จีน แนะ ซาอุฯ - อิหร่าน - อิรัก - UAE - กาตาร์ - บาห์เรน ผนึกกำลัง สร้างพันธมิตรกองทัพเรือร่วมกัน เพื่อความมั่นคง

อัล จาดีด สำนักข่าวตะวันออกกลางรายงานว่า ประเทศในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ได้แก่ ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตท์ (UAE) กาตาร์ และ บาห์เรน กำลังวางแผนที่จะสร้างพันธมิตรกองทัพเรือร่วมกัน เพื่อความมั่นคงในการคมนาคมขนส่งในตะวันออกกลาง โดยมีจีนทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาครั้งนี้ 

ข่าวนี้ ได้รับการยืนยันจากกองทัพเรืออิหร่าน เมื่อ พลเรือตรี ผบ.ทร ชาห์ราม อิรานี ได้กล่าวออกสื่อโทรทัศน์ในอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า อิหร่านยินดิที่จะเข้าร่วมพันธมิตรกองทัพเรือกับชาติอื่นในตะวันออกลาง และหากทำสำเร็จ อาจมีการรวมกองทัพเรือของอินเดีย และ ปากีสถาน มาร่วมด้วย

พลเรือตรี ชาห์ราม อิรานี ได้กล่าวเสริมว่า ประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้เล็งเห็นแล้วว่า การผนึกกำลังร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างความมั่นคงในดินแดนแถบนี้ได้ 

และนับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของจีน ในฐานะคนกลางในการเจรจาสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนมีนาคม จีนสามารถพาคู่พิพาทระหว่างซาอุดิอารเบีย และ อิหร่าน กลับมาจับมือ และ สานสัมพันธ์ทางการทูตได้อีกครั้งหลังจากที่บาดหมางกันมานานหลายสิบปี 

ทำให้นักวิเคราะห์ที่เฝ้าสังเกตการในตะวันออกกลางมองว่า จากการที่จีนประสบความสำเร็จในการจัดการกับข้อพิพาทระหว่างชาติในตะวันออกกลางด้วยแผนการร่วมมือในเชิงเศรษฐกิจ และ ความมั่นคงเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียอย่างชัดเจน ในขณะที่อิทธิพลของสหรัฐอเมริกาเริ่มอ่อนจางไป 

และเห็นได้ชัดเจนยิ่งขี้น จากการที่ UAE ได้ถอนตัวออกจากกลุ่มกองกำลังร่วมทางทะเลที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ที่มีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยในย่านอ่าวเปอร์เซียที่เป็นเส้นทางการค้าน้ำมันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งโลก ก่อนที่จะมีข่าวว่าเข้าร่วมในพันธมิตรกองทัพเรือที่เป็นแผนการของจีนในอีก 2 วันต่อมา 

แต่การประกาศร่วมมือกันในการสร้างกองทัพเรือของประเทศพันธมิตรในตะวันออกกลาง ที่มีอิหร่านร่วมด้วย สร้างความไม่พอใจแก่อิสราเอล ที่เคยพยายามกดให้ชาติพันธมิตรตะวันออกลางร่วมโดดเดี่ยวอิหร่าน ด้วยข้อกล่าวหาว่าอิหร่านแทรกซึม และสนับสนุนองค์กรก่อการร้าย อย่างกลุ่ม ฮิซบอลลาห์ ในเลบานอน หรือกลุ่มกบฎฮูตี ในเยเมน และอาจมีปัญหากับสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน เนื่องจาก กลุ่ม  Iranian Revolutionary Guard Corps หรือ กองพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอิหร่านถูกขึ้นทะเบียนเป็นกลุ่มก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกา

อีกทั้งยังเป็นการท้าทายอำนาจของสหรัฐอเมริกาโดยตรง อันเนื่องจากสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรทางการค้ากับอิหร่าน และกดดันประเทศพันธมิตรในการซื้อ-ขายน้ำมันจากอิหร่าน แต่เมื่อจีนได้พาอิหร่านมาจับมือกับชาติมหาอำนาจในตะวันออกกลางได้ ก็จะเปิดช่องทางการค้าให้กับอิหร่านอย่างเปิดเผย รวมถึงการสร้างความมั่นคงปลอดภัยในเส้นทางขนส่งทางทะเลผ่านแผนการสร้างพันธมิตรกองทัพเรือ ก็จะยิ่งลดบทบาทของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้ลงไปเรื่อยๆ 

แต่ถึงแม้กลิ่นสันติภาพจะแรงในตะวันออกกลาง แต่บรรยากาศในทะเลจีนใต้ยังคงคุกรุ่น เมื่อจีนพยายามที่จะสร้างอิทธิพลในตะวันออกกลาง แต่กับไต้หวัน ดินแดนใกล้ตัว กำลังอ่อนไหวพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ อันเนื่องจากเขตพื้นที่ในตะวันออกกลาง สหรัฐฯ อาจยอมที่จะหลับตาข้างหนึ่งไปก่อน เพราะกำลังเปลี่ยนเป้าสายตามาลงที่ย่านอินโด-แปซิฟิค นั่นเอง