สานฝันก่อนสิ้นลม ‘Annie Wilkins’ หญิงผู้ทรหดแห่งยุค 50s เดินทางข้ามประเทศแรมปี ขณะป่วยโรคร้ายระยะสุดท้าย

สวัสดีนักอ่านทุกท่านครับ วันนี้ผมมีเรื่องราวน่าสนใจมาเล่าให้อ่านอีกเช่นเคยครับ บทความในครั้งนี้จะพาทุกท่านย้อนกลับไปในช่วงยุค 50s นะครับ ต้องบอกก่อนว่าในยุคนั้นไม่ได้มีเทคโนโลยีล้ำ ๆ เหมือนกับสมัยนี้ ถนนหนทางไม่ได้มีมากมาย รถยนต์ที่ใช้สำหรับเดินทางก็ไม่ได้แพร่หลายเท่าทุกวันนี้ และดูจะเป็นของแพงที่จับต้องได้ยากเสียด้วยครับ

ทำไมวันนี้ผมถึงเกริ่นถึงเรื่องการเดินทาง...เพราะวันนี้ผมจะเล่าเรื่องการเดินทางของหญิงคนหนึ่ง ที่มีชีวิตอยู่ในยุค 50s กอปรกับเธอป่วยเป็นโรคร้าย ซ้ำยังไม่มีเงินทองมากพอที่จะนำมารักษาตัวเอง แต่สิ่งที่เธอตัดสินทำกลับเป็นสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิด เธอตัดสินใจออกเดินทางข้ามประเทศด้วยการขี่ม้าไปพร้อมกับสุนัขคู่ใจ 

บอกเลยว่า...การเดินทางครั้งนี้เป็นความฝันของเธอครับ

เกริ่นมามากขนาดนี้แล้ว เราไปทำความรู้จักผู้หญิงคนนี้กันดีกว่าครับ เธอมีชื่อว่า Annie Wilkins เดิมทีเป็นเกษตรกรจากมลรัฐ Maine เธอป่วยเป็นโรคร้ายที่ยากจะรักษา และเธอก็ไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว Annie Wilkins นิยามตัวเองว่า เธอเป็นคนค่อนข้างนอกรีด ทำอะไรที่ผิดแปลกไปจากผู้หญิงในยุคเดียวกัน เช่น เธอสวมกางเกงเป็นประจำ ทั้งๆ ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมสวมกางเกง เธอเขียนคิ้ว เธอขี่ม้าไปทำงานที่โรงงานรองเท้าในเมืองลูอิสตัน ทุกอย่างที่เธอทำเป็นจุดสนใจของผู้คน แต่ในทางกลับกัน ผู้คนก็มองไปที่เธออย่างระแวดระวังด้วย

ในปี ค.ศ.1954 ขณะนั้น Annie Wilkins มีอายุ 63 ปี เธอได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเธอป่วยเป็นโรคร้ายในระยะสุดท้าย และแพทย์ก็ระบุว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 2 ปีเท่านั้น ความกลัวและความหดหู่ถาโถมเข้าหาเธอแบบไม่ยั้ง เธอไม่มีเงิน และลุงที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอก็เพิ่งเสียชีวิตไป หนำซ้ำเธอยังต้องสูญเสียฟาร์มของเธออีกด้วย

Annie Wilkins ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของเธอ และก็คิดไปถึงแม่ของเธอที่เคยบอกไว้ว่า อยากจะไปเที่ยวที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียนมาตลอด แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ทำ เนื่องจากความยุ่งเหยิงในชีวิตตลอดที่ผ่านมา 

Annie Wilkins ตัดสินใจจะใช้เวลาอีก 2 ปีที่เหลือให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องการเดินทางข้ามประเทศเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต อีกทั้งเธอต้องการเห็นมหาสมุทรแปซิฟิกก่อนที่เธอจะตาย (มลรัฐ Maine อยู่ทางตอนเหนือของสหรัฐฯ ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก) เธอจึงไม่สนใจคำแนะนำของคุณหมอที่จะให้เธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านสงเคราะห์ของเทศมณฑลเพื่อใช้ชีวิตในวาระสุดท้าย

เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว Annie Wilkins จึงซื้อม้ารูปร่างดีสีน้ำตาลมาไว้สำหรับเป็นยานพานะ โดยเธอตั้งชื่อให้มันว่า ‘Tarzan’ นอกจากนี้เธอยังต้องจำนองบ้านหลังเล็กของเธอเพื่อเปลี่ยนมาเป็นเงินไว้ใช้สำหรับการเดินทางอีกด้วย

Annie Wilkins เริ่มต้นเดินทางในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1954 โดยเธอสวมชุดเอี๊ยมของผู้ชาย และเดินมุ่งหน้าไปทางใต้พร้อมกับ ม้า 2 ตัว ได้แก่ Tarzan และ Rex และสุนัขชื่อ Depeche Toi (แปลว่า ‘เร็วเข้า’ ในภาษาฝรั่งเศส) โดยหวังเพียงว่าจะผ่านทุ่งหิมะก่อนฤดูหนาวไปให้ได้

Annie Wilkins ออกเดินทางโดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร เธอไม่มีเข็มทิศนำทาง ไม่มีแผนที่ มีก็เพียงแค่ม้าคู่กายอย่าง Tarzan ซึ่งเป็นอดีตม้าแข่งผู้ซื่อสัตย์ของเธอ และความเชื่อที่ไม่สิ้นสุดของเธอที่ว่า คนอเมริกันจะปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าด้วยความเมตตา

Annie Wilkins และเพื่อน 4 ขาอีก 3 ตัว มุ่งหน้าไปยังโลกที่กว้างที่กำลังเปลี่ยนไปเนื่องจากการก่อสร้างทางหลวง และการใช้รถเริ่มแพร่หลายมากขึ้น และในระหว่างปี ค.ศ.1954 - 1956 Annie Wilkins และเพื่อน 4 ขาของเธอก็ได้พากันฟันฝ่า พายุหิมะ ลุยแม่น้ำ ข้ามภูเขา และเกาะไหล่ทางแคบ ๆ ของถนน 

ในยุคนั้น โทรทัศน์เริ่มแพร่หลายและมีอิทธิพลต่อสังคมอย่างมาก Annie Wilkins และเพื่อน 4 ขาอีก 3 ตัว ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวบ้านทั้งหลายในช่วงเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย การเดินทางของพวกเธอถือเป็นเรื่องที่น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง แต่ Annie Wilkins ก็ไม่คิดเสียใจ

และเมื่อเวลาผ่านเลยไป เธอก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก และเผชิญกับสภาพอากาศอันเลวร้ายได้ ในขณะที่รถแล่นผ่านพวกเธอไปอย่างน่าหวาดกลัว Annie ขี่ม้ามากกว่าสี่พันไมล์ ผ่านเมืองใหญ่และเมืองเล็กๆ ของอเมริกามากมาย ระหว่างทาง เธอได้พบกับคนธรรมดาและคนดัง ตั้งแต่ Andrew Wyeth (ผู้วาดภาพ Tarzan) ไปจนถึง Art Linkletter และ Groucho Marx เธอได้รับข้อเสนอมากมาย เช่น บ้านถาวรที่คอกม้าในมลรัฐ New Jersey งานที่ปั๊มน้ำมันในชนบทของมลรัฐ Kentucky แม้กระทั่งข้อเสนอขอแต่งงานจากเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ผู้อ้างว้างคนหนึ่งในมลรัฐ Wyoming 

แม้จะได้รับโอกาสหลายๆ อย่าง แต่ Annie ก็ไม่ได้คว้าเอาไว้ เธอยังคงยึดมั่นในทางเดินของตัวเอง และหวังว่าจะทำในสิ่งที่แม่ของเธอปรารถนาได้สำเร็จ เป็นเวลากว่าหนึ่งปีที่ Annie และเหล่าผองเพื่อนสัตว์ของเธอได้เดินทางฝ่าฟันสภาพอากาศต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา ผ่านบ้านและเมือง สิ่งที่เธอคิดและเชื่อเกี่ยวกับผู้คนในประเทศนี้เป็นความจริง ทุกคนที่เธอเจอนั้นมีความเมตตาอย่างเปี่ยมล้น และเธอก็ได้พบกับผู้คนที่แตกต่างและหลากหลายในทุกประเภท ในบางสถานที่ บางชุมชน ผู้คนต่างเฝ้ารอการมาถึงของเธอ ผู้คนต้อนรับเธอในฐานะวีรสตรีอย่างเอิกเกริก โห่ร้องต้อนรับและขอลายเซ็นของเธอ

Annie กับ King และ Art Linkletter

แต่เรื่องเศร้าสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อ Rex หนึ่งในม้าของเธอได้เสียชีวิตระหว่างการเดินทาง แต่หลังจากนั้นAnnie ก็สามารถหาสัตว์พาหนะตัวใหม่และเธอตั้งชื่อว่า King เพื่อจับคู่กับ Tarzan 

เวลาล่วงเลยเข้ามาในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1955 ใช้เวลาเกือบหนึ่งปีหลังจากที่เธอเริ่มต้นเดินทาง Annie ก็ได้เดินทางมาถึงยังเมือง Redding มลรัฐ California โดยเธอมาถึงจุดหมายปลายทาง โดยใช้เวลาทั้งหมด ๕๐๒ วัน รวมระยะทางกว่า ๗,๐๐๐ ไมล์ 

ป้ายจารึกหลุมฝังศพของ Annie Wilkins

สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างหนึ่งคือ เมื่อตอน Annie Wilkins มาถึงมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สภาพร่างกายของเธอแข็งแรงดี แต่ไม่นานเธอก็เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดที่มลรัฐ Maine แต่ไม่ได้กลับไปพำนักในเมือง Minot เพราะที่สุดเธอก็ย้ายไปอยู่กับ Mina Titus Sawyer เพื่อนของเธอที่เมือง Whitefield มลรัฐ Maine และมีชีวิตจนถึงปี ค.ศ. 1980 โดยเธอเสียชีวิตในบ้านพักคนชราของมลรัฐ Maine เมื่ออายุได้ ๘๙ ปี ไม่ทราบชัดเจนว่า เธอสามารถเอาชนะโรคร้ายที่จะคร่าชีวิตครั้งก่อนได้อย่างไร แต่ธรรมชาติของการเดินทางน่าจะเป็นการเยียวยาและฟื้นฟูร่างกายของเธออย่างที่ไม่สามารถมองข้ามได้

The Last of the Saddle Tramps หนังสือที่เธอเขียนเกี่ยวกับการผจญภัยของเธอ

หลังจากการเดินทางของเธอเสร็จสิ้น Annie ได้สะท้อนให้เห็นในหนังสือที่เธอเขียนเกี่ยวกับการผจญภัยของเธอในปี ค.ศ. 1967 ชื่อ The Last of the Saddle Tramps เกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งสำคัญของเธอสำหรับการดำเนินการดังกล่าว : “การตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งที่ฉันเคยรู้จักและรักคือ ยากที่สุดเท่าที่ฉันเคยสร้างมา แต่พระเจ้าทรงช่วยให้ฉันทำ ฉันจึงรู้ว่า ฉันกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถึงกระนั้น แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า ฉันก็ต้องใช้มนต์สะกดพอสมควรในการตัดสินใจของหญิง ชาวมลรัฐ Maine ผู้ไม่รีบเร่งที่จะทำในสิ่งต่าง ๆ”

เรื่อง: ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล
ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ อาจารย์พิเศษหลักสูตรปริญญาโทและเอก นักเล่าเรื่องมากมายในหลากหลายมิติ เป็นผู้ที่ชื่นชมสนใจในประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ


👍 ติดตามผลงาน อาจารย์ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.ปุณกฤษ%20ลลิตธนมงคล