‘ปาริน นาคเสน’ ชี้ ธุรกิจสตาร์ตอัปไทยรอวันเจ๊ง เหตุหาเงินทุนหนุนยาก หลัง Investor เริ่มไม่เชื่อมั่น

ปาริน นาคเสน CEO & Founder OneDee.ai โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "สิ้นสุดยุค Startup เมื่อ Startup หมดมนต์ขลัง"... ถามว่าทุกวันนี้ หลายคนยังเชื่อในคำว่า Startup อยู่ไหมนะ? ด้วยกระแสที่ผู้ก่อตั้ง Startup ระดับโลกเป็นข่าวเรื่องหลอกลวงอย่าง Theranos และอีกหลายๆ เจ้าในระดับโลก แต่ในไทย กลับไม่เป็นข่าว กลายเป็นแค่เรื่องซุบซิบนินทา กันเฉพาะคนวงใน กันบางกลุ่มแค่นั้น .. 

ถามว่า Startup เป็นเรื่องหลอกลวงหรือไม่ .. โดยหลักการแล้วมันไม่ใช่เรื่องหลอกลวง มันมีแนวคิดที่ดี วิธีการที่ดี แต่ตัวคนต่างหาก ที่เอากระแสมาใช้ประโยชน์จนมันฉิบหายเป็นโดมิโนกันอยู่ทุกวันนี้ .. เอาเป็นว่า สรุปความฉิบหาย กันเป็นเรื่องๆ ละกัน

จุดเริ่มต้นจากนักเรียนนอก มาเผยแพร่ Startup ในไทยจากเด็กจบนอกไปทำงานบริษัท IT ยักษ์ใหญ่ ออกมาทำ Startup ในอเมริกา เจ๊งภายใน 3 เดือน ซมซานกลับมาเมืองไทย เป็นผู้บุกเบิก Startup ในไทย ทุกคนชื่นชมเป็นกูรู กูรู้ ประหนึ่ง เคยทำ Startup สำเร็จมาก่อน ... สร้าง Community และมีสื่อที่เป็น Connection ในมือ แม้แต่ผมก็อดชื่นชม ติดตามไปด้วย จริงๆ ก็น่าชื่นชมนะครับ เพราะก็ช่วยให้หลายๆ คนลืมตาอ้าปากได้ รวมถึงผมด้วย แต่แค่กระดุมเม็ดแรกก็ไม่น่ารอดแล้ว สุดท้ายก็เป็นการ Leverage จาก Connection กันเอง สื่อพวกเดียวกัน ก็ยกหางกันเอง

คำว่าการลงทุน Startup ต้องดูที่ Founder!!! ซึ่งมันก็จริง แต่สำหรับเมืองไทยคือ มรึงลูกใคร.. บ้านรวยไหม มีชื่อเสียงหรือป่าว อยู่ค่ายไหน มันทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Halo Effect (ไปหาอ่านกันเอาเอง ) เอาสั้นๆ ก็คือเกิดความลำเอียงในใจนั้นแหละ ประเภทเขาหน้าตาดี ชาติตระกูลดี คนรู้จักเยอะ น่าจะเก่ง แล้วก็จบลงด้วยคำพูดหล่อๆ ว่า เราลงทุนเพราะ Founder ครับ เอาจริงๆ คือเพราะก็แค่ พวกเดียวกัน ช่วยกันต่อยอดก็แค่นั้นแหละ สาสสส.. 

ถามว่าทุกวันนี้ ชั้นแนวหน้าที่บอกว่าเป็น Idol startup อยู่ไหนกันหมดล่ะ แมร่งก็โดดออกกันไปหมดแล้ว เอาชื่อเสียงต่อยอด ไปเป็นผู้บริหาร Corporate ยักษ์ใหญ่บ้างล่ะ แม้แต่ระดับ Idol startup ไทย แตกบริษัทแล้ว แตกบริษัทอีก ยอดขายยังแพ้ SME ที่ทุกวันนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ไปแล้วอย่างเช่น MEB ... แต่กับ Startup Idol ได้รับเงินลงทุนหลายร้อยล้าน ไปอยู่ไหนกันหมดล่ะ?

สื่อ Startup ในไทยก็ขยัน "making stupid people famous" กันจัง เพียงเพราะก็สนิทชิดเชื้อกันเอง สรุปในไทยอาจจะใช้ Connection กันพร่ำเพรื่อเกินไป จนมองข้าม Skill จริงๆ กันไป โดยที่พวกเขาก็ไม่รู้ตัวกันเท่าไหร่ เพราะ Halo effect ยิ่งเป็นคนฉลาด ยิ่งสามารถหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองจนปฏิเสธไม่ได้นั่นแหละ

เรื่องต่อมา แนวคิดการทำธุรกิจในไทย ที่คิดว่า มีเงินทำได้ทุกอย่าง และต้องการควบคุมความเป็นเจ้าของสูง ผมได้ยินคำ ๆ นึงจนอยากจะอ๊วก คือ แอพแค่นี้ พี่ไปจ้างโปรแกรมเมอร์ แค่ สามสี่แสน ก็ได้แล้ว ไม่เห็นต้องลงทุนกับน้องเลย หรือบริษัทพี่มี Dev เป็นร้อย ทำเองก็ได้... ผมก็ได้นึกในใจว่า แล้วที่ผ่านมา .. พวกมรึงทำเหี้ยไรกันอยู่อะ?.. แล้วสุดท้ายผ่านไปเป็นปี กูก็ไม่เห็น Corporate ที่ว่า ทำเสร็จนะ มี Dev เป็นร้อยไอ้สัส..

หรือคำพูดแบบว่า เนี่ย พี่เคยลงทุนกับ Startup แล้ว คนนั้นคนนี้ แนะนำมา ไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไร มันก็วนกลับมาเรื่องเดิม ใคร? แนะนำพี่อะ กลุ่มไหน สุดท้ายก็กลุ่มข้างบนนั่นแหละ ก๊วนเดียวกัน พวกเดียวกัน หลอกแดกเงิน Investor ล๊อตแรกกันจนอิ่ม... ได้กันเป็น สิบล้านร้อยล้าน ทำห่าไรไม่ได้สักอย่าง.. ผลมันก็มาตกกับรุ่นหลังๆ ก็จะเจอคำว่า เมื่อก่อนพี่เคยลงทีเดียว เป็นสิบๆ ล้าน เด่วนี้พี่ไม่เชื่อละ อะ ลงล้านเดียวพอนะ ไปทำมาให้ Success นะน้อง เดฟแอพยังไม่เสร็จดี ค่า Marketing ไม่ต้องพูดถึง ไม่พอแดกหรอก..

ธุรกิจแบบ Startup สุดท้ายมันก็กึ่งๆ เป็น Money game ที่อาศัยปัจจัยทั้งด้านนวัตกรรม และการทุ่มตลาด การที่ระดมทุนไม่ได้มากพอ มันก็เหมือนเบี้ยหัวแตก การได้เงินไม่มากพอ ในการแข่งขันที่สูง ก็ยากละที่จะเดินในวิถี Startup ยิ่งช่วงหลังๆ Corporate ต่างๆ ก็เอาเงินไปจ้าง Dev เป็นร้อยมาวิ่งเล่นในออฟฟิศ กูจะจ้างคนละเจ็ดแปดหมื่นอะ ทำไมอะ กูรวย

CVC คือความฉิบหายของ Startup ไทย.. เอาพนักงานประจำที่ไม่เคยทำธุรกิจห่าอะไร มาตัดสินอนาคตธุรกิจ Startup มันจะได้อะไรไหมอะ? ความจริงใจของ CVC ไทยที่ลงทุนแค่จะเอาหน้า หรือแค่ต้องการซื้อตัว Dev ไปเป็นลูกจ้าง ส่วน Product ก็เอาไปเผาทิ้ง ถามว่า ทุกวันนี้มี CVC ไหนในไทยยัง Active อยู่เหรอ บาง CVC ถึงขนาดเอาเงินมาจ้าง Dev เอง แล้วบอก Dev จะเอาแบบ Startup เจ้านั้นเจ้านี้ แล้วก็บอก กูเป็น Incubator 

รวมถึงนักลงทุนที่ตั้งตัวเป็น Investor ออกข่าว ออกสื่อ แต่ผ่านไป 3 ปี ไม่เคยลงทุนห่าอะไร ตอบหล่อๆ ว่า พอดียังไม่เจอ Startup ที่ใช่ .. เอาจริงๆ มรึงว่าง... แค่จะเอาป้าย Investor มาแปะหน้า แล้วก็เดินหล่อๆ ในงาน ให้ Startup ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ไปยกมือไหว้ปะหลกๆ ทุกวันนี้หายไปไหนหมดอะ บางคนยังออกสื่อ เป็นไลฟ์โค้ชสบายๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยลงเหี้ยไรเลย งงไหมล่ะ

หลายคนบอกว่า Startup สมัยนี้ เน้นความยั่งยืน ต้องมีรายได้จริง ลูกค้าจริง ค่อยๆ โต... ... มรึง SME ไอ้สัส... 
ตอนต่อไป Startup หนีตาย ไปทำคริปโต เร็วกว่า แรงกว่า เชี่ยกว่า ทะลุนรก..