‘ม.รังสิต’ ระดมความคิด ดึง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง-ภาคประชาชน’ ถก!! วาระประเทศไทย อนาคตที่ต้องมองให้ไกลกว่าการเลือกตั้ง

(6 พ.ค. 66) สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) จัดงานเสวนา ‘วาระประเทศไทย ไปให้ไกลกว่าเลือกตั้ง’ ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ก่อตั้ง สถาบันปฏิรูปประเทศไทย เป็นประธาน ซึ่งภายในงานมีการพูดคุยเรื่องแนวทางการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ในหัวข้อ ‘ประเทศไทยกับภัยคุกคามใหม่ ที่ประชาชนต้องรู้’ โดยมี นายสำราญ รอดเพชร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

โดยในงานนี้ ยังได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองมารวมปาฐกถาในการเสวนาในครั้งนี้ รวมถึงตัวแทนประชาชนจากหลายหน่วยงานมาร่วมฟังการเสวนา เพื่อหาทางออกให้ประเทศร่วมกันในครั้งนี้ 

ดร.อาทิตย์ กล่าวว่า การเมืองจะเป็นสิ่งที่ดีงาม และเป็นสิ่งจำเป็นต่อสังคม ถ้าการเมืองทำทุกวิถีทางเพื่อประโยชน์ของประชาชน หากต้องการเห็นบ้านเจริญรุ่งเรืองและประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น การเมืองก็ต้องดีด้วยเช่นกัน แต่ปัจจุบันการเมืองที่เราเห็นเป็นการเมืองสามานย์ระบบ ที่ล้มเหลวในทุกระดับ ขาดจิตสำนึกที่ดีและขาดความรับผิดชอบในบ้านเมือง ทำให้ประชาชนต้องกลายเป็นทาสอีกครั้งหนึ่ง คำถามคือ ทำไมเราถึงต้องยอมตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังเช่นนี้ สภาพการเมืองที่มีแต่การแบ่งพรรคแบ่งพวก มีแต่ความขัดแย้งแตกแยกแย่งชิงผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง

“ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องลุกขึ้นมาร่วมกันปฎิรูป เพื่อพาประเทศไทยฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ เราต้องปฏิรูปประเทศให้เป็นสังคมธรรมาธิปไตย เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเหนือสิ่งอื่นใด เพราะประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ เราต้องสร้างสังคมแบ่งปัน ลดความขัดแย้ง ต้องรวมพลังประชาชนโดยยึดถือประโยชน์ของชาติเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งทุกคนต้องตระหนักว่าประเทศชาติจะดำรงอยู่ได้ ก็ด้วยคนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความปรองดอง บนผืนแผ่นดินเดียวกันนี้ ผลักดันประเทศชาติสู่ความสำเร็จและความมั่งคั่งประชาชนทุกคนทุกกลุ่มทุกส่วนในทุกภูมิภาคภาค ซึ่งเป็นการปฏิรูปประเทศที่บรรลุผลอย่างแท้จริง” ดร.อาทิตย์ กล่าว

หลังจากนั้น ด้าน ผศ.ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ โดยเผยว่า ท่ามกลางการเลือกตั้งที่มีการเอาประเทศเป็นเดิมพัน แข่งกันแทงหวยว่าเราจะเลือกพรรคไหนเป็นรัฐบาลโดยปราศจากข้อเท็จจริง เพราะการเลือกตั้งเป็นต้นทางของการสร้างประชาธิปไตย สถาบันปฏิรูปประเทศไทย มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้มีการร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อจัดงานในครั้งนี้ขึ้นมา 

“การเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดทุกเรื่อง การเลือกตั้งอาจจะได้รัฐบาล แต่ปัญหาจะหยุดได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชน เพราะนักการเมืองมาแล้วก็ไปตามวาระของรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาไม่ได้มาแล้วก็ไป จะมีก็แต่ประชาชนที่ต้องแบกรับปัญหาต่อไป นี่จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องสรรสร้างทางออกที่แท้จริงและยั่งยืน ภายใต้เครือข่ายภาคประชาชนในฐานะส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ประชาธิปไตย จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดเวทีนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นเป็นเวทีประชาธิปไตยของประชาชนโดยแท้จริง”

ด้าน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธีรภัทร เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นักวิชาการประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า ประชาธิปไตยในระยะเปลี่ยนผ่าน มีการจัดอันดับประเทศไทยอยู่ในระดับที่ 91 ในบรรดา 179 ประเทศ ที่สมาชิกในองค์กรสหประชาชาติ มีคะแนนรวม 68.0 มีปัญหาการแตกแยกของคนไทย ปัญหาการปกครองที่ไร้ความเป็นธรรม เราต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางด้านการเมืองเศรษฐกิจสังคมมากขึ้น

“หวังว่าการเลือกตั้งหนนี้ จะสร้างประชาธิปไตยที่แนวทางแก้ไขปัญหาทางการเมืองของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีการปฏิรูปองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ การจัดตั้งสภาพลเมืองทั่วประเทศ ปฏิรูประบบการบริหารราชการแผ่นดินปรับปรุงและทันสมัยมากขึ้น แก้ไขปัญหาทุจริตระบบคอร์รัปชันที่ซับซ้อนอย่างจริงจัง แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชน รวมถึงสร้างความรู้รักสามัคคีให้เกิดประโยชน์สุขภายในประเทศร่วมกันสร้างสรรค์ ภายใต้ระบบประชาธิปไตยเชิงคุณภาพต่อไป”

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตแม่ทัพหลักของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้กล่าวว่า “เราเป็นประเทศที่ไม่มีระบอบการปกครองใด เป็นของจริงเลย จะประชาธิปไตยก็ไม่จริง เผด็จการก็ไม่จริง ครึ่งๆ กลางๆ โดยเฉพาะวันที่ได้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เนื้ออำนาจก็ไม่ได้เป็นของประชาชน เพราะฉะนั้นภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังจะมีการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ เราควรนำบทเรียนราคาแพงเหล่านั้นมาทบทวน ส่วนตัวแล้วผมยังเชื่อว่าความวุ่นวายรออยู่ข้างหน้า การจัดตั้งรัฐบาลไม่ใช่เรื่องง่าย มาร่วมรอดูว่าอนาคตหลังวันที่ 14 หลังเลือกตั้งนี้จะเป็นยังไงต่อไป”