ย้อนฟังคำสัมภาษณ์ ‘อดีตนายกฯ อานันท์ ปันยารชุน’ เผยความจริงเกี่ยวกับพระราชอำนาจของสถาบันฯ

จากคลิปเมื่อนานมาแล้ว นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 18 ของไทย ได้ออกมาพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ่านรายการ ‘สยามวาระ’ ตอน ‘สถาบันพระมหากษัตริย์กับประวัติศาสตร์การเมืองไทย’ เมื่อวันพุธที่ 12 ธ.ค.2555 ทางไทยพีบีเอส โดยระบุว่า…

“ผมมองว่าพระองค์ท่านนั้น ทรงเป็น ‘นักประชาธิปไตย’ นะครับ แต่ท่านมีขอบจํากัด อย่าไปนึกว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรา หรือพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หรือพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ท่านเป็นชนชาวไทย แต่ท่านขาดสิทธิมากมาย สิทธิอันหนึ่งที่ท่านทั้งสามพระองค์ทรงขาดไปอย่างมาก คือท่านไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เลยครับ สมมติท่านรู้ดีว่า นายกฯ รัฐมนตรี หรืออธิบดีคนนั้นคนนี้ก็ดี หรือเหล่านักธุรกิจ เวลาเขาพูดไม่จริง ท่านก็ออกมาบอกไม่ได้ หรือถ้าเขาดีท่านก็ชมไม่ได้อีก เพื่อรักษาความเป็นกลาง”

“เพราะฉะนั้น การเป็นพระเจ้าแผ่นดิน หรือเป็นเจ้านายอื่นๆ นั้นมีข้อจํากัดมาก ท่านไม่สามารถใช้สิทธิตามสิทธิมนุษยชน เยี่ยงปวงชนชาวไทยได้เลยนะครับ เพราะท่านมีหน้าที่ที่ท่านต้องทำ ปัจจุบันท่านอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ท่านไม่มีพระราชอํานาจอะไรจริงจัง ส่วนพระราชอํานาจลงนามแต่งตั้งอธิบดีคนนั้น นายพลคนนี้ เป็นอํานาจซึ่งมาจากการเสนอของรัฐบาลและของนายกรัฐมนตรี และเมื่อพระองค์ท่านลงพระปรมาภิไธยไปแล้ว ก็จะต้องมีนายกรัฐมนตรีหรือประธานสภา หรือรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งที่รับมอบหมายเป็นผู้สนองรับพระบรมราชโองการ สืบมาว่าผู้รับสนองนั้น คือผู้รับผิดชอบโดยตรง”

“ซึ่งในสังคมไทยยังคงมีความสับสนกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก บอกว่าพระเจ้าอยู่หัวของเมืองไทยนั้นมีพระราชอํานาจมาก แต่พระราชอํานาจจริงๆ ตามรัฐธรรมนูญนั้น ท่านไม่มีเลย แต่ที่ท่านดูมีพระราชอํานาจมากนั้น เป็นเพราะท่านมีบารมีมาก เพราะท่านปกครองประเทศชาติมาตั้ง 60-70 ปี ท่านทําดีไว้มาก และท่านยังเข้าถึงประชาชน อีกทั้งประชาชนคนไทยทุกคนก็เทิดทูนท่าน รักท่านมาก จนอาจจะทำให้มีประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่ชอบท่าน ก็ไม่ใช่เป็นของแปลกอะไร

แต่หากเราดูดีๆ ว่าเมืองไทยมีพลเมืองมากกว่า 70 ล้านคน ถ้าไปเปรียบเทียบกับพลเมืองของประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่นๆ ที่เขามีพระมหากษัตริย์เหมือนกัน ความจงรักภักดีที่ราษฎรถวายให้กับพระมหากษัตริย์ของแต่ละประเทศนั้น ผมว่าเมืองไทยสูงสุดนะครับ แต่สิ่งที่สําคัญคือ พระองค์ท่านมีพระบารมีมากและตลอดเวลาที่ท่านทรงทํางานมานั้น ท่านนึกถึงแต่ทุกข์สุขของประชาชนคนไทยอย่างเดียว”

“เมื่อครั้งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 1950 ท่านก็มีพระบรมราชโองการที่ทรงตรัสมาอย่างแน่ชัดว่า…

“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

ดังนั้น คนไทยต้องถามตัวเองว่าตลอดกว่า 60-70 ปี ที่ท่านครองราชย์มานั้น ท่านทรงทําตามสิ่งที่ท่านตรัสไว้หรือเปล่า ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่จะเห็นว่า ท่านแน่วแน่ในคําสัญญาที่ท่านให้ไว้กับประชาชนชาวไทย แต่หากจะถามต่อว่า ทุกอย่างที่ท่านทํานั้นสําเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ ก็คงไม่ใช่ เพราะตัวพระองค์ท่านเองก็ทรงเคยบอก

แต่ทุกอย่างที่ท่านทรงทํานั้น ก็เพื่อประโยชน์สุขของชาวสยาม และเพื่อความเป็นธรรม ความถูกต้อง อันนี้เราไม่สามารถหาข้อโต้แย้งได้ และจากเหตุผลเหล่านี้ก็ทำให้มีคนที่รักท่านมาก และคนที่ไม่ชอบท่านก็คงจะมี แต่ผมคิดว่ามีส่วนน้อยมาก”