ 1.) ภาคทัณฑ์ 2.) ตัดเงินเดือน 3.) ลดเงินเดือน 4.) ปลดออก และ 5.) ไล่ออก ซึ่งต้องดูตามเจตนาของครูแนะแนวต่อไป

อย่างไรก็ตาม ด้านผู้ปกครองเองไม่ได้อยากจะเอาเรื่อง เพียงแต่อยากได้ความยุติธรรมเท่านั้นเอง ซึ่งตนได้พูดคุยกับผู้ปกครองเพิ่มเติมก็พบว่ากดดันที่ทำให้กระทบโรงเรียนเพราะเป็นครูที่นี่ และผู้ปกครองก็ไม่ใช่คนโพสต์คลิปดังกล่าวด้วย

อ.ดร.ธัชพล กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนได้เห็นคลิป มองว่าเรื่องนี้ในฐานะครูและข้าราชการ เรามีแนวทางปฏิบัติงานอยู่แล้ว ถ้าเรายึดมั่นตามแนวทาง และระเบียบราชการปัญหาก็คงไม่เกิด ทั้งนี้ตนได้ทราบถึงพฤติกรรมของครูดังกล่าวว่า เป็นคนพูดจาตรง ๆ ดุ และตั้งใจสอนมาก

“ทางโรงเรียนรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งครูในโรงเรียน นักเรียน และผู้ปกครอง ไม่มีใครคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับโรงเรียนของเรา มองว่าเรื่องนี้เป็นเคสตัวอย่างที่โรงเรียนได้เรียนรู้ และครูก็ต้องกลับมาทบทวนว่าทุกวันนี้การเรียนการสอนของเราเป็นอย่างไร เหมาะสมกับนักเรียนยุคสมัยนี้หรือไม่ การใช้วิธีดุด่าคงใช้ไม่ได้แล้ว ซึ่งทางโรงเรียนยืนยันจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ดีที่สุด และจะแถลงให้ทราบต่อไป” อ.ดร.ธัชพล กล่าวทิ้งท้าย