'จีน-รัสเซีย' ดันราคา 'ทองคำโลก-หยวน' ศึกการเงินระลอกใหม่ หวังทุบดอลลาร์
(10 เม.ย.66) ศึกการเงินโลกของจีน-รัสเซีย จะสามารถทุบดอลลาร์ได้จริงหรือไม่ ?? งานนี้ใครกันแน่ที่จะพัง ?!? เมื่อจีนเดินหน้าซื้อ 'ทองคำ' เพิ่มอีกราว +5 หมื่นล้านบาท !!! ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แล้ว ซึ่งทำให้มูลค่าทองคำสำรองในคลังพุ่งเฉียด 5 ล้านล้านบาทหรือประมาณ 2,068 ตัน ! ขณะที่เงินรูเบิลรัสเซียเสื่อมค่ายับ จากอดีตเคยอยู่ที่ 25 ต่อ 1 ดอลลาร์ แต่ตอนนี้เทรดอยู่ 81.2 ต่อ 1 ดอลลาร์แล้ว ! (พูดง่าย ๆ ว่าอ่อนค่ากว่า -3x เท่า)
ไม่นานมานี้ World Maker เผยถึงยอดรวมของการซื้อทองคำของจีนในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาว่า เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 102 ตัน ! ในขณะที่ทางรัสเซียเองก็ดูเหมือนกำลังพยายามสะสมทองคำอยู่โดยไม่ได้รายงานตัวเลขอย่างเป็นทางการ ! พร้อมกับที่นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าราคาทองคำกำลังจะพุ่งทะลุเพดาน ? และฝ่ายปฏิบัติการของกองทัพฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็กำลังใช้สื่อออกมาแนะนำให้คนรีบไปซื้อทองคำเก็บเอาไว้ ! โดยเฉพาะการกระพือข่าวว่าดอลลาร์กำลังจะล่มสลาย ??
ยกตัวอย่างเช่นในไทย ตอนนี้เราจะเห็นนักวิเคราะห์และสื่อมากมายออกมาเชียร์ให้ซื้อทองคำ บางคนกล่าวชัดเจนว่าดอลลาร์กำลังจะกลายเป็นกงเต็กไร้ค่า แต่บางคนก็กล่าวว่าควรถือทองคำเอาไว้ในช่วงเวลาที่โลกมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ! โดยพวกเขามองว่าทองคำเป็นเพียง 1 ในสินทรัพย์เพียงไม่กี่อย่างบนโลกที่สามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว และมีแนวโน้มจะทำ All Time High ใหม่เหนือ 2,075 $/Oz ??
มีการกล่าวอีกว่าหลายประเทศกำลังจะเลิกใช้เงินดอลลาร์ รวมถึงประเทศในตะวันออกกลางที่ดูเหมือนจะหันมาจับมือกับจีน-รัสเซียเพื่อตกลงรับเงินหยวน-ทองคำเข้ามามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจและการค้ามากขึ้น พร้อมกับลดอำนาจและความเชื่อมโยงกับเงินดอลลาร์ไปในตัว ?
แน่นอนว่าสิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการก็คือทำให้คนแห่ไปซื้อทองคำกันเยอะ ๆ เพื่อดันราคาทองคำให้สูงขึ้นไปอีกและทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงไปพร้อม ๆ กัน เช่นการใช้เงินที่ได้จากการซื้อทองคำของผู้คนหรือเงินจากการเก็งกำไรในตลาดไปทุบดอลลาร์ต่อ
เหตุผลตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่มา Support ทองคำนั้นยังคงเป็นดังนี้...
1. ความเสี่ยงจากการเสื่อมค่าของดอลลาร์
2. คาดการณ์ที่ว่าดอกเบี้ย FED ใกล้ถึงจุด Peak และจะลดลงในอนาคต
3. การที่จีน-รัสเซียพยายามดันหยวน-ทองคำขึ้นมาแทนที่ดอลลาร์
4. อัตราเงินเฟ้อและความไม่มั่นคงทางการเงินที่อยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้คล้าย ๆ กับตอนที่ Bitcoin และ Tesla เคยเป็นกระแสข่าวในไทย ซึ่งมีสื่อปั่นกระแสอยากหนักและเชียร์ให้ซื้อ โดยกล่าวว่าราคาจะพุ่งขึ้นอีกมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ร่วงยับ -80% ซึ่งก็ต้องรอดูกันว่าฉากนี้จะเกิดขึ้นกับทองคำที่กำลังเป็นกระแสโหมกระหน่ำด้วยหรือไม่ ??
และในขณะที่นักวิเคราะห์และสื่อจำนวนมากในไทย (รวมถึงทั่วโลก) ออกมากล่าวว่าดอลลาร์-พันธบัตรสหรัฐฯ กำลังจะล่มสลายกลายเป็นกระดาษไร้ค่านี้ เราพบว่าดอลลาร์ยังครองการค้าโลกอยู่ในสัดส่วนราว 88% และมีสัดส่วนในทุนสำรองทั่วโลกราว 58% ขณะที่เงินหยวนครองการค้าโลกอยู่เพียง 4.47% และมีสัดส่วนในทุนสำรองทั่วโลกราว 2.6%
อุปสรรคที่สำคัญอีกอย่างในการขยายตัวของเงินหยวนก็คือ ประเทศจีนยังมีการควบคุมเงินทุนอย่างเข้มงวด และต่างชาติจำนวนมากก็ยังไม่มั่นใจในระบบของจีน รวมถึงไม่ได้อยากถือเงินหยวนไว้มากและไม่ได้กู้ยืมเงินผ่านการออกพันธบัตรในจีนเป็นหลัก นั่นหมายความว่าความต้องการเงินหยวนส่วนใหญ่จะมาจากการค้าโดยตรงกับจีนเสียมากกว่า
ทั้งหมดนี้ถือเป็นสิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาตลาดทองคำ, ดอลลาร์, เงินหยวน และ Bitcoin ไปพร้อม ๆ กัน แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าสุดท้ายแล้วอะไรจะพุ่งอะไรจะพังกันแน่ ? ความหวังที่ว่าราคาทองคำโลกจะพุ่งทะลุเพดานนั้นมีอยู่อย่างชัดเจนและปฏิเสธไม่ได้เช่นเดียวกับความหวังที่เงินดอลลาร์ละล่มสลาย
แต่ขณะเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่ความหวัง และอนาคตก็เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ มีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้นจึงไม่ควรมั่นใจในทองคำหรือเงินหยวนมากเกินไป เช่นเดียวกับที่ไม่ควรเชื่อมากเกินไปว่าดอลลาร์จะกลายเป็นแบงก์กงเต็ก เพราะไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์ ทองคำ หรือหยวน มูลค่าของมันย่อมมีขึ้นมีลงได้เป็นธรรมดา และทั้งหมดก็เป็นเพียงสิ่งสมมติในทางโลกไม่ต่างกัน ไม่มีใครตายแล้วเอาทองคำ ดอลลาร์ หรือหยวนติดตัวไปได้
เรื่อง: World Maker