คนหนุ่มสาวไร้ความหวัง ‘การว่างงาน’ มหาวิกฤตทางเศรษฐกิจในทวีปแอฟริกา สู่ความหวั่นวิตกเกิดเหตุจลาจลคล้าย ‘Arab Spring’

ปัญหาการว่างงานเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่สำหรับบ้านเราแล้วอัตราว่างงานเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ต่ำกว่าร้อยละ 1 กว่าสิบปีแล้วที่หน่วยงานด้านแรงงานของไทยสามารถทำงานอย่างได้ผล อัตราว่างงานแกว่งตัวระหว่างต่ำกว่าหนึ่งและหนึ่งกว่า ๆ มาอย่างต่อเนื่อง และปัญหาการว่างงานที่หนักหนาสาหัสบนโลกนี้ ขณะนี้เกิดขึ้นในทวีปแอฟริกา

บัณฑิตจบใหม่ในแอฟริกาใส่ครุยประท้วงเพื่อเรียกร้องให้ได้งานทำ

คนหนุ่มสาวราวครึ่งหนึ่งในแอฟริกาใต้ว่างงาน ขณะที่ในยูกันดา บัณฑิตกว่า 1.2 ล้านคนไม่มีงานทำ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานกล่าวว่า การริเริ่มในการทำธุรกิจเป็นของตัวเองมากขึ้นช่วยบรรเทาปัญหาการว่างงานในทวีปแอฟริกาได้ 

ผู้คนต้องถือป้ายบอกความถนัดของแต่ละคนให้ผู้สัญจรไปมาได้เห็น

‘Steven Moyo’ ตื่นนอนทุกวันเวลาตี 5 เพื่อหางานทำตามท้องถนนในนครโจฮันเนสเบิร์ก เมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของแอฟริกาใต้ Moyo เป็นช่างไฟฟ้า ในวันที่อากาศดี เขามีรายได้สูงสุด 30 ยูโร (ประมาณ 31.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ) แต่นับวันจะมีน้อยลง

บัณฑิตจบใหม่ในแอฟริกาประท้วงเพื่อเรียกร้องให้ได้งานทำ 
กลายเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนพบเห็นจนคุ้นชินแล้ว

แอฟริกาใต้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรง หลังจากการระบาดของโควิด-19 “สถานการณ์แย่ลง ไม่มีใครจ้างเรา” Moyo บอก และไม่รู้จะหาเงินค่าอาหารและค่าเช่าห้องได้จากไหน เรื่องราวอย่างที่เกิดขึ้นกับ Moyo ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยในประเทศแอฟริกาใต้ ในแอฟริกาใต้มีผู้สำเร็จการศึกษามากกว่าตำแหน่งงาน 

ในเมืองเคปทาวน์ ‘Namhla Mcimbi’ บอกว่า เธอต้องละทิ้งการศึกษาด้านจิตวิทยา เพราะเธอไม่สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนได้ เช่นเดียวกับเพื่อนนักเรียนหลายคนของเธอ ตอนนี้ Mcimbi ตกอยู่ในภาวะว่างงาน “ผู้คนให้ญาติพี่น้องของพวกเขาทำงานในบริษัทที่พวกเขาทำงานอยู่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับบุคคลภายนอกที่จะได้งาน” เธอกล่าว

นามิเบียก็เช่นกัน บัณฑิตจบใหม่สวมครุยออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องให้ได้งานทำ

อัตราการว่างงานสุดเลวร้ายก็เกิดขึ้นในนามิเบียและไนจีเรียเช่นกัน สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในแอฟริกาใต้ย่ำแย่ โดยประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 34 ปีตกงาน ตัวเลขอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่าอัตราการว่างงานฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แต่อยู่ที่ 32.7% ในไตรมาสที่สี่ของปี 2565 ซึ่งยังคงเป็นอัตราที่สูงที่สุดในแอฟริกาและทั่วโลก

เยาวชนชาวแอฟริกาใต้ที่ว่างงานจำนวนมากมีส่วนร่วมในการปล้นสะดมและการก่อความไม่สงบครั้งใหญ่ในนครโจฮันเนสเบิร์กและเมืองเดอร์บันในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2021

อัตราการว่างงานสูงที่สุดในโลกอยู่ที่นามิเบียและไนจีเรีย ตามรายงานของบริษัทสื่อ Bloomberg ของสหรัฐฯ พบว่า อัตราว่างงานในจิบูตีและเอสวาตินีก็อยู่ในอันดับสูงเช่นกัน มีการคาดการณ์ว่า ภายในปี ค.ศ. 2050 หนึ่งในสี่ของประชากรที่ทำงานในโลกจะอาศัยอยู่ในแอฟริกา เยาวชนชาวแอฟริกาใต้ที่ว่างงานจำนวนมากมีส่วนร่วมในการปล้นสะดมและการก่อความไม่สงบครั้งใหญ่ในนครโจฮันเนสเบิร์กและเมืองเดอร์บันในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2021

ประธานาธิบดี Cyril Ramaphosa แห่งแอฟริกาใต้

จากนั้นประธานาธิบดี Cyril Ramaphosa ถูกกดดันให้เสนอสวัสดิการสำหรับผู้ว่างงานประมาณ 18 ยูโรต่อเดือน ศาสตราจารย์ Patrick Bond นักสังคมวิทยาและนักเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโจฮันเนสเบิร์กกล่าวว่า "นี่เป็นสัญญาณของความสิ้นหวังของรัฐที่จำเป็นจะทุ่มเงินเพื่อแก้ปัญหา" 

แต่ ศ. Bond ไม่คิดว่าวิธีการนี้จะบรรลุเป้าหมาย เขาโต้แย้งเรื่องการให้เงินช่วยเหลือขั้นพื้นฐานด้วยจำนวนที่สูงกว่ามากคืออย่างน้อยต้อง 40 ยูโรต่อเดือนเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับค่าอาหารและเช่าที่พัก

ศ. Bond กล่าวว่า อุปสรรคสำคัญของเรื่องนี้คือการเงินระหว่างประเทศและแรงกดดันจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หนี้ต่างประเทศที่สูงสร้างแรงกดดันให้รัฐมนตรีคลังต้องลดงบประมาณและจำกัดค่าจ้างทางสังคม การถกเถียงทางการเมืองเกี่ยวกับรายได้ขั้นพื้นฐานที่เป็นไปได้ในแอฟริกาใต้ยังคงดำเนินต่อไป

ศาสตราจารย์ Robert Kappel 

วิกฤตการจ้างงานในแอฟริกาใต้กำลังเลวร้ายลง จากการศึกษาที่รวบรวมโดยนักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านแอฟริกา ศาสตราจารย์ Robert Kappel จากแผนกแอฟริกาของมูลนิธิฟรีดริช เอแบร์ท “ทุกปี มีคนประมาณ 20 ล้านคนหางานที่ไม่มีในชนบทหรือในเมือง” รายงานระบุ 

ยูกันดาเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างการจัดหางานและความต้องการงาน ในแต่ละปี ชาวยูกันดาอายุน้อยประมาณ 400,000 คนเข้าสู่ตลาดแรงงานในแต่ละปีเพื่อแข่งขันกันหางานที่เป็นทางการประมาณ 52,000 ตำแหน่งเท่านั้น จากการศึกษาชิ้นหนึ่ง การศึกษาดังกล่าวสรุปว่า การเติบโตของการจ้างงานสูงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับมือกับความท้าทายทางสังคมที่เพิ่มขึ้น

ปัจจุบันบัณฑิตจบใหม่มากกว่า 1.2 ล้านคนไม่มีงานทำในยูกันดา ‘Maureen Babidiye’ เป็นหนึ่งในนั้น เธอได้จบด้านการจัดการการท่องเที่ยวและตอนนี้ตกงานมาสองปีแล้ว หลังจากฝึกงานที่บริษัทหลายแห่ง Babidiye พยายามหางานเป็นลูกเรือบนเครื่องบิน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ 

“การแข่งขันนั้นรุนแรงและไม่มีอะไรที่จะทำงานได้เลยหากไม่ได้รับการติดต่อ” Babidiye กล่าว

ตอนนี้ Babidiye ต้องการประกอบอาชีพอิสระและตั้งบริษัทตัวแทนท่องเที่ยวของเธอเอง ซึ่งเธอสร้างช่องทางติดต่อทางออนไลน์ 

ส่วน Charles Ocici ผู้อำนวยการ Enterprise Uganda Foundation กล่าวว่า การริเริ่มทำธุรกิจด้วยตนเองเป็นสิ่งที่นับวันมานี้ยิ่งจะสำคัญและจำเป็น 

"งานมีน้อยมากและนับวันก็จะหายไปเรื่อย ๆ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในยูกันดาเท่านั้น แต่รวมถึงทั่วโลกด้วย" Ocici กล่าว 

นอกจากนี้ Ocici ยังกล่าวว่า "วันเวลาผ่านไป เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามสคริปต์ ไปเรียน เรียนให้หนัก แล้วหางานทำ ผู้คนต้องคิดใหม่และเปิดใจที่จะมีส่วนร่วมในตลาดด้วยวิธีที่มีคุณค่า ในฐานะพนักงานหรืออื่น ๆ กับธุรกิจส่วนตัวที่คุณสร้างขึ้นเอง หลายคนสนับสนุนคนที่มีใจเปิดกว้างในการเริ่มต้นธุรกิจมากกว่า”

ศ. Bond ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า มีความไม่พอใจในระดับสูง โดยเฉพาะในหมู่เยาวชน ทำให้สถานประกอบการในแอฟริกาใต้เป็นกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเกรงว่าจะเกิดการจลาจลในลักษณะเดียวกับอาหรับสปริง ในปี ค.ศ. 2010 การประท้วงในตูนิเซียได้จุดประกายให้คนหนุ่มสาวในประเทศอาหรับจำนวนมากลุกขึ้นต่อต้านระบบการเมือง 

ในแอฟริกาใต้ สถานการณ์นี้มักถูกมองว่า เป็นภัยคุกคามจากพรรครัฐบาลที่ครั้งหนึ่งเคยสนับสนุนการก่อจลาจลของเยาวชนเป็นอย่างมาก แต่ปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของการกดขี่ประชาชน เพราะต้องเป็นไปตามนโยบายเศรษฐกิจของชาติตะวันตก 

ศ. Bond กล่าวว่า หากตะวันตกยังคงบีบบังคับแอฟริกาใต้ให้ชำระหนี้ ทำให้ประเทศมีเงินน้อยลงสำหรับโครงการจ้างงานและบริการสังคม ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเปลี่ยนประเทศไปสู่กลุ่มประเทศ BRICS เดินตามรัสเซีย จีน และอินเดีย ตลอดจนทำให้ระบอบการปกครองเปลี่ยนไปเป็นแบบอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย

Namhla Mcimbi (ที่สามจากซ้าย) กำลังเดินเล่นไปรอบ ๆ เมืองเคปทาวน์
กับเพื่อนของเธอโดยไม่มีเงินสำหรับจับจ่ายซื้อของ

สำหรับ Namhla Mcimbi ชีวิตในเมืองเคปทาวน์ ความหวังอันริบหรี่เกิดขึ้นหลังจากความผิดหวัง เธอหันไปหา Harambee Youth Employment Accelerator ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ส่งเสริมการจ้างงานเยาวชนผ่านความร่วมมือ เธอได้มีโอกาสเรียนรู้ข้อกำหนดพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการหางาน แล้วหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้งานชั่วคราวในตำแหน่งผู้ช่วยสอน

เรื่อง: ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล 
ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ อาจารย์พิเศษหลักสูตรปริญญาโทและเอก นักเล่าเรื่องมากมายในหลากหลายมิติ เป็นผู้ที่ชื่นชมสนใจในประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ


👍 ติดตามผลงาน อาจารย์ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.ปุณกฤษ%20ลลิตธนมงคล