‘เซเลนสกี’ เยือนวอชิงตันอีกรอบ ขอความช่วยเหลือเพิ่ม แม้ ‘ไบเดน’ หนุน แต่คองเกรสเอือมสงคราม รีพับลิกันเริ่มขวาง

(22 ก.ย. 66) ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำแห่งยูเครน เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อการเยือนเป็นครั้งที่ 2 ของเขาในช่วงเวลาทำสงครามกับรัสเซีย อย่างไรก็ดี นอกจากจะไม่ได้รับการต้อนรับดุจดังวีรบุรุษเหมือนหนที่แล้ว คราวนี้ผู้นำเคียฟยังต้องเผชิญบรรยากาศความเหนื่อยล้า จากสงครามของบรรดาสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ และความเสี่ยงที่แพ็กเกจความช่วยเหลือล็อตใหม่มูลค่ากว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อาจถูกขัดขวาง

เซเลนสกีโพสต์ข้อความทางสื่อสังคมในตอนเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) ที่ผ่านมา ว่า เขาและภรรยามาถึงวอชิงตัน ดี.ซี.แล้ว และระบบป้องกันภัยทางอากาศ คือหนึ่งในรายการที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด ซึ่งเขาต้องการจะได้รับในเมืองหลวงของสหรัฐฯ แห่งนี้

ผู้นำยูเครนวัย 45 ปีผู้นี้ มีกำหนดพบปะเจรจากับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ทำเนียบขาว และจากนั้นจะไปเยือนกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน)

ทว่านัดหมายที่สำคัญอย่างที่สุดของเขา น่าจะเป็นการพบหารือกับพวกผู้นำของพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตในรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งแพ็กเกจความช่วยเหลือยูเครนฉบับใหม่มูลค่า 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่คณะบริหารของไบเดนได้เสนอเข้าไป มีความเสี่ยงที่จะถูกสกัดขัดขวาง

เซเลนสกีเพิ่งออกมาจากการร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชนในนครนิวยอร์ก ซึ่งเขาปราศรัยเรียกร้องให้โลกยืนหยัดสนับสนุนยูเครน ต่อสู้กับสิ่งที่เขากล่าวหาว่าเป็น ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ ของรัสเซีย

เขายังร้องขอชาวอเมริกันคงความสนับสนุนที่ให้แก่เคียฟต่อไป หลังจากที่วอชิงตันได้อัดฉีดเงินมากกว่า 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในรูปความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครน นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยที่เขากล่าวอ้างกับโทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอังคาร (19 ก.ย.) ที่ผ่านมา ว่า “เรากำลังอยู่ตรงเส้นชัยแล้ว”

ทว่า ทริปเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของเขาหนนี้ จะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากหนแรกเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยครั้งนั้นเซเลนสกีบินไปอเมริกาแบบไม่มีการออกข่าวล่วงหน้า และได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษจากทั้งทำเนียบขาวและที่รัฐสภาสหรัฐฯ

แต่ในครั้งนี้ วอชิงตันอบอวลไปด้วยความสงสัยข้องใจมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับอนาคตการให้ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ โดยที่กลุ่มสมาชิกสายแข็งของรีพับลิกันประกาศว่า จะไม่ยกมือเห็นชอบมาตรการทางการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลต้องหยุดทำการชั่วคราว เพราะหมดงบประมาณ หรือที่เรียกกันว่า ‘ชัตดาวน์’ ถ้าหากมีการพ่วงความช่วยเหลือสำหรับยูเครนเข้าไปด้วย

แม้ว่าไบเดนยังคงให้สัญญาจะยืนหยัดเคียงข้างเคียฟไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยที่การรณรงค์หาเสียงเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งอีกสมัยในปีหน้าของเขา มีการวาดภาพเรื่องเขาสนับสนุนยูเครน ว่าเป็นการสาธิตถึงความเป็นผู้นำโลกของเขา

‘จอห์น เคอร์บี้’ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แถลงว่า ไบเดนรอรับฟังสถานการณ์ในสนามรบจากเซเลนสกี ที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของยูเครนโดยตรง รวมทั้งจะหารือเกี่ยวกับสิ่งที่เซเลนสกีต้องการ และวิธีที่อเมริกาจะตอบสนองความต้องการเหล่านั้นต่อไปในอนาคต

สำหรับข่าวที่ว่า เซเลนสกีจะร้องขอขีปนาวุธทางยุทธวิธี ATACMS ซึ่งมีพิสัยทำการ 300 กิโลเมตร ไกลขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับขีปนาวุธอื่นๆ ที่ยูเครนได้รับอยู่ในปัจจุบัน เคอร์บี้บอกว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ถูกปัดตกไป แต่ก็ยังไม่มีการตัดสินใจในเวลานี้

อย่างไรก็ตาม เห็นกันดีเรื่องน่าหนักใจที่สุดของผู้นำยูเครน คือการโน้มน้าวรัฐสภาสหรัฐฯ ในเมื่อความหวังที่จะได้ความช่วยเหลือเพิ่มก้อนใหญ่อีกก้อนหนึ่งของยูเครน ถูกนำไปผูกโยงกับดรามาการต่อรองกันระหว่างพรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครต

ไม่เพียงฝ่ายขวาจัดของรีพับลิกันในรัฐสภา แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่า ถ้ารัฐบาลขืนผลักดันให้ผ่านงบช่วยเหลือเคียฟ ก็จะไม่ยอมตกลงเรื่องมาตรการหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ กระทั่งสมาชิกรีพับลิกันสายกลางก็แสดงความข้องใจมากขึ้น กับการยังคงช่วยเหลือยูเครนต่อไป

เป็นต้นว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร ‘เควิน แมคคาร์ธีย์’ ให้สัมภาษณ์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า เขาคิดว่า คนอเมริกันอยากทราบว่ายูเครนมีแผนอย่างไร ที่จะทำให้ตัวเองรบชนะรัสเซีย

มี ส.ส.บางคนเห็นว่า น่าจะเอาเงินไปใช้ในการรักษาความปลอดภัยพรมแดนสหรัฐฯ มากกว่า ท่ามกลางความกังวลสงสัยที่การปฏิบัติการตอบโต้ของเคียฟมีความคืบหน้าน้อยมาก แถมยังมีข่าวการทุจริตหนักหน่วงในยูเครน จนเกิดคำถามว่า “หรือความช่วยเหลือที่ทุ่มเทให้ไปจะสูญเปล่า?”

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นตัวเก็งของรีพับลิกันท้าชิงทำเนียบขาวจากไบเดนในปีหน้า บอกว่า ควรเอาเงินที่จะให้ยูเครนมาใช้กับกิจการในประเทศมากกว่า ซ้ำทำนายว่า ที่สุดแล้วชัยชนะจะเป็นของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำแห่งรัสเซีย