‘ญี่ปุ่น’ โวย!! ถูก ‘จีน’ ขู่ หลังปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีลงทะเล ด้าน ‘ฮ่องกง’ แบนนำเข้าอาหารทะเล ฉุดธุรกิจร้านอาหารดิ่ง 30%

(28 ส.ค. 66) สำนักข่าวรายงานว่า ภาคธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในเกาะฮ่องกงคาดหมายว่า ธุรกิจร้านอาหารของตนจะตกลงมากถึง 30% ได้ หลังจากทางการสั่งแบนนำเข้าอาหารทะเลจาก 10 จังหวัดของญี่ปุ่น ที่มีผลแล้วในวันที่ 24 สิงหาคม จากการที่ญี่ปุ่นทำการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสี ที่ผ่านการบำบัดเรียบร้อยแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก

‘นายไซม่อน หว่อง’ ประธานสหพันธ์ร้านอาหารและการค้าที่เกี่ยวข้องของฮ่องกง กล่าวว่า เราคาดว่าธุรกิจร้านอาหารจะปรับลดลงไปราว 20-30% หรืออาจมากกว่านั้นสำหรับร้านอาหารไฮเอนด์ ที่ส่วนใหญ่นำเข้าวัตถุดิบที่บินส่งตรงจากญี่ปุ่นมายังฮ่องกงภายในวันเดียวกันเลย และหากวัตถุดิบที่เป็นอาหารทะเลดังกล่าวไม่มีความหลากหลาย หรือไม่มีปริมาณเพียงพอสำหรับร้านอาหาร ธุรกิจก็จะได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ดี เขาเชื่อว่าการขาดแคลนอุปทานจะไม่ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากผู้ค้าให้ความสำคัญกับการรักษาลูกค้าไว้เป็นอันดับแรก

ทั้งนี้ ฮ่องกงเป็นตลาดส่งออกอาหารทะเลใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น รองจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งได้ออกมาตรการห้ามนำเข้าอาหารทะเล รวมถึงเกลือและสาหร่ายทะเล จาก 10 จังหวัดที่มีความเสี่ยงของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม รวมถึงจากโตเกียว, จังหวัดฟุกุชิมะ และนางาโนะ ซึ่งคิดเป็น 10% ของอาหารทะเลญี่ปุ่นที่นำเข้ามาในฮ่องกง

ส่วนมาเก๊า เกาะเพื่อนบ้านที่อยู่ใต้อาณัติปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ ก็สั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลจาก 10 จังหวัดของญี่ปุ่นเช่นกัน ขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่สั่งแบนนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นทั้งหมด

วันเดียวกัน ‘นายฮิโรคาสุ มัตสึโนะ’ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น แถลงแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง กรณีที่มีโทรศัพท์ข่มขู่เข้ามาอย่างมาก โดยมีต้นสายจากจีนในการข่มขู่คุกคามที่เกี่ยวเนื่องกับการปล่อยน้ำเสีย จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงทะเลของญี่ปุ่น

โดยนายมัตสึโนะกล่าวว่า พัฒนาการเหล่านี้เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งและเรามีความเป็นห่วง กังวล

ด้านกระทรวงต่างประเทศของจีนยังไม่ได้ให้ความเห็นต่อท่าทีนี้ของโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่น