‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! ฟื้นสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ สำเร็จในรอบ 32 ปี ขึ้นแท่นคู่ค้ารายใหญ่ ขยายโอกาสทางเศรษฐกิจรอบด้าน

(22 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับความสำเร็จหลังการฟื้นความสัมพันธ์ประเทศไทยและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เปิดโอกาสความร่วมมือ เพิ่มตัวเลขการค้าระหว่างกัน โดยในปี 2565 มีมูลค่าการค้ารวม 323,113.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 37.64%

ทั้งนี้ ช่วงต้นปี 2565 รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการเป็นผลสำเร็จ เปิดโอกาสความร่วมมือระหว่างกัน 9 ด้าน ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว, ด้านแรงงาน, ด้านอาหาร รวมถึงความร่วมมือใน ด้านสุขภาพ, ด้านพลังงาน, ด้านการศึกษาและศาสนา, ด้านความมั่นคง, ด้านกีฬา และด้านการค้าและการลงทุน ทั้งภาครัฐและเอกชนของทั้ง 2 ฝ่าย โดยภาคเอกชนไทยสนใจลงทุนธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าตกแต่งภายใน ส่วนซาอุดีอาระเบียสนใจลงทุนด้านพลังงานในพื้นที่ EEC ซึ่งซาอุดีอาระเบียพร้อมลงทุนสูงถึง 300,000 ล้านบาทใน EEC

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) ขยายความร่วมมืออีกหลายฉบับ จับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างภาครัฐซาอุดีอาระเบีย และภาคเอกชนไทย มากกว่า 500 คู่ ซึ่งคาดว่าจะเกิดมูลค่าการค้าใหม่ 3 หมื่นล้านบาท และสร้างการลงทุนระหว่างกันมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2566

ในช่วงต้นปี 2566 ซึ่งเป็นโอกาสครบรอบ 1 ปีฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย ตัวเลขการค้าของสองฝ่ายมีมูลค่ารวมกว่า 323,113.42 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขทางการค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 37.64% ทำให้ซาอุดีอาระเบียกลายเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 17 ของไทยในตลาดโลก และอันดับที่ 2 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง

โดยไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบียเป็นมูลค่ากว่า 71,386.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.46% ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจำพวกรถยนต์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศ อาหาร อัญมณีและเครื่องประดับไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ และผลิตภัณฑ์ยาง และนำเข้าสินค้าจากซาอุดีอาระเบียกว่า 251,727.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.69% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้านํ้ามันดิบ นํ้ามันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมถึงด้านการท่องเที่ยว ว่า ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยกว่า 1 แสนคน มากกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 ที่มีท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 3 หมื่นกว่าคนต่อปี ซึ่งคาดว่าด้วยความนิยม ชื่อเสียงด้านเมืองจุดหมายปลายทางของไทย และการเดินทางระหว่างกันที่สะดวกสบายมากขึ้นผ่านเที่ยวบินตรงซึ่งเกิดจากความสำเร็จ และความพยายามของรัฐบาล จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ให้เข้ามาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นได้อีกเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ชัดเจนจากการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นการฟื้นฟูความสำเร็จรอบ 32 ปี จึงเป็นโอกาสสำคัญในการขยายความร่วมมือ การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ความสัมพันธ์ด้านสังคม แรงงาน ซึ่งจะช่วยต่อยอดขยายโอกาสไปยังมิติที่ต่างมีศักยภาพ และสามารถพัฒนาความร่วมมือไปได้เพิ่มอีก


ที่มา : https://mgronline.com/uptodate/detail/9660000026706