คนไทย...ไม่ได้โง่!! ประสบการณ์ช่วงรัฐประหารจาก 'พิธา' ต่างกันแค่ช่วงเวลา..แต่เรื่องเดียวกัน

(25 เม.ย.66) โลกโซเชียลจับโป๊ะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลังถูกขุดบทสัมภาษณ์ กับสองพิธีกร ในสองช่วงเวลาที่ต่างกันกับประเด็นที่เจ้าตัวได้กลับมาเมืองไทยช่วงรัฐประหารปี 49 ซึ่งมีถ้อยความที่ดูจะต่างกันพอสมควร จนเริ่มถูกตั้งคำถามจากสังคมถึงการดูถูกผู้คนทั้งฝ่ายตนและฝ่ายตรงข้าม ซึ่งอาจจะเพราะบทบาทที่แตกต่างกันด้วยหรือไม่ คงต้องลองไปพิจารณากันดู...

(2566)
Q: สรยุทธ ถาม “คุณยังไม่เคยมีประสบการณ์การถูกจับ” 
A: พิธา โต้กลับ “ผมเคยมี เมื่อปี 49 ผมเรียนหนังสือ ที่บอสตัน คุณทักษิณ ประชุม UN กับคุณปานปรีย์ และดร.สุรเกียรติ ที่ยังเป็นเลขา UN อยู่ในสมัยนั้น ซึ่งพ่อผมเสีย 19 กันยา 2549 ผมบินมาที่นิวยอร์ก CNN รถถังออก ผมบินกลับมากับคุณทักษิณ ส่งที่ลอนดอน กลับมาที่กองทัพอากาศ คืนแรกผมไปไม่ได้ เขารื้อคอมผม เขาทำผมทุกอย่าง” 

Q: สรยุทธ ถามต่อว่า “แต่คุณไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับรัฐบาลคุณทักษิณนะ” 
A: พิธา จึงได้เล่าต่อว่า “ผมทำงานให้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในฐานะข้าราชการการเมืองในตอนนั้น”

Q: สรยุทธ ได้ตั้งคำถามต่อไปอีกว่า “คุณกลับมาถึงแล้ว คุณถูกบล็อก แล้วคุณไปไหน” 
A: พิธา ตอบ “อยู่ที่กองทัพอากาศ”  
Q: สรยุทธ ได้ยิงคำถามไปอีกว่า “โดนคุมตัวนานเท่าไหร่” 
A: พิธา ตอบกลับว่า “เหตุการณ์ตั้งแต่ปี 49 นานมาแล้ว แต่ผมยังจำได้ว่า ไปงานศพพ่อไม่ทัน และไม่ใช่แค่ถูกควบคุมตัว แต่ถูกควบคุมเรื่องการเงิน 2-3 เดือนที่ผมหาเงินมาใช้งานศพคุณพ่อไม่ได้” 

หลังจากคลิปที่พิธาได้ให้สัมภาษณ์กับ สรยุทธ จบ ก็ได้มีการตัดคลิปไปที่ การให้สัมภาษณ์ระหว่าง พิธา และหนูแหม่ม โดยมีการพูดคุยกันดังนี้...

(2552)
พิธา เริ่มเล่า “ผมเรียนที่บอสตัน แต่บอสตันไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงจากบอสตัน มาที่กรุงเทพฯ เพราะฉะนั้นผมเลยต้องแวะที่นิวยอร์ก” 

Q: คุณหนูแหม่ม ถามว่า “พอมาถึงนิวยอร์กแล้ว มีไฟลท์บินทันทีมาถึงที่ไทยไหมคะ” 
A: พิธา ตอบ “ไม่มีครับ ก็ต้องรอ แต่พอกลับมาที่ประเทศไทยเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีรัฐประหารพอดี ก็เลยล่าช้าไปหน่อย พอมาถึงก็เป็นคนไทยที่มาจากนิวยอร์ก เขาเลยกักตัวไว้พักหนึ่ง ก็ทำให้ไปงานศพคุณพ่อช้า”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามเพิ่มเติมว่า “กลับมายังไงคะ ถึงถูกกักตัว” 
A: พิธา ได้ตอบกลับว่า “บินของรัฐบาลไทยตอนนั้น เครื่องบินไทยของรัฐบาลที่มีคนของรัฐบาลไปประชุม UN ซึ่งถ้าผมไม่กลับเที่ยวบินนั้น ก็ต้องรอไปอีก 2-3 วัน ก็เลยตัดสินใจกลับมา”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามเสริมว่า “ถ้าเดาไม่ผิด น้องทิมอยู่ในเครื่องนั้นที่ส่งกลับมาจากนิวยอร์ก เพื่อที่จะกลับมาเมืองไทย คุณอยู่ในเครื่องนั้นกี่คน” 
A: พิธา ตอบว่า “น่าจะประมาณ 20-30 คน ก็คือข้าราชการ” 

Q: หนูแหม่ม ได้ถามไปอีกว่า “ทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าราชการ ยกเว้นคุณเป็นเด็กคนหนึ่ง ที่ถูกฝากกลับมาในเครื่องบินนั้น” พร้อมกับถามเพิ่มไปอีกว่า “เครื่องลงที่ไหนคะ สุวรรณภูมิ หรือดอนเมือง” 
A: พิธา ตอบว่า “ที่กองทัพอากาศ”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามย้ำไปว่า “เกิดอะไรขึ้น ถึงถูกกักตัว”
A: พิธา ได้อธิบายไปว่า “พอมันมีเหตุรัฐประหาร ประเทศเขาก็ต้องคัดกรองเป็นธรรมดา เขาก็ถามว่าทำไมเป็นนักเรียน แล้วกลับมากับไฟล์ทนี้ได้ ซึ่งได้อธิบายไปว่า คุณพ่อเสีย ตั้งใจจะกลับมางานศพท่านให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ไม่ว่าอะไร”

Q: หนูแหม่ม ได้ถามว่า “กักตัวนานไหมคะ” 
A: พิธา ได้บอกไปว่า “4-5 ชั่วโมง สายนิดหน่อยแต่ก็ยังทัน”

หลังคลิปเปรียบเทียบการให้สัมภาษณ์ของพิธาระหว่าง สรยุทธ และหนูแหม่มเสร็จ ก็มีการนำมาเปรียบเทียบได้ว่า “นี่คือมนุษย์คนเดียวกัน แต่ 2 เวอร์ชัน และมีประเด็นที่ถูกจับผิด ดังนี้...

ประเด็นแรก คือ ความต่างที่พิธาตอนคุยกับพี่แหม่ม ตอนนั้นอธิบายว่า การโดนกักตัวไม่ได้เกิดผลกระทบกับการไปงานศพคุณพ่อ อันนี้คือ ประเด็นสำคัญ

ส่วนประเด็นที่ 2 ที่อธิบายไปว่าเป็นนักศึกษา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาลใดๆ นั้นคือที่สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านั้น ตอนที่ยังไม่ลงการเมือง เมื่อตอนปี 52 และบอกไปว่าเขาก็ต้องตรวจเป็นธรรมดาตอนมาถึง ไม่ได้กระทบอะไรเพราะถูกกักอยู่ประมาณ 4-5 ชม. และหลังจากนั้นก็เรียบร้อย ไปงานศพคุณพ่อทันด้วย เข้าใจปัญหาด้วยว่าทำไมเขาถึงกัก และยังยืนยันอีกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาล แต่ฝากมา

แต่ตอนที่ให้สัมภาษณ์กับคุณสรยุทธนั้น นายพิธากำลังต้องการ ภาพสวยๆ ทางการเมือง เลยแปลงร่าง แปลงเหตุการณ์ กลายเป็นว่า ตนเองเป็นผู้ปฏิบัติการณ์ให้คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพื่อที่จะบอกว่าคุณพิธาไม่ได้มี 'อภิสิทธิ์ชน' แต่มีความชอบธรรมที่จะมาด้วย

แต่ที่น่าสะดุดที่สุด คงเป็นประเด็นที่พิธาบอกว่าถูกปิดล้อม และจำไม่ได้ว่าไปที่งานศพ แถมยังอ้างว่าไปงานศพไม่ทัน เพราะถูกทหารคุมตัว ซึ่งย้อนแย้งกับคำตอบเมื่อปี 2552 และนี่ก็ถือเป็นการให้ร้ายกับฝ่ายกองทัพด้วยคำตอบในเวอร์ชันปี 2566

นี่คือละครลิเก หรือจำผิด ก็คงต้องไปหาคำตอบเอาดูต่อไป เพราะการเล่า ถ้าเกิดเล่าเรื่องไม่จริง มันก็คือการดูถูกคนดู ดูถูกคนฟัง แม้กระทั่งผู้สนับสนุนของตัวเอง เหมือนกำลังพยายามปรุงแต่งภาพลักษณ์ ให้ดูเป็นนักสู้กับเผด็จการ เพราะนายพิธาไม่เคยปรากฎประวัติ ในการต่อสู้เคียงบ่า เคียงไหล่ กับประชาชนมาก่อน อยู่ๆ เป็นนักธุรกิจ แล้วก็กลายมาเป็นนักการเมืองเท่านั้น


ที่มา : https://fb.watch/k7szo7o-3m/?mibextid=ZbWKwL