‘บิ๊กตู่’ สั่งเข้ม!! ป้องกัน-ปราบปราม-แก้ไขปัญหา ‘ยาเสพติด’ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติดฯ’

(7 พ.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสั่งการ เน้นย้ำ ให้ความสำคัญการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ขจัดยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีความมั่นคงปลอดภัย เป็นสังคมปลอดยาเสพติด สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ “สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด ด้วยมาตรการทางเลือกใหม่ สู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน”

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้กำหนดและดำเนินการอย่างแข็งขันภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด (พ.ศ.2566 - 2570) ซึ่ง ครม. เห็นชอบเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2566 มีแนวทางการดำเนินงาน 6 ด้าน ดังนี้

1. การป้องกันยาเสพติด เสริมสร้างความรู้เท่าทันและป้องกันยาเสพติดในเด็กและเยาวชน และสร้างความตระหนักและจิตสำนึกร่วมในการป้องกันปัญหายาเสพติด รวมทั้งพัฒนาระบบเฝ้าระวังและควบคุมปัญหายาเสพติดในพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ 

2. ด้านการปราบปรามยาเสพติดมีเป้าหมาย สกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ไม่ให้เข้าสู่ประเทศและถูกใช้เป็นเส้นทางนำผ่านไปยังประเทศที่สาม ปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติด และเนินการทางวินัยและบังคับใช้กฎหมายลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 

3. ด้านการยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด ทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดด้วยมาตรการทางทรัพย์สิน 

4. ด้านการบำบัดรักษายาเสพติด การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพทางสังคมของผู้เสพยาเสพติดและผู้เสพยาเสพติดมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 

5. ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ไทยมีบทบาทในการเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพให้กับบุคลากรด้านยาเสพติดระหว่างประเทศ 

6. ด้านการบริหารจัดการ นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างบูรณาการในทุกระดับ บุคลากรภาครัฐที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดมีทักษะและสมรรถนะสูงพร้อมรับมือกับภัยคุกคามของปัญหายาเสพติดในยุคดิจิทัล พัฒนากลไกอำนวยการ ระเบียบ กฎหมาย เสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากรภาครัฐที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด และการควบคุมและใช้ประโยชน์จากพืชเสพติด และพืชในการกำกับควบคุมดูแลพิเศษของรัฐ

นายอนุชา กล่าวว่า ขอยกตัวอย่างถึง ชุมชน “สินไหโมเดล” จ.ระนอง ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่างชุมชนที่ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิด ทั้งในระดับส่วนกลางและในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งภาคประชาชน ทุกภาคส่วนร่วมกันป้องกัน แก้ไข และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด อาทิ การให้ความรู้ การบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด และการสร้างอาชีพ ตามนโยบายและเจตนารมณ์มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาผู้ติดยาเสพติดของรัฐบาล 

นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลชื่นชมการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้มอบหมายให้ทุกสถานีตำรวจ ดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ยั่งยืน เป็นรูปธรรม และมั่นคง

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของทุกภาคส่วน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับ สั่งการ และควบคุมการทำงานในเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดมาโดยตลอด ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกคน จนถึงเยาวชนรุ่นหลัง ไม่ต้องการให้ข้องเกี่ยว หรือได้รับผลกระทบจากปัญหายาเสพติด สั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการภาคีเครือข่าย และระดมกำลังเจ้าหน้าที่อย่างเต็มสรรพกำลังในการแก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ รวมทั้งขอให้ประชาชนให้กำลังใจผู้รับการบำบัดเพื่อให้กลับเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เพื่อการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว