‘สตาร์บัคส์’ ลั่น!! เปิดร้านในไทยให้ได้ 800 สาขาในปี 2030 พร้อมตั้งเป้าขยายร้านกาแฟชุมชนให้ครบ 8 แห่งภายในปีเดียวกัน

ไม่นานมานี้ ‘เนตรนภา ศรีสมัย’ กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การเดินทางกว่า 25 ปีของสตาร์บัคส์ ประเทศไทย ทำให้แบรนด์มีร้านสาขาทั่วประเทศถึง 465 สาขา เป็นสาขาหลัก 396 สาขา, ไดรฟ์ทรู 56 สาขา และสตาร์บัคส์รีเสิร์ฟ 13 สาขา 

“สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ซึ่งมีพาร์ทเนอร์ (พนักงาน) กว่า 4,300 คนที่ร่วมกันส่งมอบประสบการณ์สตาร์บัคส์ในทุกวัน ให้บริการลูกค้ามากกว่า 800,000 คนในทุกสัปดาห์ ยังคงเดินหน้าในการสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับลูกค้าและชุมชน พร้อมมองหาโอกาสในการสร้างสัมพันธภาพที่มากขึ้นผ่านแก้วกาแฟ”

ทั้งนี้ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนร้านสาขาจนครบ 800 แห่ง พร้อมกับร้านกาแฟเพื่อชุมชนครบ 8 แห่งภายในปี 2030 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเร่งการเติบโตในไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีพลวัตมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ควบคู่ไปกับการกระชับความสัมพันธ์กับชุมชนท้องถิ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

สำหรับร้านกาแฟสตาร์บัคส์เพื่อชุมชน (Starbucks Community Store) ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นร้านสาขาที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้พาร์ทเนอร์ สามารถเป็นส่วนหนึ่งและมีส่วนร่วมกับชุมชนในรูปแบบเฉพาะ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละร้านสาขา

และล่าสุดสตาร์บัคส์ได้เปิดร้านกาแฟเพื่อชุมชนสาขาที่ 2 ที่ไอคอนสยาม ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยรายได้ 10 บาทจากการจำหน่ายกาแฟทุกแก้ว จะได้รับการแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกันให้แก่ 2 องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร

ซึ่งได้แก่ มูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (Integrated Tribal Development Foundation – ITDF) และ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (Scholars of Sustenance – SOS)

นอกจากนี้ ร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งใหม่นี้ ยังสอดคล้องกับพันธกิจของสตาร์บัคส์ที่จะเปิดร้านกาแฟเพื่อชุมชนให้ได้ทั้งหมด 1,000 แห่งทั่วโลกภายในปี 2030 ด้วย

สตาร์บัคส์ ประเทศไทย บอกว่า เหตุผลที่เลือกไอคอนสยามเป็นร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งที่ 2 ต่อจากสาขาแรกที่หลังสวน เนื่องจากสาขาไอคอนสยามเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในไทย มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนั่นหมายถึงเกิดโอกาสที่จะมีรายได้ไปแบ่งปันให้กับชุมชนมากขึ้นด้วย

“ร้านกาแฟเพื่อชุมชนแห่งใหม่ที่ไอคอนสยามนี้ สะท้อนคำมั่นสัญญาของแบรนด์สตาร์บัคส์ในการสร้างความเป็นไปได้แบบไร้ขีดจำกัดเพื่อการเชื่อมโยงสัมพันธภาพระหว่างผู้คน และการก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนชาวไร่กาแฟทางภาคเหนือของไทย” เนตรนภา กล่าวเสริม


ที่มา: TODAY Bizview