‘วิชัย ทองแตง’ มุ่ง ‘แก้ฝุ่นพิษเชียงใหม่ - ปั้นสตาร์ตอัพ’ ประกาศชัดขอสลัดภาพ ‘พ่อมดตลาดหุ้น’ 

ในวัย 76 ปี ชื่อของ ‘วิชัย ทองแตง’ กำลังจะกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง หลังประกาศถ่ายโอนทรัพย์สินและธุรกิจ ให้ทายาทตั้งแต่ 6 ปีก่อน ทำให้บทบาทในการบริหารธุรกิจลดน้อยลง

แต่มาวันนี้ อดีตเจ้าของฉายา ‘พ่อมดตลาดหุ้น’ ได้กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อเขาประกาศถึง ‘บทบาท’ และ ‘passion’ ใหม่ ที่จะหันมาปั้นคนรุ่นใหม่ พร้อมเป็นพี่เลี้ยงให้ธุรกิจสตาร์ตอัพ โดยไม่เน้นสร้างเวลท์ (ความมั่งคั่ง) เหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีกแล้ว

คุณวิชัย ได้ให้สัมภาษณ์กับ ‘ประชาชาติธุรกิจ’ ตอนหนึ่งว่า ตอนนี้ได้สลัดภาพพ่อมดตลาดหุ้นออกไปแล้ว โดย new chapter ของเขานั้น อยากมีภาพเป็น ‘นักปั้นหุ้น’ มากกว่า พร้อมอธิบายว่า การปั้นหุ้น ก็คือ การปลุกปั้นบริษัทที่จะเข้าตลาดหุ้น โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ตอัพของเด็กรุ่นใหม่ ที่เดินทางมาถึงจุดหนึ่งแล้วไปต่อไม่ได้ โดยตนจะเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้เข้ามาคุยและวางแผนอนาคตร่วมกัน ซึ่งความตั้งใจของตนเองในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ จะต้องสร้างยูนิคอร์นตัวใหม่ให้ได้

“ตอนนี้เด็ก ๆ ให้ฉายาผมว่า ‘godfather of startup’ หรือแปลเล่น ๆ ว่า ‘พ่อทูนหัว’ ฉะนั้น new chapter ของผมต่อจากนี้ คือสร้างคนเป็นหลัก ไม่เน้นสร้างเวลท์เหมือนก่อนแล้ว”

ขณะที่ แนวทางการเลือกสตาร์ตอัพที่จะนำมาปั้นนั้น คุณวิชัย จะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 50 คน ที่อยู่ในเครือข่าย ทำหน้าที่วิเคราะห์ธุรกิจให้ เพราะทุกวันนี้สตาร์ตอัพเข้ามาหามาก เพราะ pain point ของสตาร์ตอัพ คือการเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งเด็กที่เข้ามาจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า what’s next ? คืออะไร มีแผนธุรกิจต่อไปอย่างไร มีแผน 5-10 ปีหรือไม่ ต้องการเพิ่มทุนอย่างไร ซึ่งเป็นคำถามที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้

และสูตรสำคัญของการเลือกสตาร์ตอัพ ของคุณวิชัย นั่นคือ ขอให้มี 2G ก่อน G แรกคือ growth ต้องมีการเติบโต รายได้มากน้อยไม่ว่ากัน และ G ที่สอง คือ gain ต้องมีกำไร เพราะนั่นแปลว่าเข้าใจวิธีการบริหารและต้นทุนธุรกิจดีถ้ามี 2G แล้ว จากนั้นก็จะหาช่องทางระดมทุน หรือแนะนำกลุ่มเวนเจอร์แคปปิตอล (VC) พร้อมทั้งช่วยวางแผนทางการเงินให้ด้วย

ส่วนประเภทธุรกิจที่ คุณวิชัย ได้เข้าไปปั้นให้นั้น แต่หลัก ๆ นั้น มุ่งไปที่ธุรกิจที่เป็น ‘เมกะเทรนด์’ ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวแถลงข่าวใหญ่ ในเร็ว ๆ นี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นจะเริ่มทยอยเปิดเผยบางธุรกิจที่ได้ปลุกปั้นไว้ บางธุรกิจออกดอกออกผลแล้ว ยกตัวอย่าง ‘ธุรกิจคาร์บอนเครดิต’ โดยบริษัทนี้ จะมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบการเคลมคาร์บอนเครดิตได้สูงขึ้น และมีตลาดรองรับ ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่จะช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้เป็นอย่างดี

“จังหวัดเชียงใหม่มีป่า มีลำน้ำ มีแม่น้ำ มีน้ำตก มีความชุ่มชื้นที่พอเหมาะพอควร ผมอยากให้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดแรกที่ทำเป็นสตอรี่เพื่อขายคาร์บอนเครดิตได้ บริษัทที่ผมช่วยปลุกปั้นขึ้นมา มี know how มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการครีเอตแนวทางในการเคลมคาร์บอนเครดิต และที่สำคัญมีตลาดที่จะไปขาย เท่ากับมีซัพพลายเชนครบทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ธุรกิจแบบนี้แหละที่ต้องสนับสนุน เพราะได้ทั้งแง่ธุรกิจและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเชียงใหม่ที่มีปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 อย่างมาก” คุณวิชัย กล่าวถึงหนึ่งในธุรกิจที่ได้เข้าไปช่วยปลุกปั้น

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ (bio economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (green economy) ที่รับซื้อพลาสติก ซึ่งจะดำเนินการเป็น 2 แบบ คือ 1.เม็ดพลาสติกรีไซเคิล และ 2.กลั่นออกมาเป็นน้ำมัน ซึ่งธุรกิจแบบนี้มีความจำเป็นกับประเทศไทยตอนนี้มาก

ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือขยะติดเชื้อ ซึ่งทุกวันนี้ยังมีคนทำน้อย โดยตนกำลังปั้นบริษัทแบบนี้ ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ที่เติบโตและยิ่งใหญ่ได้ ไม่เพียงแค่ในประเทศ แต่หากินในต่างประเทศได้ด้วย

ส่วนธุรกิจที่ใช้ AI ก็สนใจ ซึ่งก็มีสตาร์ตอัพรายหนึ่งที่น่าสนใจ สามารถบริหารโหลดสำหรับการชาร์จไฟฟ้าของรถอีวี เพราะรถอีวีเวลาชาร์จไฟครั้งหนึ่งเท่ากับติดแอร์พร้อมกัน 10 ตัว ทำให้โหลดกระชากมาก ดังนั้น ธุรกิจนี้จึงน่าสนใจ เพราะสอดรับกับกระแสอีวีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญโซลูชันนี้ประกวดระดับโลกได้ที่ 29 มาแล้ว 

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบางส่วนของธุรกิจ ที่ ‘วิชัย ทองแตง’ เข้าไปมีส่วนร่วมช่วยปลุกปั้น และหากว่าบริษัทสตาร์ทอัพนั้น ๆ มีศักยภาพมากพอ ก็จะผลักดันเข้าตลาดหุ้นต่อไป ส่วนจะมีบริษัทหรือธุรกิจใดบ้างนั้น อีกไม่นานเกินรอคงได้รู้กัน

สำหรับ คุณวิชัย ทองแตง นั้น นับว่าเป็นบุคคลซึ่งเป็นแบบอย่างของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่สร้างความมั่งคั่งด้วยการลงทุนที่ชาญฉลาด

-ติดทำเนียบมหาเศรษฐีไทย อันดับที่ 17 จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes
-เป็นทนายความที่ฐานะร่ำรวยที่สุดในโลก (The Richest Lawyer)
-อดีตทนายความค่าตัวแพงที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย ในคดี ดร.ทักษิณ ชินวัตร
-ปัจจุบัน ประธานบริษัท Bitkub World Tech