‘อาร์เจนตินา’ เผชิญวิกฤต ‘เงินเฟ้อ’ หนัก!! หลังเงินเปโซอ่อนยับ 'ฉุดประเทศ-ประชาชน' ดำดิ่งสู่ภาวะยากจนอย่างแสนสาหัส

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 66 ช่องยูทูบ ‘ทันโลกกับ Trader KP’ ได้เชิญ ‘คุณบุรินทร์ อดุลวัฒนะ’ กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ (Chief Economist) บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มาร่วมวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเงินของประเทศอาร์เจนตินา ว่าเพราะเหตุใด สกุลเงิน ‘เปโซ’ ของประเทศอาร์เจนตินา ถึงอ่อนค่าลงจนทำให้เงินเปโซไร้ค่าเช่นนี้ และปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อประชาชน ทำให้เข้าสู่ภาวะยากจนอย่างหนัก โดยคุณบุรินทร์ได้ให้มุมมองไว้ว่า…

แบงค์ชาติของประเทศอาร์เจนตินา ได้มีการปรับค่าเงินเปโซ ซึ่งเป็นค่าเงินทางการของประเทศ จาก 287 เปโซต่อดอลลาร์ เป็น 350 ต่อดอลลาร์ กล่าวง่ายๆ ก็คือ เป็นการ ‘ลดค่าเงิน’ ประมาณ 18% ที่สําคัญมากกว่านั้นคือ ธนาคารกลางอาร์เจนตินากลัวเกิดภาวะ ‘เงินไหลออก’ จึงปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งปรับขึ้นจาก 97% เป็น 118%

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้ค่าเงินของทางการนั้นไม่มีใครใช้อยู่แล้ว และไม่มีใครเชื่อถือ เพราะในตลาดมืดหรือตลาดของจริง 1 ดอลลาร์ ควรจะมีค่าอยู่ที่ประมาณ 690 เปโซ แต่ทางรัฐบาลได้ออกมาแจ้งว่า 1 ดอลลาร์เท่ากับ 350 เปโซ ซึ่งสวนทางกับในโลกแห่งความเป็นจริง เพราะในตลาดของจริงนั้น 1 ดอลลาร์ มีค่าเท่ากับ 690 เปโซ หรือสูงเทียบเท่ากับครึ่งนึงของค่าเงินที่รัฐบาลได้แจ้งไว้

ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากการที่รัฐบาลอาร์เจนตินา มีความพยายามที่จะปิดกั้นไม่ให้เกิดภาวะเงินไหลออก ซึ่งหากคิดตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว เมื่อมีการตรึงราคาค่าเงินไว้ แล้วราคาไม่ได้สะท้อนกับกลไกทางตลาดหรือความเป็นจริง จะส่งผลทำให้เกิดการซื้อขายกันนอกตลาด หรือนอกระบบขึ้น

แล้วเกิดอะไรขึ้นกับประเทศอาร์เจนตินา? ประเทศอาร์เจนตินาได้มีการเลือกตั้ง และปรากฏว่า ‘จาเวียร์ มิลเลย์’ (Javier Milei) นักเศรษฐศาสตร์และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เสรีนิยมอาร์เจนตินา ได้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยเช่นกัน และในที่สุดเขาก็สามารถคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีมาได้

ซึ่งแนวคิดของเขานั้น ค่อนข้างที่จะสุดโต่ง อีกทั้งเขายังได้ออกมาบอกว่า “พวกนักการเมืองเป็นโจร” และเขายังกล่าวอีกด้วยว่า หากเขาได้เป็นประธานาธิบดีเขาจะเผา (ยกเลิกระบบ) ธนาคารกลางให้หมด เพราะนโยบายต่าง ๆ ของเขาค่อนข้างที่จะมีความ ‘สุดโต่ง’ เป็นอย่างมาก เช่น เขาประกาศจะลดภาษี และจะปรับค่าเงินทำให้เงินดอลลาร์กลับไปเท่ากับค่าเงินเปโซ หรืออาจเปลี่ยนมาใช้ค่าเงินดอลลาร์ในประเทศแทน ซึ่งโดยปกติแล้ว ทางการห้ามใช้เงินดอลลาร์ และการหาเงินดอลลาร์นั้นได้ทำได้ยากมาก

อีกทั้งเงินเฟ้อของอาร์เจนตินาก็สูงมากเช่นกัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (ปี 2022) สมมติราคาสินค้าอยู่ที่ 100 ตอนนี้อาจจะขึ้นมาเป็น 200 ซึ่งถือว่าสูงขึ้นประมาณ 110% เพราะฉะนั้น คนในประเทศจึงไม่สามารถแบกรับภาระตรงนี้ได้

ต้องบอกว่าตอนนี้ เศรษฐกิจของประเทศอาร์เจนตินาอาการหนักมาก โดยประชากร 40% ในประเทศ อยู่ในภาวะ ‘ยากจน’ อย่างหนัก คือ ‘ต่ำกว่าเส้นความยากจน’ (Below Poverty Line) ซึ่งตอนนี้อาจจะอยู่ที่ประมาณ 2-4 เหรียญ แปลว่าคนในประเทศไม่มีเงินพอใช้ ดังนั้น จึงกลายเป็นว่า เกิดปัญหามีคนไร้บ้านเพิ่มมากขึ้น มีคนไร้บ้านมานอนอยู่ที่สนามบินกันเต็มไปหมด เรียกได้ว่า เป็นประเทศที่น่าสงสารมาก

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราสามารถวิเคราะห์กันได้ว่า การที่ประเทศอาร์เจนตินาได้ประธานาธิบดีคนใหม่อย่าง ‘จาเวียร์ มิลเลย์’ ซึ่งถือเป็น ‘ตัวเต็ง’ ที่สุดในบรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเขาไม่ได้มีพรรคการเมืองใหญ่คอยหนุนหลัง และถึงแม้นโยบายของเขาจะค่อนข้างสุดโต่ง แต่นี่อาจเป็น ‘ความหวังใหม่’ ของคนอาร์เจนตินา เพราะในตอนนี้ประชากร 40% หรือเกือบครึ่งของประเทศ อยู่สภาวะยากจน ประชาชนไม่มีจะกิน ไม่มีบ้านอยู่ เกิดปัญหาคนไร้บ้าน เพราะฉะนั้น ประชาชนจึงต้องหาทางออก

ซึ่งสิ่งนี้มีความคล้ายคลึงกับการเกิด ‘เงินเฟ้อขั้นรุนแรง’ (Hyperinflation) ขึ้นที่ประเทศเยอรมนี หลังการพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 จนเป็นเหตุทำให้ประเทศเยอรมนีเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง ส่งผลให้คนเยอรมันหาทางออกจากปัญหาข้าวยากหมากแพง โดยการเลือก ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ (Adolf Hitler) ซึ่งเป็นนักการเมืองเยอรมันเชื้อชาติออสเตรีย หัวหน้าพรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ‘พรรคนาซี’ เป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ในปี ค.ศ. 1933-1945

ซึ่งนโยบายของฮิตเลอร์นั้น เขาให้คำมั่นสัญญากับชาวเยอรมันว่า “ผู้คนจะต้องมีงานทำ” แต่วิธีการจัดการของเขานั้น ค่อนข้างที่จะสุดโต่งอยู่พอสมควร เขาได้ทำการจัดการคนที่ไม่สามารถบริหารประเทศได้ออกไป และทำการเปลี่ยนแปลงระบบต่างๆ ในประเทศ

กลับมาที่ประเทศอาร์เจนตินา จริงๆ แล้ว อาร์เจนตินา เป็นประเทศที่น่าสนใจมาก หลายๆ คนอาจจะไม่ทราบว่า เมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อนนั้น อาร์เจนตินา เป็นหนึ่งในประเทศที่รวยที่สุดในโลก ในตอนนั้นรายได้ที่เกิดขึ้นจากในประเทศ หรือ GDB ต่อหัวของประชากรในประเทศนั้น สูงเทียบเท่ากับประเทศสหรัฐอเมริกา สูงกว่าประเทศฝรั่งเศส และเบลเยียมเสียอีก

แล้วเหตุใด ประเทศอาร์เจนตินาจึงมาถึงจุดนี้ได้? จริงๆ แล้วมีเหตุปัจจัยหลายๆ อย่าง เนื่องจากการดําเนินนโยบายผิดไปในหลายเรื่อง เปรียบเหมือนกับการลงทุน ที่เราไม่ควรจะทุ่มจนหมดหน้าตัก แต่ ณ ขณะนั้น อาร์เจนตินาลงทุนทุ่มจนหมดหน้าตัก โดยในช่วงเวลานั้น อาร์เจนตินาได้ทำการค้ากับประเทศอังกฤษ ทุกอย่างจะส่งออกให้กับประเทศอังกฤษทั้งหมด เพราะเขามีแนวคิดว่า อังกฤษเป็นประเทศมหาอํานาจ ดังนั้น เขาจึงคิดว่า สามารถทำการค้ากับประเทศอังกฤษแค่ประเทศเดียวก็เพียงพอแล้ว

แต่ในเวลาต่อมา ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้น จึงทำให้ประเทศอังกฤษไม่ได้ทำการค้าขายอาร์เจนตินา เป็นเวลากว่า 4 ปี ทำให้เศรษฐกิจของอาร์เจนตินาล้มทั้งระบบ ยิ่งไปกว่านั้น ก็ดันเกิดสงครามโลกที่ 2 ตามมาซ้ำเติมสถานการณ์ในประเทศอาร์เจนตินาให้ยิ่งวิกฤตมากขึ้นไปอีก

ในสมัยนั้น ของขึ้นชื่อของประเทศอาร์เจนตินา คือ ‘เนื้อวัว’ ดังนั้น เนื้อสเต๊กจึงถือเป็นสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ของประเทศไปยังประเทศในทวีปยุโรป เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น ทำให้คนยุโรปหันไปซื้อเนื้อสเต๊ก และพวกผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทางการเกษตรจากสหรัฐอเมริกาแทน

ทำให้หลังสงครามโลกจบลง ‘ฆวน เปรอน’ (Juan Domingo Perón) ซึ่งเป็นประธานาธิบดีของอาร์เจนตินาในขณะนั้น ได้ดำเนินนโยบาย ‘ประชานิยม’ อย่างเข้มข้น เขาได้ประกาศลดภาษี ลดราคาสินค้าต่าง แจกทุกอย่างฟรี ไปจนถึงแจกเงินแก่ประชาชนอีกด้วย

ปรากฏว่า นโยบายของเขานั้นทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้น เนื่องจากเขาแจกประชาชนไปหมดแล้ว อีกทั้งยังลดภาษีต่างๆ ทำให้รัฐบาลไม่มีเงินทุนสำรองมากเพียงพอในการบริหารประเทศต่อ จึงทำให้ประเทศประสบกับสภาวะ ‘เงินเฟ้อ’ จนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น

ในตอนนี้ อาร์เจนตินากลับมาเผชิญกับวิกฤตนี้อีกครั้ง ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในตอนนี้นั้น ช่างสวนทางกับการที่อาร์เจนตินาเพิ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ในศึก ‘FIFA World Cup 2022’ ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานนี้อย่างสิ้นเชิง

อาร์เจนตินานับเป็นประเทศที่ทนทุกข์ทรมาน กับการเผชิญปัญหาการบริหารนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลมาโดยตลอด ทำให้อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่ติดหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เยอะที่สุด เมื่อปี 2018 อาร์เจนตินาเพิ่งทำการกู้เงิน IMF ไปกว่า 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนทำให้อาร์เจนตินาเรียกได้ว่าเป็น ‘ลูกค้าหลัก’ ของ IMF เลยก็ว่าได้ อีกทั้ง ในปี 2021 รัฐบาลปิดนัดชำระหนี้ IMF เมื่อปี 2021 ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำให้ประชาชนต่างพากันลุกฮือ ออกมาประท้วงรัฐบาลกันเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของอาร์เจนตินา คือ ‘การขาดความน่าเชื่อถือ’ เนื่องจากเมื่อปี 2001 อาร์เจนตินาได้รับการจารึกว่าเป็นประเทศที่ผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยประกาศว่าจะไม่จ่ายหนี้คืนเจ้าหนี้ จนกระทั่งเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในปี 2005 และปี 2010 อาร์เจนตินาได้ยื่นข้อเสนอจ่ายคืนหนี้ให้บางส่วน โดยเจ้าหนี้ร้อยละ 93 ยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว

ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ไม่มีใครกล้ามาลงทุนในประเทศอาร์เจนตินา และไม่มีใครกล้าให้ยืมเงินลงทุน จนท้ายที่สุด อาร์เจนตินาก็ต้องหันหน้าไปพึ่ง IMF จนเกิดเป็นปัญหาหนี้สินของประเทศ ที่ต้องตามชำระกันต่อไปอย่างไม่จบไม่สิ้น

นี่จึงถือเป็นจุดพลิกผัน ที่ทำให้ประเทศอาร์เจนตินา หนึ่งในประเทศที่รวยที่สุดในโลก กลับกลายเป็นประเทศลูกหนี้รายใหญ่ และต้องเผชิญกับการอ่อนตัวลงของค่าเงินในประเทศ จนเกิดสภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรง จากการบริหารประเทศที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของรัฐบาล

ทำให้ตอนนี้ ชาวอาร์เจนตินาต้องหวังพึ่งรัฐบาลใหม่ ภายใต้การบริหารจากผู้นำที่มีแนวคิดสุดโต่งอย่าง ‘จาเวียร์ มิลเลย์’ ซึ่งสถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป…


ที่มา : https://youtu.be/jdU6t99gwk8